นิยาย
บ่วงรักกลางใจ
“เอ่อ...คือว่า...คือ...ฉันชื่อ...ปณิดา...เป็นพี่...เอ่อ..พี่สาว” ปณิดาหน้าซีดปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ร่างบางถอยห่างออกมา 2 ก้าวและรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวราวกับเสือหนุ่มที่กำลังจ้องเหยื่อ“เล่นบ้าอะไรของคุณ เลวที่สุด! นี่คงอยากแต่งงานจนต้องปลอมตัวเป็นเจ้าสาวของผมเชียวเหรอหน้าด้านไม่มียางอาย หาผัวเองไม่ได้แล้วหรือไงถึงใช้วิธีนี้” นนทกานต์เน้นเสียงลอดไรฟันแล้วจับหมับเข้าที่ต้นแขนบางก่อนจะออกแรงบีบ จนอีกฝ่ายหน้าเบ้ด้วยความเจ็บและร้องออกมา“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะคุณนนทกานต์ แล้วเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงคุณหรือใคร” ปณิดามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ความกลัวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นมาแทนที่เมื่อโดนดูถูกอย่างหยาบคายจากชายหนุ่ม“นั่นแหละสิ่งที่ผมต้องการ พ่อแม่คุณคงคิดว่าผมโง่เป็นควายสินะที่เอาตัวคุณมาประเคนให้ผมแทน ฮึ ฮึ ครอบครัวคุณอยากได้ทรัพย์สมบัติของพ่อผมขนาดต้องหลอกลวงกันเลยเหรอ น่าทุเรศสิ้นดี” พูดจบมุมปากของเขาก็เหยียดออกอย่างเยาะเย้ย “อย่ามาพูดจาดูหมิ่นคุณพ่อคุณแม่ของฉันนะ” เธอตะคอกใส่ด้วยความโมโห ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อระงับความโกรธที่พุ่งขึ้นมากับคำพูดที่พาดพิงถึงบุพการีผู้มีพระคุณ “ดูถูกก็ดีกว่าดูผิดไม่ใช่เหรอ” นนทกานต์หรี่ดวงตาลงและนึกไปถึงประวัติของครอบครัวนี้ที่เขาได้มาจากนักสืบว่าครอบครัวของนายบัลลพมีลูกสาว 2 คน คนโตเป็นลูกบุญธรรมที่ขอมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ส่วนอีกคนก็คือบุตรสาวแท้ๆ แล้วถ้าเขาเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นบุตรสาวคนโต รอยยิ้มเยาะเย้ยจึงฉายขึ้นอีกครั้งบนเรียวปากของเจ้าบ่าวสุดหล่อพร้อมกับคำพูดเหยียดหยาม “ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณก็คงจะเป็นลูกที่พวกเขาขอมาเลี้ยง คงดีใจไม่น้อยเลยสิที่ได้แต่งงานกับผม คงนึกสินะว่าตัวเองเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ผมขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่าคุณคิดผิดเพราะแมวอย่างผมจะไม่ยอมปล่อยหนูอย่างคุณให้สุขสบายแน่” “คุณอยากจะพูดอยากจะคิดอะไรก็เรื่องของคุณ แต่ฉันขอบอกคุณให้รู้เอาไว้เหมือนกันว่าฉันไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณ ขอทานข้างถนนยังดีเสียกว่าอีก” ปณิดากลั้นอารมณ์โมโหและพูดตอกกลับไปบ้าง และนั่นก็ทำให้ใบหน้าคมเปลี่ยนจากยิ้มเยาะมาเป็นบึ้งตึงทันทีก่อนที่ร่างสูงจะดึงร่างบางเข้ามาปะทะอกและเน้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้นใส่ใบหน้าสวยหวานนั้น “ปากกล้านักนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ผมจะคอยดูสิว่าคุณจะทนได้สักแค่ไหน คุณเตรียมตัวรับความทุกข์ทรมานได้เลย” พูดจบเขาก็ผลักร่างบางล้มลงไปกับพื้นแล้วยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ปณิดานั่งกำมือแน่นด้วยความเจ็บแค้นใจ ถึงจะเจ็บกายแต่มันก็ไม่เท่ากับเจ็บที่ใจ เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่หน้าตาดีๆมีการศึกษาสูงจะมีจิตใจที่ต่ำช้าได้มากขนาดนี้ แล้วนี่เธอจะทำยังไงในเมื่อกระโดดลงมาในบ่อเพลิงแห่งนี้แล้วถ้าจะถอนตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว นอกจากจะเดินหน้าและเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
บำเรอเสน่หา
หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง “ทำไมสวรรค์ต้องเล่นตลกกับชีวิตของฉันแบบนี่ด้วยนะ เมื่อวานยังทำงานสบายๆอยู่เลย วันนี้ต้องมาเป็นขี้ข้าเขาสะงั้น เฮ้อ...ชีวิตที่แสนจะรันทด เป็นเพราะความบ้าอำนาจของเจ้าชายคนเดียวเลย” สาวไทยอดที่จะบ่นอย่างโมโหไม่ได้ และยิ่งโมโหมากเท่าไร ไม้ปัดขนไก่ในมือเรียวก็ฟาดลงไปบนเบาะของโซฟาแรงขึ้นเท่านั้น เหมือนกับจะใช้มันเป็นที่ระบายอารมณ์ของตัวเอง และหลังจากทำส่วนหน้าเสร็จเรียบร้อย นรีกานต์ก็ลากเครื่องมือเข้าไปที่ส่วนใน แล้วก็เริ่มลงมือทำงานต่อ โดยไม่ทันได้สังเกตสิ่งผิดปรกติบนเตียงกว้างเลยสักนิด แต่นั่นก็เพราะเธอแน่ใจว่าเจ้าชายไม่อยู่แล้ว จนกระทั่งร่างบางเดินถอยหลังไปสะดุดเข้ากับชายพรมสีน้ำเงิน แล้วเซถอยหลังไปทรุดนั่งอยู่บนเตียงกว้าง มือเรียวสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทั้งนุ่มและอุ่น คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเลื่อนมือคลำไปเรื่อยๆ แล้วก็หยุดเมื่อแน่ใจว่ามันคือสิ่งใด ‘หน้าอกคน’ ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นเหยเกทันทีเหมือนกับกินยาขมๆ ก่อนจะรีบชักมือกลับแล้วดีดตัวลุกขึ้น แต่ก็ถูกมือใหญ่รั้งให้เซล้มลงไปบนเตียงอีกครั้ง “จะรีบไปไหนล่ะ ไม่คลำต่อแล้วเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้นรีกานต์หันไปมองทางต้นเสียงทันที แล้วดวงตากลมโตก็ยิ่งโตขึ้นเมื่อใบหน้าของเธอ อยู่ห่างจากพระพักตร์หล่อเหลาเพียงคืบเดียวเท่านั้น หญิงสาวนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาได้ “เจ้าชาย!...