บทย่อ
อียิปต์ ก่อนคริสสักราช ปี 2542 ชายหญิง 2 คู่ คุกเข่าอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นองค์เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักและความเมตตา ชายทั้งสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยแบบคนมีฐานะ ส่วนหญิงสาวทั้งสองแม้จะมีใบหน้างามแต่เสื้อผ้าที่พวกนางใส่บ่งบอกถึงฐานะที่ยากจน “ข้าแต่องค์เทพี ข้าทั้ง 4 คน ขอวอนต่อพระองค์ไม่ว่าพวกข้าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน จะข้ามภพหรือข้ามชาติ พวกข้าจะขอกลับมาอยู่ด้วยกันอีก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงอันดัง แววตาแน่วแน่ “ พวกข้าขอให้องค์เทพีจงนำพวกเรากลับมาครองรักกันอีกครั้ง แม้ในชาตินี้พวกเราจะไม่สมหวังในรัก ในภพหน้าขอให้พวกเราได้ครองคู่กันตลอดไป” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น นางหันไปมองหน้าคนรักและน้องสาวกับคนรักของนาง ชายหนุ่มนำขวดบรรจุน้ำใสๆ ออกมา เขาดื่มเข้าไปก่อนแล้วส่งให้หญิงคนรัก นางรับมาแล้วดื่มเข้าไปและส่งต่อให้น้องสาวกับคนรักของนาง ชั่วเวลาอึดใจเลือดก็ไหลออกมาจากปากของคนทั้ง 4 ชายหนุ่มทั้งสองนั่งประคองกอดคนรักของตนไว้แล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ แล้วร่างทั้ง 4 ก็สงบนิ่งลงไป สายลมเย็นพัดมาร่างหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏขึ้นมองมายังร่างทั้ง 4 นางยิ้มอย่างเมตตาแล้วก็เลือนหายไปกับสายลม อียิปต์ปัจจุบัน เบื้องหน้าของคณะทัวร์ชาวไทยรวม 20 คน เป็นสุสานหุบผากษัตริย์ที่ลื่อชื่อของประเทศอียิปต์ ไกด์นำทางชาวไทยอธิบายผ่านทางไมโครโฟน เสียงดังฟังชัดเจน และทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนเข้ามาในสุสานห้องเก็บพระศพองค์ฟาโรห์ทุกยุค สองสาวชาวไทยถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวแม้แต่น้อย “ พี่อรคะ กาญรู้สึกหนาวจนขนลุกเลยค่ะ ” กาญวดี หญิงสาวชาวไทยที่มีผมสีดำยาวยักโศกนัยน์ตาสีดำจมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเรียวยาว ปากบางสีชมพู ผิวสีแทน หันไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่ออรสา หญิงสาวชาวไทยอีกคนหนึ่ง ที่มีผิวสีขาวอมชมพู ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีดำ หน้ารูปไข่ทั้งจมูก ปาก คิ้ว คาง รับกันได้รูปเข้าสัดส่วนกันอย่างสวยงาม “ พี่ก็รู้สึกเหมือนกาญเลย สยองๆ ยังไงก็ไม่รู้”ทั้งสองสาวจึงรีบสาวเท้าตามคณะทัวร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติกับคณะทัวร์ของตนเลยแม้แต่น้อย “กาญ ! คณะทัวร์กลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มที่เรามาด้วยนี่นา” อรสารู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาเมื่อหันไปเห็นไกด์นำทางที่ไม่ใช่ผู้ชายไทยแต่เป็นชายผิวคล้ำแต่งตัวเหมือนชาวอียิปต์โบราณ ยังไม่ทันที่เพื่อนรุ่นน้องจะตอบอะไร สองสาวก็เป็นอันหมดสติไปเสียก่อน แล้วลมเย็นๆ ก็พัดผ่านเข้ามาแล้วปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งใบหน้าขาวสะอาดตา แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวบางเบาพลิ้วไหวตามสายลม ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนเมตตา ยืนมองร่างทั้งสองที่นอนสลบอยู่เบื้องหน้า “ถึงเวลาของพวกเจ้าแล้ว ตามคำขอที่พวกเจ้าได้ขอข้าไว้ เพราะความอิจฉาที่อยู่ในใจของผู้คนจึงทำให้พวกเจ้าต้องพรากจากคนที่เจ้ารัก ข้าจะคืนพวกเจ้าสู่อ้อมกอดของพวกเขา กาลเวลามิอาจพรากพวกเจ้าจากกันได้ ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันที่พวกเจ้ามีต่อกัน” สิ้นเสียงนุ่มอ่อนโยนร่างบางนั้นก็หายไปกับสายลม
