ตอนที่ 1 เจ้าสาวแสนสวย
ตอนที่ 1 เจ้าสาวแสนสวย
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพรมสีแดง ใบหน้าคมหล่อเหลาราวกับนายแบบต่างชาติบึ้งตึงและดุดันน่ากลัว ทั้งๆที่วันนี้น่าจะเป็นวันที่เขาจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเพราะเป็นวันแต่งงานของเขา นายนนทกานต์ กุลพัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มพันล้านเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีสาขาอยู่เกือบนับ 10 แห่งทั่วประเทศไทย แล้วเหตุที่เจ้าบ่าวมีสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจก็เพราะการแต่งงานในครั้งนี้เขาไม่ได้เต็มใจแต่งเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะบิดาบังคับและยื่นคำขาดกับเขาว่าถ้าไม่แต่งทรัพย์สินทั้งหมดจะยกให้กับสาธารณกุศล ใครละจะยอม เงินตั้งเป็นพันๆล้านและเขาก็มีส่วนทำให้มันงอกเงยขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ยิ่งคิดนนทกานต์ก็ยิ่งโมโหและโกรธแค้นครอบครัวของเจ้าสาวเป็นอย่างมาก เขาได้ให้นักสืบไปสืบประวัติของครอบครัวนี้และพอจะรู้ว่าครอบครัวนี้กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจค้าที่ดิน จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาเพื่อหวังเงินค่าสินสอดไปหมุนเวียนในธุรกิจที่ใกล้จะล้มละลายนั้น คิดแล้วกรามทั้งสองข้างก็ขบเข้าหากันอย่างโมโหจัด
“เจ้าสาวมาแล้ว”
เสียงแขกที่มาร่วมในงานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น และนั่นก็ทำให้นนทกานต์ดึงความคิดของตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง แววตาคมกริบฉายวาบขึ้นราวกับเปลวเพลิงแล้วก็จางหายไป
ปณิดาเดินลงมาจากบันไดราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ ใบหน้าเนียนใสถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดีด้วยความประณีตทำให้ใบหน้างามสวยสะดุดตายามพบเห็น และยิ่งเมื่อร่างบางอรชรอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีครีมเข้ารูปด้วยแล้วยิ่งดูสวยหวานราวกับนางสาวไทย ทำให้หนุ่มๆในงานทั้งหลายต่างพาอิจฉาตาร้อนเจ้าบ่าวกันเป็นแถวๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกในจิตใจของหญิงสาวนั้นกำลังตื่นตระหนกและหวาดกลัว ก็จะไม่ให้กลัวได้ยังไงก็ในเมื่อเจ้าสาวตัวจริงอย่างณีรนุชนั้นหนีหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และงานแต่งงานก็จะมีขึ้นในตอนเช้าทำให้คุณบัลลพกับคุณจวงจันทร์ต้องใช้วิธีแก้ผ้าเอาหน้ารอดด้วยการให้ปณิดาบุตรสาวบุญธรรมเป็นเจ้าสาวแทน
‘ขอให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะ คุณพระคุณเจ้าโปรดช่วยครอบครัวลูกด้วยเถอะ’ ปณิดาภาวนาในใจแล้วนั่งลงข้างๆกับเจ้าบ่าวแล้วก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้จะมองสบตากับใคร
ส่วนทางด้านภูเบศก็หันมาจ้องมองหน้าบัลลพแว่บหนึ่งก่อนจะหันไปมองว่าที่ลูกสะใภ้ที่ออกจะผิดฝาผิดตัวไป เมื่อเช้าพอเขาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็ถูกบัลลพและจวงจันทร์เพื่อนรักเก่าแก่พาออกมาคุยและบอกว่าขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเพราะณีรนุชคนที่เขาต้องการมาเป็นลูกสะใภ้หนีไปแล้ว ภูเบศทั้งตกใจและโมโหแต่ทุกอย่างมันก็มาไกลจนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และปณิดาก็ไม่มีอะไรเสียหาย จะติดก็แค่ไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆของเพื่อนรักก็เท่านั้น แต่เมื่อเหตุการณ์มาในรูปแบบนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยปล่อยให้พิธีแต่งงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพื่อรักษาหน้าทั้งของเขาและของเพื่อนรัก
“เอาละได้ฤกษ์แล้ว นนท์สวมแหวนให้น้องสิ” ภูเบศหันมาบอกลูกชายก่อนจะหันไปบอกเจ้าสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ “ส่งมือให้พี่เขาสิลูก” คำพูดที่อ่อนโยนนั้นทำให้ปณิดาใจชื้นขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายสูงวัยที่มีอายุรุ่นเดียวกับบิดาแล้วยิ้มให้อย่างดีใจ ก่อนจะหันมามองทางเจ้าบ่าว ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องมองมายังเธอนิ่ง
นนทกานต์ถึงกับตะลึงงันไปชั่วครู่เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนเองอย่างเต็มตา ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติของตนเองกลับคืนมา เขายอมรับว่าเจ้าสาวของเขาก็สวยใช่เล่น แต่ก็นั้นแหละมันเป็นแค่เปลือกนอกที่ห่อหุ้มความชั่วร้ายเอาไว้ภายใน ‘ชิ นังแม่มด’ ชายหนุ่มนึกสบถด่าหญิงสาวในใจก่อนจะยื่นมือออกมารับมือเรียวที่ยื่นมาให้กับเขา
“อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกคุณนะ แม่พวกตัวดูดเลือด” คำพูดนั้นทำให้ปณิดาที่หัวใจกำลังเต้นแรงเพราะใบหน้าคมที่ก้มต่ำเข้ามากระซิบที่ข้างหูถึงกับนิ่วหน้ามองเจ้าบ่าวด้วยแววตาสงสัยระคนงุนงงก่อนจะกระซิบถามกลับไป
“พูดอะไรของคุณ”
“หึ หึ ดัดจริต” นนทกานต์หัวเราะในลำคอและสบถออกมาอย่างหยาบคายจนทำให้ปณิดาต้องขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างขุ่นเคืองก่อนจะกระชากมือกลับเธออยากจะด่าอีกฝ่ายกลับแต่เกรงว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่สมควรดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแล้วมองเขาด้วยแววตาขุ่นๆ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาอีกครั้งก็ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวเร็วมากยิ่งขึ้น เธอยอมรับว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์มากและปากร้ายมากด้วยเพราะจากคำพูดเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเขาไม่พอใจในการแต่งงานครั้งนี้อย่างมากซึ่งเธอก็เช่นกันแต่จะทำอย่างไรได้นอกเสียจากปล่อยไปจนกว่าจะเสร็จพิธี
และหลังจากเสร็จพิธีในตอนเช้าเรียบร้อยแล้วก็เหลืองานฉลองมงคลสมรสในช่วงกลางคืนซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมของภูเบศนั่นเอง และปณิดาก็เตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ร่างบางอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกอดอกยาวคลุมเท้า หญิงสาวนั่งมองตัวเองในกระจกเงาอย่างเศร้าๆ ทั้งๆที่ตอนนี้มีบรรดาสาวๆทั่วประเทศกำลังอิจฉาในความโชคดีของเธออยู่
“เฮ้อ...” ปณิดาผ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนเมื่อหันไปเห็นว่าที่พ่อสามีเดินยิ้มเข้ามาในห้อง