เอ่อ... ก็ไหนซานีบอกว่าพระองค์ตื่นบรรทมตั้งแต่เช้า แล้วทำไมถึงทรงยังอยู่” นรีกานต์ถามเสียงสั่น พร้อมกับพยายามลุกขึ้น แต่พระหัตถ์แกร่งก็กดทับเอวคอดกิ่วเอาไว้ไม่ให้ลุก สาวไทยลอบกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น ในหัวอกด้านซ้ายเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก “เมื่อคืนผมทำงานดึกไปหน่อย วันนี้เลยคิดว่าจะหยุดอยู่เฉยๆ สักวัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีของหวานมาเสิร์ฟให้ถึงเตียง” พระเนตรคมจ้องลึกเข้าไปที่ดวงตาคู่สวยพร้อมกับแย้มพระโอษฐ์ขึ้นน้อยๆ กลิ่นหอมจากกายบุรุษเพศทำให้ลมหายใจของนรีกานต์สะดุดเป็นช่วงๆ หญิงสาวรีบถอนสายตาหลบไปมองทางอื่นเพื่อข่มความตื่นเต้นและตื่นกลัว ก่อนจะปัดพระหัตถ์หนาหนักออกไปจากเอว แล้วรีบลุกขึ้นก้าวลงจากเตียง มายืนหอบหายใจถี่ๆ อยู่กลางห้อง “หม่อมฉันไม่ใช่ขนมหวานของใคร! ถ้าหม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ยังบรรทมอยู่ก็คงจะไม่เข้ามา เชิญบรรทมต่อเถอะเพคะ หม่อมฉันทูลลา!” นรีกานต์ใช้น้ำเสียงแข็งๆ กลบเกลื่อนเสียงสั่นๆ ของตนเอง ก่อนจะหมุนตัวก้าวออกไป แต่ร่างบางก็เดินไปได้แค่ 2 ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เพราะรับสั่งที่ดังตามหลังมา “มาทำผมตื่นแล้วคิดจะออกไปง่ายๆ งั้นเหรอ คุณยังทำงานของคุณไม่เสร็จเลยนะ” แววเนตรสีน้ำตาลวาวโรจน์ขึ้น จากนั้นวรกายสูงก็ก้าวลงจากเตียง แล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมตัวยาวที่ปลายเตียงมาสวม ก่อนจะเสด็จมายืนซ่อนทางด้านหลังของสาวไทย “ไหนๆ ผมก็ตื่นแล้ว คุณช่วยไปผสมน้ำอาบให้ที ผมขี้เกียจนอนแล้ว” ทรงก้มพระพักตร์ลงมารับสั่งเหมือนกับแกล้งยั่ว นรีกานต์หลับตาปี๋พร้อมกับกลั้นลมหายใจของตัวเอง เมื่อลมหายใจอุ่นๆ เปารดที่ต้นคอ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ สาวไทยลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าชีคหนุ่มนั้นเดินหัวเราะร่าเริงไปทรุดนั่งที่โซฟาด้านนอก แล้วส่งแววตาเยาะๆ มาทางเธอ ริมฝีปากบางจึงเม้มเข้าหากันด้วยความอายระคนโมโห “นั่นไม่ได้อยู่ในรายชื่อหน้าที่ของหม่อมฉัน” สาวไทยเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ “แต่มันอยู่ในคำสั่งของผม หรือคุณคิดจะขัดคำสั่งของผม” เจ้าชายหนุ่มเลิกพระขนงขึ้นสูงพร้อมกับเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจ นรีกานต์เม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอรู้ดีว่าสายตาของชีคหนุ่มนั่นหมายความว่าอย่างไร ถ้าเธอไม่ทำตามรับสั่ง ความเดือดร้อนก็จะไปเยือนรติรสทันที “ขู่ได้ขู่ไป” หญิงสาวทำปากขมุบขมิบเบาๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปทางห้องน้ำอย่างโมโห ชารีฟมองตามร่างบางไป ก่อนจะหุบยิ้มลง เมื่อครู่ตอนอยู่บนเตียง เขาเองก็แทบยั้งตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน ไม่อยากจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มอวบอั้นนั้นออกจากวงแขนเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ผู้หญิงคนนี้ถึงได้สร้างความปั่นป่วนในร่างกายของเขาได้มากขนาดนี้ จะว่าขาดเรื่องผู้หญิงก็ไม่น่าจะใช่ หรือว่าร่างกายของเขาผิดปรกติอะไร “ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา ร่างกายเราก็ปรกติดีทุกอย่าง” ทรงแย้งความคิดในพระทัย ก่อนจะเสด็จไปยืนทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่าง ครู่ต่อมานรีกานต์จึงเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินมาหยุดรายงาน “เตรียมน้ำเสร็จแล้วเพคะ” “เร็วดีนี่ ขอบใจ ผมจะลงไปนอนแช่น้ำให้สบายใจสักครึ่งชั่วโมง ส่วนคุณก็ทำความสะอาดห้องนี้ให้เสร็จก่อนที่ผมจะออกมา” ชารีฟหันมากระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง
ทะเลทรายเริงรัก
“ใช่ผมเอง ตามผมมานี่!” อูซาลเน้นเสียงลอดไรฟันแล้วฉุดแขนหญิงสาวให้เดินตามเขาออกมาจากในงาน “ปล่อยนะเพคะ!” สุกัญญาทั้งทุบทั้งตีที่มือหนาของเจ้าชายหนุ่มแล้วขืนตัวเอาไว้ แต่ก็สู้แรงของชายหนุ่มไม่ไหว เขาดึงเธอออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแล้วเดินเลาะมาทางสวนด้านหลังที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆและไม่มีผู้คนอยู่เลย “ปล่อย!” หญิงสาวสะบัดแขนอย่างแรง “ทำไม? ทีกับผมทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว แต่กับเจ้าจิซัสไม่เห็นคุณจะทำท่ารังเกียจเลย” อูซาลเน้นเสียงลอดไรฟันพร้อมกับกำข้อมือบางของสุกัญญาเอาไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาววิ่งหนี “ก็เพราะว่าคุณจิซัสไม่ใช่ผู้ชายที่น่ารังเกียจ และฉวยโอกาสอย่างฝ่าบาท” ด้วยความกลัวและโมโหทำให้หญิงสาวตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างลืมตัว “น่ารังเกียจยังงั้นเหรอ ฮึ ฮึ” อูซาลหัวเราะในลำคอแล้วออกแรงบีบที่ข้อมือของหญิงสาวแรงขึ้นและพูดต่อ “คนที่น่ารังเกียจน่าจะเป็นเจ้านายของคุณมากกว่า ผมว่าทางที่ดีอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจิซัสจะดีกว่า” “ไม่เพคะ คุณจิซัสเป็นคนดี แต่คนอย่างฝ่าบาทต่างหากที่หม่อมฉันควรจะออกห่างและระวัง” เธอเชิดหน้าขึ้น แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อข้อมือทั้งสองข้างเจ็บร้าวราวกับจะหักออกจากกัน “โอ๊ย! หม่อมฉันเจ็บ ปล่อยนะเพคะ! ถ้าไม่ปล่อยหม่อมฉันจะร้องให้คนช่วย” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ก็เอาสิ พวกนั้นจะได้ออกมาเห็นว่าผมกำลังทำอะไรคุณอยู่ แล้วมาดูกันว่าใครที่จะเป็นฝ่ายชนะ แล้วถ้าคุณร้องผมก็จะจูบคุณ อยากลองดูก็ตามใจ” เจ้าชายอูซาลดึงร่างบางหอมกรุ่นกลิ่นเนื้อนวลสาวเข้ามาแล้วตวัดแขนโอบรอบลำตัวบอบบางนั่นเอาไว้จนเรียกได้ว่าไม่มีช่องว่างให้มดเดินเลยด้วยซ้ำ
มินิซีรี่ย์ เรื่องรักจากทะเลทราย
ในเล่มนี้จะมีเรื่องสั้น 3 เรื่อง อ่านกันแบบจุใจไปเลยค่ะ เป็นเรื่องราวความรัก โรแมนซ์ หวาน ขม ตบจูบ ดราม่า กุหลาบทะเลทรายทาสรักกลางทะเลทรายเล่ห์รักในบ่วงทรายสาวๆ จะต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมาย แล้วจะผ่านไปได้อย่างไร
ลมรักอสูรทะเลทราย