ตอนที่ 1 ข้ามภพ
ตอนที่ 1 ข้ามภพ
อียิปต์ ก่อนคริสสักราช ปี 2542
ชายหญิง 2 คู่ คุกเข่าอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นองค์เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักและความเมตตา ชายทั้งสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยแบบคนมีฐานะ ส่วนหญิงสาวทั้งสองแม้จะมีใบหน้างามแต่เสื้อผ้าที่พวกนางใส่บ่งบอกถึงฐานะที่ยากจน
“ข้าแต่องค์เทพี ข้าทั้ง 4 คน ขอวอนต่อพระองค์ไม่ว่าพวกข้าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน จะข้ามภพหรือข้ามชาติ พวกข้าจะขอกลับมาอยู่ด้วยกันอีก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงอันดัง แววตาแน่วแน่
“ พวกข้าขอให้องค์เทพีจงนำพวกเรากลับมาครองรักกันอีกครั้ง แม้ในชาตินี้พวกเราจะไม่สมหวังในรัก ในภพหน้าขอให้พวกเราได้ครองคู่กันตลอดไป” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น นางหันไปมองหน้าคนรักและน้องสาวกับคนรักของนาง
ชายหนุ่มนำขวดบรรจุน้ำใสๆ ออกมา เขาดื่มเข้าไปก่อนแล้วส่งให้หญิงคนรัก นางรับมาแล้วดื่มเข้าไปและส่งต่อให้น้องสาวกับคนรักของนาง ชั่วเวลาอึดใจเลือดก็ไหลออกมาจากปากของคนทั้ง 4 ชายหนุ่มทั้งสองนั่งประคองกอดคนรักของตนไว้แล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ แล้วร่างทั้ง 4 ก็สงบนิ่งลงไป สายลมเย็นพัดมาร่างหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏขึ้นมองมายังร่างทั้ง 4 นางยิ้มอย่างเมตตาแล้วก็เลือนหายไปกับสายลม
อียิปต์ปัจจุบัน
เบื้องหน้าของคณะทัวร์ชาวไทยรวม 20 คน เป็นสุสานหุบผากษัตริย์ที่ลื่อชื่อของประเทศอียิปต์ ไกด์นำทางชาวไทยอธิบายผ่านทางไมโครโฟน เสียงดังฟังชัดเจน และทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนเข้ามาในสุสานห้องเก็บพระศพองค์ฟาโรห์ทุกยุค สองสาวชาวไทยถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวแม้แต่น้อย
“ พี่อรคะ กาญรู้สึกหนาวจนขนลุกเลยค่ะ ” กาญวดี หญิงสาวชาวไทยที่มีผมสีดำยาวยักโศกนัยน์ตาสีดำจมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเรียวยาว ปากบางสีชมพู ผิวสีแทน หันไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่ออรสา หญิงสาวชาวไทยอีกคนหนึ่ง ที่มีผิวสีขาวอมชมพู ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีดำ หน้ารูปไข่ทั้งจมูก ปาก คิ้ว คาง รับกันได้รูปเข้าสัดส่วนกันอย่างสวยงาม
“ พี่ก็รู้สึกเหมือนกาญเลย สยองๆ ยังไงก็ไม่รู้”
ทั้งสองสาวจึงรีบสาวเท้าตามคณะทัวร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติกับคณะทัวร์ของตนเลยแม้แต่น้อย
“กาญ ! คณะทัวร์กลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มที่เรามาด้วยนี่นา” อรสารู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาเมื่อหันไปเห็นไกด์นำทางที่ไม่ใช่ผู้ชายไทยแต่เป็นชายผิวคล้ำแต่งตัวเหมือนชาวอียิปต์โบราณ ยังไม่ทันที่เพื่อนรุ่นน้องจะตอบอะไร สองสาวก็เป็นอันหมดสติไปเสียก่อน
