ตอนที่ 3 ความสัมพันธ์ 2
ตอนที่ 3 ความสัมพันธ์ 2
อายุสิบปี
ภายในตัวบ้านนั้นมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากแสงจันทร์ทอลอดผ่านม่านหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง ทำให้พอมองข้าวของภายในตัวบ้าน ว่าอะไรวางอยู่ตรงจุดไหน
หวังไป๋หานในวัยสิบสามปี เดินกลับเข้ามาภายในตัวบ้านที่ไร้แสงไฟ ด้วยสีหน้างุนงง เพราะก่อนจะออกจากบ้านไปทำธุระให้คุณหนู ไฟยังสว่างเป็นปกติอยู่เลย
“ทำไมไฟถึงดับอยู่แค่หลังเดียวล่ะนี้”
พรึ่บ!
สิ้นประโยคคำถามไฟในห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้น จนสายตาของไป๋หานปรับสภาพไม่ทัน ต้องรีบปิดเปลือกตาลงเสียก่อน
“สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ชาย”
สิ้นเสียงหวาน ไป๋หานก็รีบลืมตาขึ้นดู สิ่งที่พบเห็นเป็นอันดับแรก คือใบหน้าหวานละมุนของเด็กหญิงวัยสิบปี รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้โลกดูสว่างไสวมากขึ้นเท่าตัว ภายในมือถือเค้กขนาดหนึ่งปอนด์พร้อมกับเทียนจำนวนสิบสามเล่มที่กำลังส่องแสงสว่างไสว
“คุณหนู”
ไป๋หานมองเค้กในมือของคุณหนูอย่างซาบซึ้งใจ เมื่อวันเกิดปีที่แล้ว คุณหนูก็จัดงานวันเกิดให้เขา และเค้กคุณหนูก็เป็นคนหัดทำขึ้นมาเอง แต่ตอนนั้นทั้งรูปร่างและรสชาติอาจจะยังไม่ได้เรื่องเท่าไรนัก
แต่ปีนี้เค้กวันเกิดอายุครบสิบสามปีของเขา แค่รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูน่าทานแล้ว
“ฉันขอให้พี่ชายมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นพี่ชายที่น่ารักของฉันไปแบบนี้ตลอดนะคะ”
“พี่ขอบคุณคุณหนูมาก ไม่น่าลำบากทำเพื่อพี่ขนาดนี้เลย”
เด็กชายวัยสิบสามกล่าวอย่างเจียมตัว ทั้งท่านนายพลและคุณหนูเมตตากับครอบครัวของเขามากจนเกินไปแล้ว แค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณในชาตินี้ได้หมดหรือเปล่า
“หลิงหลานอุตส่าห์ทำเพื่อนาย ก็รับน้ำใจเขาไปเถอะ”
นายพลหย่งไท่เดินนำพ่อแม่ของเด็กชายและคนรับใช้ในบ้านทุกคนเข้ามาในห้องนั่งเล่น ที่ประดับประดาไปด้วยของตกแต่ง อาหารและเครื่องดื่มสำหรับงานเลี้ยงฉลองตามแบบฉบับตะวันตก
“รีบเป่าเทียนสิคะ”
หลิงหลานยกเค้กที่บรรจงทำขึ้นเองยื่นไปตรงหน้าเด็กชาย ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมคายอย่างเฝ้ารอ
หวังไป๋หานจึงโน้มใบหน้าลงเป่าเทียนวันเกิดทั้งสิบสามเล่มจนดับหมด ท่ามกลางเสียงตบมือและเสียงอวยพรจากทุกคน
หลังจากพี่ชายผู้แสนดียอมเป่าเทียนวันเกิดแต่โดยดีแล้ว หลิงหลานก็วางเค้กลงบนโต๊ะ หยิบกล่องกำมะหยี่ยาวขึ้นมา ยื่นไปตรงหน้าเด็กชายอีกครั้ง
“ของขวัญวันเกิดสำหรับพี่ชายที่แสนดีของหลิงหลานค่ะ”
“คุณหนูไม่เห็นต้อง...” เด็กชายพูดไม่ทันจบ เสียงหวานก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าพี่ชายไม่รับ หลิงหลานจะโกรธและไม่พูดด้วยตลอดชีวิตเลย”
ไม่พูดเปล่าสองแก้มยังทำแก้มป่อง เรียกสายตาเอ็นดูจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
ไป๋หานเบนสายตาไปมองพ่อกับแม่ พอเห็นท่านทั้งสองพยักหน้าอนุญาต เขาจึงยอมเอื้อมมือไปรับกล่องยาวมาจากมือของคุณหนู ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ไปแกะในห้องนอนของตัวเอง
“แกะดูหน่อยสิ ว่าคุณหนูให้อะไรเป็นของขวัญ”
“ใช่ แกะเลย พวกเราอยากดูด้วย”
บรรดาคนรับใช้คนอื่น ๆ ต่างพากันคะยั้นคะยอให้เด็กชายแกะของขวัญ ด้วยอยากรู้ว่าเจ้านายให้อะไรเป็นของขวัญ ไม่ใช่เพราะความริษยาแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา ทุกสิ้นปี นายพลหย่งไท่ก็จะมีของขวัญพิเศษมอบให้พวกเขาอยู่เป็นประจำ
เจ้าของวันเกิดจึงไม่มีทางเลือก ลงมือแกะกล่องของขวัญออก ปรากฏว่าภายในเป็นนาฬิกาของผู้ชาย ตัวเรือนค่อนข้างหรูหรา ไม่ต้องถามถึงราคา เงินเดือนของคนรับใช้คงจะไม่กล้าซื้อมาใส่แน่
“โอ้โห” หลายเสียงร้องประสานกัน ตื่นเต้นดีใจไปกับเจ้าของนาฬิกาเรือนหรูนี้ด้วย
“คุณหนู” ไป๋หานตื้นตันจนพูดไม่ออก เพราะเมื่อหลายวันก่อน เขากับเพื่อนพากันพูดถึงนาฬิการุ่นนี้ที่ออกมาใหม่
“ถ้าพี่ชอบก็ใส่ติดตัวตลอด ห้ามถอดทิ้งนะคะ”
“ครับ พี่จะใส่ติดตัวตลอดเวลาเลย”
ไป๋หานหยิบนาฬิกาออกจากกล่อง จัดการสวมใส่ลงบนข้อมือข้างขวา ทำให้เจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ยิ้มแก้มแทบปริ
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิด ก็เริ่มขึ้นท่ามกลางผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหยาง เสร็จสิ้นงานเลี้ยง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน รวมไปถึงเจ้าของวันเกิดในค่ำคืนนี้ด้วย
ก๊อก!...ก๊อก!