“กลัวทำไม ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย คุณเคยผ่านมาแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่คุณชอบนะ” เขากระซิบบอกที่ริมหูของเธอ แต่คราวนี้เพียงฟ้าทนไม่ได้กับคำพูดดูถูกของเขา ร่างบางหันมาแล้วฟาดฝ่ามือบางลงไปบนใบหน้าคมเข้มของเจ้าชายหนุ่ม “เผียะ!” จนใบหน้านั้นหันไปตามแรง จากนั้นเพียงฟ้าก็รีบขึ้นมาจากอ่างแล้วคว้าเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้วิ่งออกจากห้องน้ำไป เจ้าชายโอมาร์ยกมือลูบคลำที่ข้างแก้ม ไม่เคยมีใครมาตบหรือทำร้ายร่างกายของเขาได้ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่คนธรรมดากล้าดียังไงมาตบเขา ฟันกรามขบเข้าหากันแน่น มือทั้งสองข้างกำแน่น ร่างสูงรีบก้าวขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วเดินตามหญิงสาวไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธสุดขีด“ปึก!” เสียงบานประตูเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับร่างสูงของโอมาร์ที่ก้าวเข้าหาเพียงฟ้าอย่างไร้สติ เขาตามไปกระชากตัวหญิงสาวเข้ามา ก่อนจะฉุดลากไปยังเตียงแล้วเหวี่ยงร่างบางขึ้นไป “อยากรู้นักว่าคุณมีดีอะไรถึงได้ทำให้ราฟีคหลงเสน่ห์ของคุณได้” เขาเน้นเสียงลอดไรฟันแล้วกระโจนขึ้นไปบนเตียง จับข้อเท้าหญิงสาวลากให้มาอยู่กึ่งกลางแล้วโถมทับลงไปด้วยร่างหนาหนักของเขา เพียงฟ้าดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิต แต่ร่างบอบบางของหญิงสาวหรือจะสู้แรงอันมหาศาลของชายหนุ่มได้ “อย่านะเพคะ หม่อมฉันไม่..” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“ไม่ใช่อะไร จะปฏิเสธหรือไงว่าไม่ใช่ผู้หญิงหากิน” แววตาของเขาแดงก่ำผิดกับเจ้าชายโอมาร์คนเดิม ชายหนุ่มซุกใบหน้าลงที่ต้นคอหอมกรุ่นของหญิงสาว“หม่อมฉันขอร้องเพคะ อย่าทำแบบนี้เลย หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ ฮือออออ” เธอพูดปนร้องไห้ แต่ก็ไม่ทำให้โอมาร์หยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนกับเธอได้ เสื้อคลุมถูกเขาดึงออกจากร่างของเพียงฟ้าอย่างง่ายดาย แล้วเหวี่ยงมันไปกองอยู่กับพื้นเบื้องล่าง ร่างบางเปล่าเปลือยเผยเด่นชัดต่อสายตาของเจ้าชายหนุ่ม “ไม่มีที่ติจริงๆ มิน่าล่ะพี่ชายของผมถึงได้ตกหลุมพรางของคุณได้อย่างง่ายดาย” เขายิ้มเยาะแล้วกดจมูกลงไปตรงที่เดิมอีกครั้ง แล้วไล้ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงริมฝีปากอิ่มคู่สวย เขาพยายามจะประกบริมฝีปากลงกับเรียวปากบาง แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าหนี เขาเงยหน้าขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างขึ้นมาจับใบหน้าเนียนให้อยู่นิ่งๆ“หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก คุณอยู่ในเงื้อมือของผมแล้ว ต่อให้หนีไปสุดหล้าก็ไม่มีทางหนีพ้น” สายตาของเขาไร้ซึ่งความปราณีใดๆทั้งสิ้น เพียงฟ้าคิดอยู่อย่างเดียวว่าเธอคงแหลกเหลวคามือเขาในวันนี้แน่ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาไม่ขาดสาย“อย่าทำอะไรหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันขอร้อง” มือทั้งสองข้างของเธอยันหน้าอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเอาไว้แต่มันก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเสียมากกว่า “มาขอร้องตอนนี้มันสายไปแล้ว ผมเตือนคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้ผมโกรธ แต่คุณก็ไม่เชื่อเอง” “อย่า!” เสียงของเธอขาดหายเข้าไปในริมฝีปากของชายหนุ่ม ที่ก้มลงมาประกบกับริมฝีปากของเธออย่างแรง ไรหนวดที่เพิ่งขึ้นของเขาทำให้หญิงสาวแสบร้อนไปทั่วบริเวณปากและคาง กำปั้นเล็กๆทุบลงไปบนแผ่นหลังของเขาเต็มแรงของเธอ แต่ก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มสะเทือนแม้แต่น้อย เขายังคงควานหาความหวานจากเกสรดอกไม้จากเธออย่างไม่รู้เบื่อ
ข้ามภพรักฟาโรห์
อียิปต์ ก่อนคริสสักราช ปี 2542 ชายหญิง 2 คู่ คุกเข่าอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นองค์เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักและความเมตตา ชายทั้งสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยแบบคนมีฐานะ ส่วนหญิงสาวทั้งสองแม้จะมีใบหน้างามแต่เสื้อผ้าที่พวกนางใส่บ่งบอกถึงฐานะที่ยากจน “ข้าแต่องค์เทพี ข้าทั้ง 4 คน ขอวอนต่อพระองค์ไม่ว่าพวกข้าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน จะข้ามภพหรือข้ามชาติ พวกข้าจะขอกลับมาอยู่ด้วยกันอีก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงอันดัง แววตาแน่วแน่ “ พวกข้าขอให้องค์เทพีจงนำพวกเรากลับมาครองรักกันอีกครั้ง แม้ในชาตินี้พวกเราจะไม่สมหวังในรัก ในภพหน้าขอให้พวกเราได้ครองคู่กันตลอดไป” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น นางหันไปมองหน้าคนรักและน้องสาวกับคนรักของนาง ชายหนุ่มนำขวดบรรจุน้ำใสๆ ออกมา เขาดื่มเข้าไปก่อนแล้วส่งให้หญิงคนรัก นางรับมาแล้วดื่มเข้าไปและส่งต่อให้น้องสาวกับคนรักของนาง ชั่วเวลาอึดใจเลือดก็ไหลออกมาจากปากของคนทั้ง 4 ชายหนุ่มทั้งสองนั่งประคองกอดคนรักของตนไว้แล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ แล้วร่างทั้ง 4 ก็สงบนิ่งลงไป สายลมเย็นพัดมาร่างหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏขึ้นมองมายังร่างทั้ง 4 นางยิ้มอย่างเมตตาแล้วก็เลือนหายไปกับสายลม อียิปต์ปัจจุบัน เบื้องหน้าของคณะทัวร์ชาวไทยรวม 20 คน เป็นสุสานหุบผากษัตริย์ที่ลื่อชื่อของประเทศอียิปต์ ไกด์นำทางชาวไทยอธิบายผ่านทางไมโครโฟน เสียงดังฟังชัดเจน และทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนเข้ามาในสุสานห้องเก็บพระศพองค์ฟาโรห์ทุกยุค สองสาวชาวไทยถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวแม้แต่น้อย “ พี่อรคะ กาญรู้สึกหนาวจนขนลุกเลยค่ะ ” กาญวดี หญิงสาวชาวไทยที่มีผมสีดำยาวยักโศกนัยน์ตาสีดำจมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเรียวยาว ปากบางสีชมพู ผิวสีแทน หันไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่ออรสา หญิงสาวชาวไทยอีกคนหนึ่ง ที่มีผิวสีขาวอมชมพู ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีดำ หน้ารูปไข่ทั้งจมูก ปาก คิ้ว คาง รับกันได้รูปเข้าสัดส่วนกันอย่างสวยงาม “ พี่ก็รู้สึกเหมือนกาญเลย สยองๆ ยังไงก็ไม่รู้”ทั้งสองสาวจึงรีบสาวเท้าตามคณะทัวร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติกับคณะทัวร์ของตนเลยแม้แต่น้อย “กาญ ! คณะทัวร์กลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มที่เรามาด้วยนี่นา” อรสารู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาเมื่อหันไปเห็นไกด์นำทางที่ไม่ใช่ผู้ชายไทยแต่เป็นชายผิวคล้ำแต่งตัวเหมือนชาวอียิปต์โบราณ ยังไม่ทันที่เพื่อนรุ่นน้องจะตอบอะไร สองสาวก็เป็นอันหมดสติไปเสียก่อน แล้วลมเย็นๆ ก็พัดผ่านเข้ามาแล้วปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งใบหน้าขาวสะอาดตา แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวบางเบาพลิ้วไหวตามสายลม ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนเมตตา ยืนมองร่างทั้งสองที่นอนสลบอยู่เบื้องหน้า “ถึงเวลาของพวกเจ้าแล้ว ตามคำขอที่พวกเจ้าได้ขอข้าไว้ เพราะความอิจฉาที่อยู่ในใจของผู้คนจึงทำให้พวกเจ้าต้องพรากจากคนที่เจ้ารัก ข้าจะคืนพวกเจ้าสู่อ้อมกอดของพวกเขา กาลเวลามิอาจพรากพวกเจ้าจากกันได้ ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันที่พวกเจ้ามีต่อกัน” สิ้นเสียงนุ่มอ่อนโยนร่างบางนั้นก็หายไปกับสายลม
