บทย่อ
“เอ่อ...คือว่า...คือ...ฉันชื่อ...ปณิดา...เป็นพี่...เอ่อ..พี่สาว” ปณิดาหน้าซีดปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ร่างบางถอยห่างออกมา 2 ก้าวและรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวราวกับเสือหนุ่มที่กำลังจ้องเหยื่อ“เล่นบ้าอะไรของคุณ เลวที่สุด! นี่คงอยากแต่งงานจนต้องปลอมตัวเป็นเจ้าสาวของผมเชียวเหรอหน้าด้านไม่มียางอาย หาผัวเองไม่ได้แล้วหรือไงถึงใช้วิธีนี้” นนทกานต์เน้นเสียงลอดไรฟันแล้วจับหมับเข้าที่ต้นแขนบางก่อนจะออกแรงบีบ จนอีกฝ่ายหน้าเบ้ด้วยความเจ็บและร้องออกมา“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะคุณนนทกานต์ แล้วเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงคุณหรือใคร” ปณิดามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ความกลัวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นมาแทนที่เมื่อโดนดูถูกอย่างหยาบคายจากชายหนุ่ม“นั่นแหละสิ่งที่ผมต้องการ พ่อแม่คุณคงคิดว่าผมโง่เป็นควายสินะที่เอาตัวคุณมาประเคนให้ผมแทน ฮึ ฮึ ครอบครัวคุณอยากได้ทรัพย์สมบัติของพ่อผมขนาดต้องหลอกลวงกันเลยเหรอ น่าทุเรศสิ้นดี” พูดจบมุมปากของเขาก็เหยียดออกอย่างเยาะเย้ย “อย่ามาพูดจาดูหมิ่นคุณพ่อคุณแม่ของฉันนะ” เธอตะคอกใส่ด้วยความโมโห ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อระงับความโกรธที่พุ่งขึ้นมากับคำพูดที่พาดพิงถึงบุพการีผู้มีพระคุณ “ดูถูกก็ดีกว่าดูผิดไม่ใช่เหรอ” นนทกานต์หรี่ดวงตาลงและนึกไปถึงประวัติของครอบครัวนี้ที่เขาได้มาจากนักสืบว่าครอบครัวของนายบัลลพมีลูกสาว 2 คน คนโตเป็นลูกบุญธรรมที่ขอมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ส่วนอีกคนก็คือบุตรสาวแท้ๆ แล้วถ้าเขาเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นบุตรสาวคนโต รอยยิ้มเยาะเย้ยจึงฉายขึ้นอีกครั้งบนเรียวปากของเจ้าบ่าวสุดหล่อพร้อมกับคำพูดเหยียดหยาม “ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณก็คงจะเป็นลูกที่พวกเขาขอมาเลี้ยง คงดีใจไม่น้อยเลยสิที่ได้แต่งงานกับผม คงนึกสินะว่าตัวเองเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ผมขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่าคุณคิดผิดเพราะแมวอย่างผมจะไม่ยอมปล่อยหนูอย่างคุณให้สุขสบายแน่” “คุณอยากจะพูดอยากจะคิดอะไรก็เรื่องของคุณ แต่ฉันขอบอกคุณให้รู้เอาไว้เหมือนกันว่าฉันไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณ ขอทานข้างถนนยังดีเสียกว่าอีก” ปณิดากลั้นอารมณ์โมโหและพูดตอกกลับไปบ้าง และนั่นก็ทำให้ใบหน้าคมเปลี่ยนจากยิ้มเยาะมาเป็นบึ้งตึงทันทีก่อนที่ร่างสูงจะดึงร่างบางเข้ามาปะทะอกและเน้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้นใส่ใบหน้าสวยหวานนั้น “ปากกล้านักนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ผมจะคอยดูสิว่าคุณจะทนได้สักแค่ไหน คุณเตรียมตัวรับความทุกข์ทรมานได้เลย” พูดจบเขาก็ผลักร่างบางล้มลงไปกับพื้นแล้วยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ปณิดานั่งกำมือแน่นด้วยความเจ็บแค้นใจ ถึงจะเจ็บกายแต่มันก็ไม่เท่ากับเจ็บที่ใจ เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่หน้าตาดีๆมีการศึกษาสูงจะมีจิตใจที่ต่ำช้าได้มากขนาดนี้ แล้วนี่เธอจะทำยังไงในเมื่อกระโดดลงมาในบ่อเพลิงแห่งนี้แล้วถ้าจะถอนตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว นอกจากจะเดินหน้าและเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ตอนที่ 1 เจ้าสาวแสนสวย