แล้วลมเย็นๆ ก็พัดผ่านเข้ามาแล้วปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งใบหน้าขาวสะอาดตา แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวบางเบาพลิ้วไหวตามสายลม ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนเมตตา ยืนมองร่างทั้งสองที่นอนสลบอยู่เบื้องหน้า “ถึงเวลาของพวกเจ้าแล้ว ตามคำขอที่พวกเจ้าได้ขอข้าไว้ เพราะความอิจฉาที่อยู่ในใจของผู้คนจึงทำให้พวกเจ้าต้องพรากจากคนที่เจ้ารัก ข้าจะคืนพวกเจ้าสู่อ้อมกอดของพวกเขา กาลเวลามิอาจพรากพวกเจ้าจากกันได้ ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันที่พวกเจ้ามีต่อกัน” สิ้นเสียงนุ่มอ่อนโยนร่างบางนั้นก็หายไปกับสายลม
อียิปต์ ก่อนคริสศักราช ปี 2575
นครธิปส์อันยิ่งใหญ่ซึ่งมีกษัตริย์หนุ่มและพระอนุชาช่วยกันปกครองอยู่ กิตติศัพท์ที่เลื่องลือไปไกลด้วยความ โหดเหี้ยม ป่าเถื่อนและเย็นชา เมืองใกล้ไกลต่างรู้กันดีจึงไม่มีใครกล้าคิดแข็งข้อแม้แต่น้อยในห้องว่าราชการเหนือบัลลังก์ทองคำมีชายหนุ่มผิวคล้ำ จมูกโด่ง นัยน์ตาสีฟ้า ร่างกาย กำยำสมชาย และถัดลงมาก็มีบุรุษรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ประทับอยู่สูงกว่าเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลาย
“อคาเชฟ เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่” องค์ฟาโรห์หนุ่มถามด้วยพระสุรเสียงที่ดังกังวาลทั่วห้อง
“ เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองพระเจ้าค่ะ” อคาเชฟทูลตอบพระเชษฐาทันที เมื่อเช้าพระองค์เพิ่งได้รับรายงานจากแม่ทัพกาซัลว่ามีกลุ่มกองโจรออกปล้นชาวบ้านและพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในนครธิปต์ สำหรับองค์ฟาโรห์แล้วมันเป็นการหยามเกียรติกันอย่างให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด
“แม่ทัพกาซัสเจ้าจงไปเตรียมกองทหารให้พร้อมพรุ่งนี้จะเป็นวันตายของพวกมัน” “ท่านพี่ ข้า....... ” ยังไม่ทันที่เจ้าชายอคาเชฟจะทันรับสั่งจบผู้เป็นพระเชษฐาก็โบกพระหัตถ์
ห้ามไว้เสียก่อน พร้อมกับรับสั่ง “เจ้าอยู่ดูแลทางนี้ดีกว่า ”
“พระเจ้าค่ะ” ผู้เป็นอนุชารับคำ แล้วมองตามวรกายแกร่งที่เสด็จออกไป
อรุณรุ่งอคาเมฟิสยกทัพไปปราบพวกโจรร้าย การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดและชัยชนะก็เป็นขององค์ฟาโรห์อคาเมฟิส เมื่อจัดการเหล่าโจรร้ายเรียบร้อยแล้วจึงยกทัพกลับเข้าเมือง
และ ณ ชายป่าริมแม่น้ำไนล์มีร่าง 2 ร่างนอนสลบอยู่ องค์ฟาโรห์ทรงประทับบนหลังม้าจึงทอดเนตรเห็นเข้าพอดีจึงทรงรับสั่งให้องครักษ์ไปดู และพาร่างนั้นขึ้นมา
“ยังมีชีวิตอยู่ฝ่าบาท” ซาฮัสกราบทูล
“เป็นผู้หญิงทั้งคู่พระเจ้าค่ะ จะให้ทำอย่างไรกับพวกนางดีพระเจ้าค่ะ”เขาทูลถามต่อ
“ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่ใช่คนถิ่นเราพระเจ้าค่ะ ” แม่ทัพกาซัสมองสำรวจหญิงสาวอย่างละเอียด แต่ด้วยเนื้อตัว หน้าตาเปอะเปื้อนไปด้วยโคลนทำให้มองไม่ชัดเจน
“พาพวกนางไปด้วย” เสียงทรงพลังรับสั่งมาจากบนหลังอาชา ทหารจึงช่วยกันอุ้มนางทั้งสองไปไว้ที่รถลากเสบียง
เมื่อเข้าเขตพระนครทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี และในวังก็มีการเตรียมตัวต้อนรับกับชัยชนะในครั้งนี้ เหล่าพระสนมแต่งกายแข่งขันกันอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยแก่องค์ฟาโรห์
แม่ทัพกาซัสสั่งให้ทหารพานางสองคนที่พบที่ริมแม่น้ำไปไว้ที่ห้องสาวใช้ที่บ้านของเขา และให้ อามิยะ และ ราเซส ดูแล
และเมื่อสองสาวฟื้นขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อสิ่งที่อยู่รอบๆ กายช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ส่วนสาวใช้เมื่อเห็นสองสาวฟื้นแล้วจึงให้ทหารไปบอกท่านแม่ทัพทันที