ทะเลทรายระอุรัก
“คุณอย่าดึงเจ้าหญิงมายุ่งกับเรื่องนี่ด้วยเด็ดขาด เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยคุณไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้องเจ้าหญิง”“คุณคงรักเจ้าหญิงมากถึงได้ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง แต่คุณอย่าลืมนะว่าคุณเป็นแค่องครักษ์ไม่ใช่เจ้าชายที่เหมาะสมคู่ควรกัน” เมษายิ้มเยาะใส่หน้าเขา“คุณไม่รู้เรื่องอะไรอย่ามาพูดให้คนอื่นเสียหายจะดีกว่า” ชายหนุ่มลืมตัวจนออกแรงบีบต้ยแขนทั้งสองข้างของเธอจนแดง“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ ปล่อย!” เธอพยายามบิดข้อมือของเขาออกแต่ก็ไม่สำเร็จ โยเชฟชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนอีกฝ่ายต้องผงะหน้าหนี “ผมจะทำให้คุณเจ็บมากกว่านี้ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับคนของผม”“คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงจะมาห้ามฉัน ฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณที่จะมาออกคำสั่งกับฉัน” เธอตะโกนใส่หน้าเขา ความโกรธที่ชายหนุ่มพยายามกลั้นเอาไว้ก็ขาดผึงทันที เขาจับหญิงสาวนอนลงกับที่นอน เมษายกมือขึ้นดันหน้าอกเขาไว้ทันที “คุณจะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เสียงของเธอสั่นระรัวด้วยความกลัว“กลัวผมหรือไง ทีกับคนของผมทำไมไม่กลัวล่ะหรือว่าบทรักมันแตกต่างกัน ผู้หญิงหลายใจเหมือนกันหมดเลยหรือไง” เขาเน้นเสียงลอดไรฟัน “ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่าใครจะแน่กว่ากัน” แววตาที่เขาจ้องมองเธอนั้นราวกับคนที่หิวกระหายน้ำและเมื่อมาเจอบ่อน้ำก็รีบกระโจนลงไปอย่างไม่ยั้งคิด“อย่านะ คุณบ้าไปแล้วเหรอไง ปล่อยฉันนะ” เมษาดิ้นรน โยเชฟขยับร่างหนาของตัวเองขึ้นมาทับร่างบางของเธอเพื่อหยุดอาการดิ้นรน “คุณเกลียดฉันนักก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ ปล่อย” น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้“ผมก็ไม่อยากยุ่งกับคุณหรอกถ้าคุณไม่ไปยุ่งกับคนของผม” ชายหนุ่มจับมือบางของหญิงสาวรวบไปไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวและใช้มืออีกข้างบีบคางบังคับให้ใบหน้าเนียนผุดผ่องหยุดสะบัดไปมา “คุณทำให้อารมณ์ของผมขาดกระจุยแล้วเม” พูดจบเรียวปากหนานุ่มของเขาก็ทาบลงมาบนเรียวปากสีชมพูระเรื่อของเธอก่อนจะบังคับให้หญิงสาวเผยอริมฝีปากรับการบุกรุกจากเขา
มนต์รักข้ามขอบฟ้า
“ปล่อยนะเพคะ! จะทรงทำอะไรเพคะ!” มีนาถามด้วยสีหน้าและแววตาที่ตื่นตระหนก แต่อีกฝ่ายกลับเน้นสุรเสียงลอดไรพระทนต์ แววเนตรลุกวาวโรจน์ราวกับมีเปลวไฟอยู่ในนั้น ทำให้หญิงสาวขนลุกซู่ด้วยความกลัว “ข้าเตือนเจ้าแล้ว! เจ้าทำตัวของเจ้าเองนะมีน!” พระหัตถ์ใหญ่จับมือเรียวทั้งสองข้างไปตรึงไว้เหนือของหญิงสาว ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็ดึงทึ่งเสื้อผ้าเนื้อบางออกจากร่างบางและเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใส่พระทัย “หยุดนะเพคะ! อย่าทำหม่อมฉันเลยเพคะ!” มีนาร้องตะโกนบอกทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่คำขอร้องของเธอกลับไม่มีผลใดๆ กับราชนิกุลหนุ่มเลยสักนิด “มันสายไปแล้วมีน!” มุมโอษฐ์รูปกระจับยกขึ้นอย่างเหี้ยมๆ พร้อมกันนั้นพระหัตถ์หนาที่ร้อนผ่าวก็รีบปลดอาภรณ์บนวรกายแกร่งของพระองค์ออกอย่างรวดเร็ว สีพระพักตร์แดงก่ำด้วยแรงโทสะระคนด้วยแรงปรารถนาที่มีต่อร่างบางที่นอนบิดเร้าไปมาอยู่ภายใต้ร่างใหญ่ ริมโอษฐ์หนาได้รูปกดทับลงมาบนเรียวปากนุ่มอย่างว่องไวแล้วดูดกลืนเสียงสะอื้นจากหญิงสาวไปจนหมดสิ้น รสสัมผัสเต็มไปด้วยการปลุกเร้าและเรียกร้อง ภายในหัวของมีนาที่ตอนแรกบอกให้รีบผลักไสร่างหนาใหญ่ออกห่างนั้นกลับรู้สึกมึนงงราวกับว่าตัวเธอกำลังหมุนเคว้งอยู่กลางอากาศ ดวงตากลมโตหลับพริ้มลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตา ร่างที่ดิ้นหนีกลับแอ่นรับกับสัมผัสจากพระหัตถ์หนาที่ร้อนผ่าวของชีคหนุ่มอย่างลืมตัว ความวาบหวามแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างราวกับมีกระแสไฟวิ่งผ่าน
มนต์รักแดนทะเลทราย
“เจ้ายังไปไหนไม่ได้ ข้ายังไม่ได้บอกให้เจ้าไป เจ้าก็ยังไปไม่ได้” “แต่หม่อมฉันยังมีงานค้างอยู่นะเพคะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ” เซร่าตั้งท่าจะเดินหนีแต่วรกายสูงก็เข้ามาขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้ แล้วดึงร่างบางเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของโคโลญจากวรกายแกร่ง เซร่ารีบขืนออกห่าง “เก่งจริงนะ กล้าขัดคำสั่งข้างั้นหรือ!” สุรเสียงเข้มเน้นลอดไรพระทนต์ออกมา แล้วกระตุกร่างบางเข้าสู่อ้อมพระกร “ถ้าไม่อยากอายคนอื่นละก็ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้นะเพคะ!” เซร่าตวาดเสียงแข็งพร้อมกับจ้องพระพักตร์คมอย่างเอาเรื่อง “ข้าก็อยากลองเหมือนกันว่าเจ้าจะทำอะไรให้ข้าอายได้” รอยแย้มพระสรวลอย่างยั่วๆ คลี่ออก นางกำนัลสาวถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห แล้วครู่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มที่มุมปากแทน และยังไม่ทันที่เจ้าชายหนุ่มจะได้ระวังตัว หญิงสาวก็กระแทกเข่าขึ้นใส่ท้องน้อยของราชนิกุลหนุ่มเต็มแรง เจ้าชายจอร์แดนผละห่างจากหญิงสาวทันที ก่อนจะนั่งลงในท่าคุกเข่าเอามือกุมที่ท้องน้อย ตัวงอราวกับกุ้งถูกเผา พระพักตร์แดงก่ำด้วยความเจ็บและจุก เซร่ายืนหัวเราะเยาะอย่างสะใจก่อนจะย่อตัวลงเพื่อทูลลา แล้วรีบวิ่งหนีไป “เจ้า...โอ๊ย...ฝากไว้...ก่อนเถอะ” เจ้าชายหนุ่มเงยพระพักตร์ขึ้นมองตามหลังร่างบางไปพร้อมกับชี้นิ้วคาดโทษหญิงสาวเอาไว้