ตอนที่ 1 เจ้าสาวแสนสวย
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพรมสีแดง ใบหน้าคมหล่อเหลาราวกับนายแบบต่างชาติบึ้งตึงและดุดันน่ากลัว ทั้งๆที่วันนี้น่าจะเป็นวันที่เขาจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเพราะเป็นวันแต่งงานของเขา นายนนทกานต์ กุลพัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มพันล้านเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีสาขาอยู่เกือบนับ 10 แห่งทั่วประเทศไทย แล้วเหตุที่เจ้าบ่าวมีสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจก็เพราะการแต่งงานในครั้งนี้เขาไม่ได้เต็มใจแต่งเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะบิดาบังคับและยื่นคำขาดกับเขาว่าถ้าไม่แต่งทรัพย์สินทั้งหมดจะยกให้กับสาธารณกุศล ใครละจะยอม เงินตั้งเป็นพันๆล้านและเขาก็มีส่วนทำให้มันงอกเงยขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ยิ่งคิดนนทกานต์ก็ยิ่งโมโหและโกรธแค้นครอบครัวของเจ้าสาวเป็นอย่างมาก เขาได้ให้นักสืบไปสืบประวัติของครอบครัวนี้และพอจะรู้ว่าครอบครัวนี้กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจค้าที่ดิน จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาเพื่อหวังเงินค่าสินสอดไปหมุนเวียนในธุรกิจที่ใกล้จะล้มละลายนั้น คิดแล้วกรามทั้งสองข้างก็ขบเข้าหากันอย่างโมโหจัด
“เจ้าสาวมาแล้ว”
เสียงแขกที่มาร่วมในงานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น และนั่นก็ทำให้นนทกานต์ดึงความคิดของตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง แววตาคมกริบฉายวาบขึ้นราวกับเปลวเพลิงแล้วก็จางหายไป
ปณิดาเดินลงมาจากบันไดราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ ใบหน้าเนียนใสถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดีด้วยความประณีตทำให้ใบหน้างามสวยสะดุดตายามพบเห็น และยิ่งเมื่อร่างบางอรชรอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีครีมเข้ารูปด้วยแล้วยิ่งดูสวยหวานราวกับนางสาวไทย ทำให้หนุ่มๆในงานทั้งหลายต่างพาอิจฉาตาร้อนเจ้าบ่าวกันเป็นแถวๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกในจิตใจของหญิงสาวนั้นกำลังตื่นตระหนกและหวาดกลัว ก็จะไม่ให้กลัวได้ยังไงก็ในเมื่อเจ้าสาวตัวจริงอย่างณีรนุชนั้นหนีหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และงานแต่งงานก็จะมีขึ้นในตอนเช้าทำให้คุณบัลลพกับคุณจวงจันทร์ต้องใช้วิธีแก้ผ้าเอาหน้ารอดด้วยการให้ปณิดาบุตรสาวบุญธรรมเป็นเจ้าสาวแทน
‘ขอให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะ คุณพระคุณเจ้าโปรดช่วยครอบครัวลูกด้วยเถอะ’ ปณิดาภาวนาในใจแล้วนั่งลงข้างๆกับเจ้าบ่าวแล้วก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้จะมองสบตากับใคร