แต่ยังไม่ทันจะได้เอนกายลงนอนพักผ่อน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเสียก่อน เด็กชายจึงลุกไปเปิดประตู ก็เห็นมารดายืนรออยู่หน้าห้อง
“แม่มีอะไรหรือเปล่า มาเคาะห้องผมดึกดื่นอย่างนี้”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แม่แค่อยากมาย้ำ ให้ลูกรู้ว่าท่านนายพลกับคุณหนูมีเมตตากับพวกเรามากแค่ไหน ดังนั้น ลูกมีหน้าที่ต้องคอยดูแล ปกป้องคุณหนูให้ดี เข้าใจหรือเปล่า”
ลี่เฟิงเห็นคุณหนูซื้อของราคาแพงเป็นของขวัญให้บุตรชาย โดยไม่นึกเสียดาย จึงต้องการมาย้ำให้บุตรชายตระหนักในน้ำใจของเจ้านายให้ดี
“แม่ไม่ต้องบอก ผมก็รู้ครับ ผมรับรองว่าจะดูแลปกป้องคุณหนูให้ดี ด้วยชีวิตของผมเอง”
“แม่ได้ยินลูกพูดแบบนี้ ก็สบายใจขึ้นแล้ว รีบนอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปโรงเรียน”
ลี่เฟิงยิ้มอ่อนหวานให้บุตรชายจบ ยืนรอจนบุตรชายปิดประตูห้องนอนแล้ว จึงเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง...
อายุสิบหกปี
“ว้าว ไป๋หานวันนี้นายขับรถมา อย่าบอกนะว่าจะไปส่งเหม่ยฉีที่บ้าน”
“แบบนี้ฉันก็ต้องกลับกับหลินเย่แค่สองคนนะสิ อิจฉาคนมีความรักจังเนอะ”
หลินเยว่กับเซียงเฟย นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ เอ่ยปากแซวสองชายหญิงที่เดินเคลียคลอกันมาด้วยความอิจฉาตาร้อน
“พวกเธอก็...ไป๋หานเขายังไม่ได้เอ่ยปากชวนฉันเสียหน่อย”
‘โจวเหม่ยฉี’ ยิ้มเขินอาย พวงแก้มสองข้างสุกปลั่งไปด้วยสีชมพูระเรื่อ มองไปยังรถยนต์หรูอย่างมีความหวัง ถึงแม้ว่านี้จะไม่ใช่รถยนต์ของคนรักของเธอ แต่ถ้าได้ขึ้นสักครั้ง ก็เป็นบุญของเธอแล้ว
ทางด้านไป๋หานนักศึกษาในวัยสิบเก้าปี มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด การที่เขาได้ขับรถของตระกูลหยางมานั้น เพราะว่าพ่อของเขาติดธุระพาท่านนายพลไปต่างเมือง หน้าที่รับส่งคุณหนูไปโรงเรียนจึงตกมาเป็นหน้าที่ของเขา
เหม่ยฉีเห็นสีหน้าลำบากใจของชายคนรัก ก็หน้าเสียเล็กน้อย รู้ทันทีว่าวันนี้คงไม่มีวาสนาได้นั่งรถหรู แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ก็รีบปรับสีหน้าแววตาให้กลับมาเป็นปกติ
“ไป๋หาน ไม่สะดวกไปส่งก็ไม่เป็นไรนะ ฉันกลับเองได้”
“ขอโทษนะเหม่ยฉี วันนี้ผมต้องรีบไปรับคุณหนูที่โรงเรียน เอาไว้ให้ผมเรียนจบ ทำงานได้เงินเดือน ผมจะเก็บเงินออกรถสักคัน เป็นของตัวเอง จะได้ขับไปรับไปส่งคุณดีไหม”
ไป๋หานเริ่มคบหากับเหม่ยฉี ตั้งแต่เข้ามาเรียนในมหาลัยได้ไม่ถึงเดือน หญิงสาวเป็นคนสวย และไม่เคยรังเกียจที่เขาเป็นเพียงลูกของคนรับใช้ในบ้านตระกูลหยาง เขาจึงรักผู้หญิงตรงหน้ามาก จึงวางแผนอนาคต ที่จะก่อร่างสร้างตัวให้มีฐานะที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ คุณรีบไปรับคุณหนูของคุณเถอะ”
เหม่ยฉียิ้มอ่อนโยนให้ชายหนุ่มตรงหน้า เธอเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูด เขาจะทำมันได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตามารุมล้อมเธอ แต่กลับไม่มีใครที่จะทำให้ใจเธอเต้นแรงเหมือนกับไป๋หานได้เลย
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”