เจ้าพ่อกำมะลอ
“คุณจะต้องอยู่ที่นี่กับผมจนกว่าผมจะพอใจหรือไม่ก็พ่อคุณก็ต้องตายเสียก่อน”“นายเกลียดอะไรพ่อของฉันหนักหนาถึงต้องจับตัวฉันมาแบบนี้” พิจิตราถามด้วยน้ำตาคลอ“คุณอย่ามาใช้น้ำตาเรียกร้องความสงสารจากผมเลยมันไม่มีประโยชน์ แล้วก็อย่างที่บอกผมจับคุณมาเพื่อแก้แค้น คุณเตรียมตัวไว้ได้เลย แล้วก็รีบอาบน้ำแล้วไปทำกับข้าวให้ผมกิน” ชายหนุ่มผลักเธอล้มไปกับที่นอน พิจิตรารีบลุกขึ้นยืนทันที “ไม่มีทาง นายไม่ใช่พ่อฉันไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”“ทำไมจะไม่ได้ คุณเลือกเอาว่าจะให้ผมอาบให้คุณหรือว่าจะอาบเอง” ราเมศวร์มองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พิจิตราเริ่มกลัวผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นทุกขณะและเธอคิดว่าเขาไม่ได้พูดเล่นกับเธอแน่“ว่าไง” ชายหนุ่มตะคอกใส่จนหญิงสาวสะดุ้ง“ไม่ต้องเข้ามา ฉันอาบเองได้ นายจำไว้ถ้าฉันหลุดไปได้ นายจะต้องจำชื่อฉันไปจนวันตาย” หญิงสาวรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ“เสื้อผ้าของคุณอยู่ในตู้เสื้อผ้า ผมให้เวลาคุณ 15 นาที ถ้ายังไม่ลงไปที่ครัวผมจะขึ้นมาลากคุณลงไป อย่าช้า”“ปัง!” เสียงปิดประตูกระแทกอย่างแรงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินห่างออกไป ทำให้พิจิตราทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำ ปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย“ยังไม่เสร็จอีกเหรอไงคุณหนูใบหลิว” ราเมศวร์ก้าวเข้ามาในห้องอีกครั้งด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง พิจิตรากระชับผ้าขนหนูให้แน่นขึ้น“หึ คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าผมจะปล้ำคุณ ผู้หญิงอย่างคุณผมไม่ยุ่งด้วยให้เสียเผ่าพันธุ์ของผมหรอก” “แก..มันจะมากไปแล้วนะ ก็ดูเสื้อผ้าของนายสิ เสื้อผ้าคนรับใช้ของฉันยังดูดีกว่าของนายตั้งเยอะ แบบนี้ใครจะใส่เข้าไปลง”
พิศวาสจอมทะเลทราย
“หม่อมฉันไม่ใช่ภรรยาของใคร เพราะถ้าหม่อมฉันมีสามี เขาก็คงจะไม่ปล่อยภรรยาที่บอบช้ำทั้งใจและกายหนีไปแบบนั้นหรอกเพคะ” “คุณคิดโยนความผิดให้กับผมหรือไงน้ำ ในเมื่อคุณเป็นคนทิ้งผมไป” พระหัตถ์หนาออกแรงบีบที่ต้นแขนนวลอย่างลืมพระองค์ “แล้วทรงคิดบ้างหรือเปล่าว่า จะมีผู้หญิงคนไหนทนได้ถ้าสามีไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น แล้วตัวเองก็ต้องมานั่งอยู่ในฐานะชู้ลับ เห็นแก่ตัวที่สุด” ประโยคสุดท้ายเธอกระแทกเสียงใส่พระพักตร์หล่อเหลานั้นด้วยความโกรธ “อย่าบังอาจมาด่าผมนะน้ำ ไม่งั้นคุณเจอดีแน่” พระสุรเสียงนั้นเข้มจัด สันพระกรามทั้งสองข้างนูนขึ้น ก่อนจะยื่นพระพักตร์เข้าไปใกล้ใบหน้าเนียน “ผมได้เตรียมโทษทัณฑ์ที่สาสมเอาไว้ให้คุณแล้ว” ราชนิกูลหนุ่มเน้นพระสุรเสียงอย่างเชื่องช้าและเยือกเย็น ฟังดูราวกับเสียงของยมทูต“คุณกลัวว่าเจ้าหัวหน้าของคุณจะมาเห็นมากกว่าละมั้ง ฮึ ฮึ มันรู้หรือเปล่าละว่าคุณเคยเป็นเมียผมมาแล้ว หรือว่ามันยินดีที่จะรับเดนของคนอื่น อาจจะไม่ใช่ผมคนเดียวก็ได้จริงไหม”“เพี๊ยะ!” “อย่ามาดูถูกหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ใช่คนมักง่ายอย่างฝ่าบาท ปล่อยนะ!” เธอตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ“อย่ามาทำอวดดีและทำร้ายผมอีก ผมจะบอกเอาไว้ให้เอาบุญนะว่าความรักที่ผมเคยมีให้กับคุณมันจบสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่คุณก้าวออกจากเซฟเฮ้าส์ของผม และสิ่งที่ผมมีให้ในตอนนี้ก็คือความเคียดแค้นชิงชังในตัวคุณ จำเอาไว้!” “ปล่อยนะ!” นีนนาราสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นอิสระพร้อมๆ กับน้ำใสอุ่นๆ ที่ไหลลงมาอาบแก้ม แต่ยิ่งดิ้นรนเธอก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น กษัตริย์หนุ่มยังคงบดขยี้ริมพระโอษฐ์ลงมาอย่างไม่ยั้ง เพื่อให้สาวไทยได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและโกรธแค้นที่พระองค์มี นีนนาราสะอื้นไห้อยู่ใต้ร่างหนา ความเจ็บที่ร่างกายได้รับมันยังน้อยกว่าที่หัวใจมากนัก “นี่คือการสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณตบผม แต่สำหรับโทษทัณฑ์ที่คุณทิ้งผมไปมันหนักยิ่งกว่านี้หลายเท่า คุณเตรียมตัวรับมันก็แล้วกัน ฮึ ฮึ”
ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง
“คุณคิดว่าตำรวจเขาจะเชื่อหรือว่าคุณถูกข่มขืนในเมื่อสภาพของคุณไม่มีอะไรขาดวิ่นแม้แต่ชิ้นเดียว”“คนบ้า ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวดันอกเขาแต่ก็เหมือนไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ชายหนุ่มไม่สนใจกับคำพูดของหญิงสาวแม้แต่น้อยเขาจ้องมองใบหน้าเนียนอย่างหลงใหล“คุณทำให้ผมโมโหนะอิน” หญิงสาวชะงักเมื่อเขาเรียกชื่อเธออย่างคนสนิท“ใช่ไปยั่วโมโหคุณตั้งแต่เมื่อไร ฉันอยู่ของฉันดีๆคุณต่างหากที่เขามาวุ่นวายกับฉันเอง”“อย่ามาเถียงนะ” เขาตวาด“ฉันไม่สำคัญสำหรับคุณไม่ใช่หรือปล่อยฉันซิแล้วก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก” หญิงสาวมองจ้องตาเขาเขม็ง ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวจ้องลึกลงไปในแววตา มณีอินจึงเป็นฝ่ายหลบสายตาคมของเขา“ทำไมไม่อยากเห็นหน้าผมมากขนาดนี้เลยหรือไง” ชายหนุ่มเสียงแข็งขึ้นมาอีกครั้ง“ใช่ ทั้งรังเกียจทั้งขยะแขยงด้วยซ้ำ ปล่อย” หญิงสาวสั่ง“ได้ ผมจะดูซิว่าปากกับใจของคุณมันตรงกันหรือเปล่า” “คุณจะทำอะไร อย่านะจามาล...” เสียงของหญิงสาวกลืนหายเข้าไปในลำคอเพราะถูกปิดด้วยปากของชายหนุ่ม ผ้าคลุมเตียงถูกดึงออกจากตัวของหญิงสาวด้วยความชำนาญของอีกฝ่ายและตามด้วยเสื้อผ้าของเขาเอง ในเวลาไม่ถึง 2 นาทีร่างทั้งสองก็เปล่าเปลือย