ส่วนทางด้านภูเบศก็หันมาจ้องมองหน้าบัลลพแว่บหนึ่งก่อนจะหันไปมองว่าที่ลูกสะใภ้ที่ออกจะผิดฝาผิดตัวไป เมื่อเช้าพอเขาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็ถูกบัลลพและจวงจันทร์เพื่อนรักเก่าแก่พาออกมาคุยและบอกว่าขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเพราะณีรนุชคนที่เขาต้องการมาเป็นลูกสะใภ้หนีไปแล้ว ภูเบศทั้งตกใจและโมโหแต่ทุกอย่างมันก็มาไกลจนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และปณิดาก็ไม่มีอะไรเสียหาย จะติดก็แค่ไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆของเพื่อนรักก็เท่านั้น แต่เมื่อเหตุการณ์มาในรูปแบบนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยปล่อยให้พิธีแต่งงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพื่อรักษาหน้าทั้งของเขาและของเพื่อนรัก
“เอาละได้ฤกษ์แล้ว นนท์สวมแหวนให้น้องสิ” ภูเบศหันมาบอกลูกชายก่อนจะหันไปบอกเจ้าสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ “ส่งมือให้พี่เขาสิลูก” คำพูดที่อ่อนโยนนั้นทำให้ปณิดาใจชื้นขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายสูงวัยที่มีอายุรุ่นเดียวกับบิดาแล้วยิ้มให้อย่างดีใจ ก่อนจะหันมามองทางเจ้าบ่าว ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องมองมายังเธอนิ่ง
นนทกานต์ถึงกับตะลึงงันไปชั่วครู่เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนเองอย่างเต็มตา ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติของตนเองกลับคืนมา เขายอมรับว่าเจ้าสาวของเขาก็สวยใช่เล่น แต่ก็นั้นแหละมันเป็นแค่เปลือกนอกที่ห่อหุ้มความชั่วร้ายเอาไว้ภายใน ‘ชิ นังแม่มด’ ชายหนุ่มนึกสบถด่าหญิงสาวในใจก่อนจะยื่นมือออกมารับมือเรียวที่ยื่นมาให้กับเขา
“อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกคุณนะ แม่พวกตัวดูดเลือด” คำพูดนั้นทำให้ปณิดาที่หัวใจกำลังเต้นแรงเพราะใบหน้าคมที่ก้มต่ำเข้ามากระซิบที่ข้างหูถึงกับนิ่วหน้ามองเจ้าบ่าวด้วยแววตาสงสัยระคนงุนงงก่อนจะกระซิบถามกลับไป
“พูดอะไรของคุณ”
“หึ หึ ดัดจริต” นนทกานต์หัวเราะในลำคอและสบถออกมาอย่างหยาบคายจนทำให้ปณิดาต้องขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างขุ่นเคืองก่อนจะกระชากมือกลับเธออยากจะด่าอีกฝ่ายกลับแต่เกรงว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่สมควรดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแล้วมองเขาด้วยแววตาขุ่นๆ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาอีกครั้งก็ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวเร็วมากยิ่งขึ้น เธอยอมรับว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์มากและปากร้ายมากด้วยเพราะจากคำพูดเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเขาไม่พอใจในการแต่งงานครั้งนี้อย่างมากซึ่งเธอก็เช่นกันแต่จะทำอย่างไรได้นอกเสียจากปล่อยไปจนกว่าจะเสร็จพิธี
และหลังจากเสร็จพิธีในตอนเช้าเรียบร้อยแล้วก็เหลืองานฉลองมงคลสมรสในช่วงกลางคืนซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมของภูเบศนั่นเอง และปณิดาก็เตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ร่างบางอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกอดอกยาวคลุมเท้า หญิงสาวนั่งมองตัวเองในกระจกเงาอย่างเศร้าๆ ทั้งๆที่ตอนนี้มีบรรดาสาวๆทั่วประเทศกำลังอิจฉาในความโชคดีของเธออยู่
“เฮ้อ...” ปณิดาผ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนเมื่อหันไปเห็นว่าที่พ่อสามีเดินยิ้มเข้ามาในห้อง