หทัยภักดิ์จันทรา
ในเรื่องนี้จะมีพระนาง 2 คู่ ค่ะ นางเอกหนึ่งสาว เรียบร้อยอ่อนหวาน อีกหนึ่งห้าวเฟี้ยวไม่ยอมคน ความพินาศจึงบังเกิด......................................................................................................................“แต่นี่มันวังฟาริทนี่นา และนี่ก็คือบ้านของฉัน” พร้อมคำตรัสนั้นเจ้าชายหนุ่มก็ขยับไปหาหญิงสาวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “เจ้าชายวาคิม!” สร้อยสะบันงาตกใจเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังลั่นพลางลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที “เรียกทำไม” ราชนิกูลหนุ่มถามยิ้มๆ พระองค์ลุกตามและเดินเข้าไปจนประชิดกับร่างระหงพร้อมเรียกเธอในแบบของพระองค์ “ฉันอยู่ตรงนี้แล้วสะบันงา” “ไม่ใช่แบบนั้น...” เสียงหวานเริ่มสั่น แม้เจ้าชายวาคิมจะเพียงแค่ใช้พระหัตถ์หนาแตะบ่าบางๆ ของเธอไว้ “ฝ่าบาทจะทำอะไร” ท่าทางแบบนั้นทำให้ราชนิกูลยิ้มมุมปาก “เธอว่าฉันจะทำอะไรล่ะ” “หม่อมฉัน...” สร้อยสะบันงาตอบไม่ถูก ........................................................................................................................“นี่คุณกำลังว่าฉันเป็นผู้หญิงหากินงั้นเหรอ” “ผมไม่ได้พูด คุณพูดเองนะ แล้วคุณจะโกรธทำไมล่ะ ถ้าไม่ได้เป็น คุณไม่ควรจะออกมาตอนกลางคืนแบบนี้มันอันตรายรู้บ้างไหม พวกทหารยามที่มันอดอยากมีมากมาย หรือว่าคุณไม่กลัว” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงขึ้น“คุณ...คุณมัน...” ปาริชาตินึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่ว่าให้เธอใจเย็นๆจะได้ไม่มีเรื่อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันลงมาเดินเล่นเห็นอากาศมันเย็นดี ไม่คิดว่าจะมาเจอพวกปากสุนัขแถวนี้ เฮ้อ... เสียบรรยากาศหมดเลยกลับดีกว่า” ปาริชาติยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเลี่ยงเขาไป แต่แล้วเธอก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ“ว๊าย!” เมื่อมือหนาของราห์ฟาสจับหมับเข้าที่ต้นแขนของเธอแล้วกระชากให้กลับมายืนที่เดิม “บ้าอะไรของคุณเนี่ย ปล่อย!” ปาริชาติแกะแขนตัวเองออกพร้อมกับตวาดแหวใส่เขาชี้คหนุ่มขบกรามแน่นกับคำพูดเปรียบเทียบที่หญิงสาวพูดออกมาเมื่อครู่บวกกับความเกลียดชังในตัวหญิงสาวอยู่แล้วทำให้มือแกร่งนั่นบีบแรงยิ่งขึ้น“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะบอกว่าให้ปล่อย” เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ“เมื่อกี้คุณว่าใครปากสุนัข” เขาตะคอกถาม
มัจจุราชทะเลทราย (ซีรี่ย์ 3 สิงห์ทะเลทราย)
“ไม่ต้องเรียกใครมาช่วยทั้งนั้น ต่อให้มาลูกน้องของผมก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายหรอกจำเอาไว้ คิดว่ายั่วยวนคนของผมได้งั้นเหรอ ไม่มีทาง” น้ำเสียงของเขาเล็ดรอดออกมาทางริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยนั้น ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว “ฉันไม่ได้ยั่วยวนใคร ฉันขอโทษนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะเชื่อฟังคุณจะทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง” น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือ “ฮึ ฮึ ผมไม่มีโอกาสให้คุณอีกแล้ว...ชญานันท์” เขาเรียกชื่อเธออย่างหนักแน่นก่อนจะก้มหน้าลงฝั่งจมูกกับลำคอเนียนหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกายสาวนั้น ชญานันท์สะดุ้งเฮือกกับสัมผัสที่ร้อนผ่าวและวาบหวิวนั้น “อย่านะ! ปล่อย! อย่าทำฉันเลย คุณกาเลน” เสียงอ้อนวอนของเธอดูจะไร้ผลใดๆตอบสนองกลับมา จะมีก็แต่การรุกรานอย่างหนักจากเขา อารมณ์ที่พยายามควบคุมเอาไว้ของชายหนุ่มขาดลง มือหนาร้อนของเขาเลื่อนลงมาตามสีข้างของเธอก่อนจะไปหยุดลงตรงโค่นขาเรียวงาม แล้วดึงชายผ้าของชุดยาวนั้นให้เลิกขึ้นมา “อย่า!” ชญานันท์ร้องเสียสั่น ร่างบางกระเด้งเพื่อหวังให้ตัวเองหลุดพ้นจากร่างหนานั้น แต่มันก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ผมหยุดไม่ได้แล้ว คุณต้องเป็นคนปลดปล่อยผม..ชญานันท์” กาเลนเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเนียนที่ห่างแค่ไม่กี่เซนฯก่อนจะก้มลงไปหาเรียวปากอวบอิ่มคู่นั้น แต่หญิงสาวสะบัดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงเลื่อนมือขึ้นมาจับปลายคางของเธอให้อยู่นิ่งๆ แล้วประทับจูบลงไปอย่างหนักหน่วง
ภรรยาอสูร
“คุณกล้ามากที่ตบผม แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน มาเริ่มทำหน้าที่ของคุณตอนนี้เลย” พูดจบชายหนุ่มก็ดันร่างบางไปจนติดชุดโซฟารับแขกก่อนจะผลักร่างบางให้ล้มลงไปบนโซฟาตัวยาวแล้วตามทับไปด้วยร่างสูงของตนเอง “อย่านะ! จะทำอะไร! ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” หญิงสาวดิ้นรนทั้งทุบทั้งผลักร่างแกร่งนั้นออกห่างแต่ก็ไม่สำเร็จ มันเหมือนกับเอามือไปผลักก้อนหินก้อนใหญ่ๆมากกว่า และเมื่ออีกฝ่ายก้มต่ำลงมาเธอก็เบี่ยงหน้าหลบ จนจมูกโด่งคมสันนั้นฝังลงที่ซอกคอหอมกรุ่นแทน แต่มันก็ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกกับความรู้สึกที่ร้อนซู่ไปทั่วร่าง “ผมรอวันนี้มานานมาก คิดหรือว่าผมจะปล่อยคุณไป คุณจะต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนกับคนที่ผมรักได้รับ ผมจะทำให้คุณเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลย” โจเซฟผงกศีรษะขึ้นก่อนจะใช้มือข้างเดียวรวบข้อมือบางของหญิงสาวเอาไว้เหนือหัว ส่วนอีกข้างก็เลื่อนมาจับใบหน้าเนียนบังคับให้อยู่นิ่งๆ ก่อนจะประกบริมฝีปากหนานุ่มที่ร้อนผ่าวลงไปบนเรียวปากงามอย่างแรง จนร่างบางสะดุ้งเพราะความเจ็บ ร่างบางบิดตัวเพื่อหวังจะให้หลุดพ้นจากร่างหนาหนัก แต่พลอยนรินทร์ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นจะเป็นการยั่วยุอีกฝ่าย ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งแกล้งเม้มริมฝีปากบางให้รู้สึกเจ็บ หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาไหล โจเซฟเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตานั้นอย่างสะใจ “คิดหรือว่าน้ำตาของคุณมันจะหยุดผมได้ รู้ไหมว่าผมยิ่งเห็นความเจ็บปวดของคุณผมยิ่งชอบ รู้เอาไว้ด้วย” พูดจบเขาก็ฝังจมูกและริมฝีปากลงบนทรวงอกอิ่มเต่งตึงราวดอกบัวแรกแย้มนั้น ร่างบางสะดุ้งเฮือกอีกครั้งและพยายามห่อไหล่เข้าหากัน “ปล่อยนะคุณโจเซฟ ฉันเจ็บ! ปล่อย!” พลอยนรินทร์บอกเขาเสียงสั่นเครือพร้อมกับสะอื้นไห้ไปด้วย
ซาตานหว่านรัก
“ฉันเคยเตือนเธอแล้วนี่ว่าอย่ามาปากดีกับฉัน แต่รู้สึกว่าเธอจะไม่จำ!” เขาคว้าข้อมือเรียวเพื่อดึงร่างบางเข้ามาปะทะหน้าอกกว้างก่อนที่เจ้าหล่อนจะถอยหนี“คุณจะทำอะไรน่ะคุณเจมส์!” ขวัญข้าวใช้ท่อนแขนที่เจ็บทั้งสองข้างยกขึ้นยันอกแกร่งเอาไว้ ความโมโหเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความกลัวระคนความร้อนความวูบวาบทั่วร่าง“ฉันจะสอนให้เธอรู้ไงว่าอย่ามาทำปากเก่งกับคนอย่างฉัน!” ร่างสูงดันคนตัวเล็กให้ล้มลงไปบนเตียงกว้าง มือใหญ่จับมือบางกดลงกับที่นอน ต้นขาแกร่งกดทับขาเรียวเอาไว้แน่น“ปล่อยฉันนะคุณเจมส์!” เธอตะคอกใส่เขาด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“ฉันปล่อยเธอมาหลายวันแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยเธออีกแล้ว!”“คุณบอกว่าคุณงานยุ่งไม่ใช่หรือไง ไปทำงานของคุณสิอย่ามายุ่งกับฉัน!” ร่างบางสั่นระริกด้วยความกลัว เขาบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเธอเพราะตอนนี้งานยุ่งมาก แต่มาวันนี้เขากลับเปลี่ยนคำพูดดื้อๆ“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เรื่องงานฉันให้อานนท์ไปจัดการแทนฉันแล้ว ส่วนฉันจะจัดการเธอแทน” มือหนาจับปลายคางมนเชยขึ้น แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยาะ“กลัวฉันมากหรือไง ฮึ! ทีเมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลยนี่ ตอนนี้กลับตัวสั่นเชียว เอ๊ะ!...หรือว่าที่สั่นเนี่ยเพราะความอยากจนตัวสั่น ห่างเหินมาจากไอ้เอกทัศน์จะเป็นเดือนแล้วนี่” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเหยียดหยามของชายหนุ่มทำให้หัวใจของขวัญข้าวเสียวแปลบเหมือนถูกกรีด“คุณมันก็คิดได้แต่เรื่องชั่วๆ แบบนี่แหล่ะ ฉันจะไม่ทนอยู่ให้คุณดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้นานนักหรอก ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาใช้คืนคุณให้หมดทุกบาททุกสตางค์!” ขวัญข้าวโมโหที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ จนต้องระบายออกมาทางน้ำตา“คิดหรือว่าเธอจะไปจากฉันได้ง่ายๆ ฉันจะบอกเธอให้เอาบุญก็ได้นะว่าเธอไม่มีวันไปจากฉันได้ เพราะถ้าเธอก้าวออกไปจากบ้านหลังนี้เมื่อไร ฉันก็จะไล่แม่นิดพร้อมทั้งบรรดาเด็กกำพร้าทั้งหมดออกไปจากบ้านหลังนั้นทันที!” เข้าเน้นเสียงลอดไรฟันอย่างเหี้ยมๆ“คุณหมายความว่ายังไง!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาที่ฉ่ำน้ำอุ่นๆ กะพริบถี่ๆ จ้องหน้าอีกฝ่าย“ฉันซื้อที่ดินพร้อมบ้านหลังนั้นจากธนาคารเรียบร้อยแล้ว แม่นิดของเธอก็รับรู้เรื่องนี้แล้วด้วย เธอจะโทรถามแม่ของเธอดูก็ได้ ก่อนจะพูดอะไรที่มันขัดใจฉันออกมา” จิณณวัตรกระตุกยิ้ม
ทาสรักชีคทะเลทราย
เผียะ! เจ้าชายอิมรานรับสั่งยังไม่ทันจบ ฝ่ามือบางก็ฟาดลงมาบนพระพักตร์เต็มแรง สาวไทยกำมือแน่น ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความโกรธ “จะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว!” ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด เมื่อมันหมดลงความเกรงกลัวใดๆ ก็หมดตามไปด้วย ใครจะทนให้คนอื่นมาดูถูกเหยียดหยามตัวเองได้ล่ะ “คุณตบผมหลายครั้งหลายหนแล้วนะพัชรินทร์ อยากลองดีมากนักใช่ไหม!” พระหัตถ์ใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วดึงร่างบางมาปะทะพระอุระ วงพระกรแกร่งตวัดรัดเอวบางให้แนบกับต้นพระเพลาแทบไม่มีช่องว่าง “ก็พระองค์ดูถูกหม่อมฉันก่อน ใครจะทนได้! ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ!” สาวไทยสะบัดตัวเองเพื่อให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นวงแขนใหญ่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น “ใช่ ผมดูคุณถูกไงถึงได้รู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่มักมาก ง่าย ให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ตอนแรกที่กนกเนตรบอกผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อ แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองถึงได้แน่ใจ ผมเตือนคุณหลายครั้งแต่คุณก็ไม่ฟัง!” เสียงกัดพระกรามดังลอดออกมา หญิงสาวเสียวไปถึงท้องน้อยแต่ก็ฝืนทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ “ทีพระองค์ละยังยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย ทำไมหม่อมฉันจะยุ่งกับผู้ชายอื่นไม่ได้!” ยิ่งเจ็บก็ยิ่งโมโห ยิ่งพูดก็ยิ่งเกรี้ยวกราดมากขึ้นๆ “คุณไม่มีสิทธิ์มาย้อนผม ผมเป็นผู้ชายจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็ได้! แต่คุณทำไม่ได้เพราะว่าคุณคือทาสของผม ผมสั่งคุณก็ต้องฟัง!” “ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ทาสของพระองค์ แล้วไอ้สร้อยกับแหวนพวกนี้หม่อมฉันก็ไม่ต้องการ หม่อมฉันจะถอดทิ้งให้หมด!” เธอตะคอกใส่อย่างไม่ยอมแพ้กัน “คุณกล้ามากนักนะพัชรินทร์!” สันพระกรามนูนขึ้น “ได้ ในเมื่อคุณอยากลองของกับผม ผมก็จะให้ลอง!” ทรงพาหญิงสาวไปที่เตียงแล้วผลักให้ล้มลงไปบนที่นอนนุ่มแล้วโถมวรกายแกร่งลงไปทับร่างเล็กอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทัน ทรงใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งตรึงข้อมือสาวไทยเอาไว้ “คุณจะมาโทษผมไม่ได้ ในเมื่อคุณเป็นคนเรียกร้องมันเอง!” เน้นสุรเสียงเหี้ยม “อย่านะเจ้าชาย! ทรงรับสั่งว่าจะไม่แตะต้องหม่อมฉันไงเพคะ!” พัชรินทร์รีบคิดหาทางช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นเมื่อพระนาสาโด่งกดลงมาที่ลำคอขาวหอมกรุ่น
ทาสรักซาตานทะเลทราย (ซีรี่ย์ 3 สิงห์ทะเลทราย)
“คุณ!..”“ใช่ ผมเอง ตกใจมากหรือไง” เขาถามด้วยสีหน้าราบเรียบ “ผมบอกแล้วไงว่าคุณหนีผมไม่รอดหรอก”“ฉันจะฟ้องคุณ คุณลักพาตัวฉันมา แล้วพี่เอริคอยู่ไหน” เธอหันมองซ้ายมองขวา และก็พบว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่อยู่ “แล้วที่นี่ที่ไหน”“เดี๋ยวก็จะได้รู้สาวน้อย และตอนนี้เราก็กำลังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวของผม เรากำลังเข้าเขตประเทศคูลฮาร์น” ชายหนุ่มไล้มือไปที่หัวไหล่มนของหญิงสาว อภัสราปัดมือเขาออก “ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” “ไม่เชื่อก็มองดูเอาเองสิ” ชายหนุ่มเบนสายตาไปที่หน้าต่างเครื่องบิน หญิงสาวลุกขึ้นชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างข้างเตียงนอน และพบว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาพูด เบื้องล่างมีแต่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่และบ่อน้ำมันดิบอีกจำนวนมาก นี่เธอฝันร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นฝันร้ายเธอก็อยากจะตื่นขึ้นเสียที อภัสราส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าตาขวาง “คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แบบนี้มันลักพาตัวชัดๆ ฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณ” “ก็ตามใจ แต่ก่อนจะมาที่นี่ผมก็แจ้งสถานกงสุลของผมเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คุณคือทาสของผม ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้” อาเหม็ดเอื้อมมือมาจับปลายคางของหญิงสาวตรึงเอาไว้ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน คุณมันเป็นโจรลักพาตัว ฉันขยะแขยง” เธอถอยหนี
พรหมลิขิตซาตาน
“คุณกลัวผมหรือเพชร” ชายหนุ่มกระซิบถามหญิงสาวนิ่งจนชายหนุ่มต้องเชยคางขึ้นให้มองสบตากับเขา“ว่าไง”“เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่น“ไม่กลัวแล้วทำไมต้องสั่นด้วย” ชายหนุ่มถาม“เพชรกลัวเอ่อ...” หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา“ไม่น่ากลัวหรอกเพชร เชื่อฉันสิ” ชายหนุ่มปลอบโยนและกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก“แต่ว่าแผลของคุณ” หญิงสาวดันอกเขาไว้“แผลไม่ได้เจ็บปวดอะไรและมันก็กำลังจะหายไม่เกี่ยวกันหรอก ขึ้นอยู่กับคุณว่าพร้อมหรือยังเท่านั้น” ชายหนุ่มจ้องตาหญิงสาวไม่กระพริบ เพชรไพลินเงียบไม่ตอบชายหนุ่มจึงอุ้มหญิงสาวไปที่เตียงและวางเธอลงอย่างแผ่วเบาราวกับหญิงสาวเป็นแก้วเปราะบางที่แตกได้ง่าย“ว่าไงคุณยังไม่ตอบผมเลยนะเพชร”...ในเมื่อเขามีบุญคุณกับเธอทำไมเธอจะยอมเขาไม่ได้และอีกเหตุผลหนึ่งที่หญิงสาวเองยังแปลกใจตัวเองแต่เธอแน่ใจว่าได้รักผู้ชายคนนี้แล้วไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเธอก็ยังรักเขาและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป“ค่ะ เพชรพร้อมแล้วสำหรับคุณ” ริมฝีปากของชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาและก้มลงมาหาเรียวปากงามของหญิงสาวสัมผัสที่ร้อนผ่าวทำให้เธอรู้สึกแทบบ้า รสจูบที่เร่าร้อนของเขาทำให้จิตใจของหญิงสาวเตลิดไปไกลจนยากที่จะดึงกลับมา
เพลิงแค้นวิวาห์ซาตาน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” โจซิสบอกเสียงเข้ม ดวงตาคมมองตรงไปยังการต์รวีนิ่ง ทำให้บรรดาสาวๆ ที่ยืนแอบมองเขาอยู่ ต่างก็พากันหุบยิ้มอย่างผิดหวังแล้วเดินแยกย้ายกันไป“แต่ดิฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” การต์รวีบอกเสียงแข็ง ก่อนจะเดินหลบเลี่ยงออกมา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวเดินหนีไปดื้อๆ มือแกร่งจึงคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วฉุดร่างบางให้เดินตามตนเองไปทางลานจอดรถ ก่อนจะจับหญิงสาวดันเข้าไปในรถพร้อมกับขู่เสียงกร้าว“อย่าคิดวิ่งหนีเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะทำให้เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้คนเลยคอยดู!”“คุณโจซิส! คุณต้องการอะไรจากดิฉันกันแน่!” การต์รวีตะคอกถามพร้อมกับมองอีกฝ่ายเขม็งอย่างโมโห ส่วนชายหนุ่มนั้นก็แค่กระตุกยิ้มและกระแทกประตูรถปิดใส่หน้าหญิงสาว ก่อนจะรีบเดินอ้อมมาประจำที่ของตนเองแล้วเคลื่อนรถออกไปจากลานจอดรถของบริษัทแห่งนั้นอย่างรวดเร็วการต์รวีนิ่วหน้าอย่างโกรธเคือง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเม้มแน่น ก่อนจะหันมาเอ่ยถามเสียงกระด้าง“คุณจะพาดิฉันไปไหนกันแน่คุณโจซิส!”“พาเธอไปเชือดทิ้งไง!” โจซิสหันมาตะคอกใส่เสียงดังด้วยความรำคาญ ก่อนจะเลี้ยวรถไปทางซอยเปลี่ยว การต์รวีถึงกับหน้าซีดเผือดหันซ้ายหันขวา แล้วทำท่าจะเปิดประตูรถกระโจนลงไปทั้งๆ ที่รถยังวิ่งอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ใช้มือข้างหนึ่งตะครุบไหล่บางดึงเอาไว้ และเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน ทำให้หน้าผากของการต์รวีโขกเข้ากับคอนโซนหน้ารถอย่างจัง “เป็นไงล่ะ หาเรื่องเจ็บตัวดีนัก สมน้ำหน้า!” นักธุรกิจหนุ่มกระแทกเสียงใส่พร้อมกับเหยียดมุมปากออกอย่างเยาะๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่ายการต์รวีถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ มือเรียวยกขึ้นลูบคลำหน้าผากพร้อมกับหันมาจ้องอีกฝ่ายตาถลนด้วยความแค้นใจ “คิดจะใช้สายตาฆ่าฉันหรือไง ฮึ!” เขาหัวเราะเยาะในลำคอพร้อมกับหรี่ดวงตาเย็นชามองอีกฝ่ายอย่างหมิ่นๆ แล้วพูดต่อ“ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่ามายุ่งกับน้องชายของฉันอีก แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแข็งกระด้างอย่างดุดัน
เจ้าสาวกลางทะเลทราย (ซีรี่ย์ 3 สิงห์ทะเลทราย)
เพราะความเข้าใจผิดทำให้เธอตกเป็นของเจ้าชายต่างแดนโดยไม่คาดคิด ซ้ำร้ายเธอยังเดินเข้าไปให้เขาเชือดอย่างง่ายได้ แต่คนอย่างชุติกาญจ์หรือจะยอมให้เขาเคี้ยวได้ง่ายๆ แค้นที่เขาย่ำยีเธอจะถูกเอาคืนได้หรือไม่ ติดตามใน เจ้าสาวกลางทะเลทราย