นิยาย
รอยอาญา [Sign of Love]
ดนุพร ปรีชากุล (คุณดำ) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีความหลังอันสลับซับซ้อน และซ่อนไว้ด้วยความโกรธแค้น เพื่อรอลงอาญา คนที่ทำให้เขากับครอบครัว ต้องพบกับความลำบากยากเข็น ------- ระพีพรรณ (คุณเพลง) หญิงสาวผู้จำต้องชดใช้ให้เขา เพราะรักและกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดอย่างล้นเหลือ -------------------------------------------------------------- "ก็ฉันกำลังจะทำให้พ่อกับพี่เลวๆ ของเธอได้รับรู้ว่า การที่มีลูกกับน้องสาวถูกข่มขืนจนเป็นบ้า มันรู้สึกยังไง น่ะสิ! .และเธอก็จะต้องเป็นสารให้ฉันไง” เขาคว้าข้อมือเธอลากเดินตรงไปที่ห้องทันที “คุณหมายความว่ายังไง ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ ปล่อย” เธอขัดขืนเขาด้วยแรงที่มี แต่ก็ทานแรงเขาไม่ได้ จนร่างแทบจะปลิวไปตามแรงของเขาก็ว่าได้ เธอรีบเอามืออีกข้างยึดขอบประตูเอาไว้ พร้อมกับพยายามจะสบัดแขนออกจากแรงฉุดของเขา “มานี่!!!” ดนุพรเข้ามาโอบร่างเธอเอาไว้ และแกะมือออกจากประตู “ปล่อยฉันนะ ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือทันทีที่มือถูกเขาฉุดให้หลุดจากการยึดเหนี่ยว “โอ้ย!!!” แขนที่คว้าเธอเอาไว้ ถูกฟันของเธอกัดเข้าเต็มๆ จนต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บ และก็ปล่อยร่างเธอให้หลุดมือไป เธอตั้งสติได้ รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องและตรงไปยังประตูทันที เพื่อหมายหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เธอวิ่งออกจากห้องได้สำเร็จ แต่ก็หนีมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกเขาวิ่งมาคว้าเอาแขนได้ทัน “จะไปไหน มานี่ เธอหนีไม่พ้นฉันหรอก” “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆ จนแทบจะสุดเสียง แต่ก็เปล่าประโยชน์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ห้อง หรือได้ยินเสียงเธอเลย ไม่นานตัวเองก็ถูกเขาลากเข้ามาในห้อง และปิดประตูทันที เขารวบมือสองข้างของเธอเอาไว้ พร้อมกับลากเธอไปในห้อง และโยนร่างเธอไปที่เตียงทันที โดยที่เขาไม่รอช้าที่จะตามขึ้นกดแขนเธอเอาไว้ “เธอจะร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกนะ เธอไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าเวรกรรม น่ะมันมีจริง พวกเธอทำกรรมอะไรไว้กับพวกฉัน กรรมนั้นมันก็กำลังจะตอบสนองไง ไม่มีใครมาช่วยได้หรอกนะ” “ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ปล่อย” เธอด่าเขาด้วยความรู้สึกโกรธและกลัวระคนกันไป “ใช่เธอไม่ได้ทำ แล้วน้องฉันล่ะ ไปทำอะไรให้พี่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอจะต้องเป็นสารให้ฉันส่ง” ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไร เรียวปากก็ถูกเขาปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่มของเขา หญิงสาวดิ้นรนหาอิสระด้วยแรงที่พอจะเหลืออยู่ พลางมือสองข้างก็ใช้เล็บหยิกไปที่แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ “โอ้ย!!!” เขาเริ่มโกรธเพราะความเจ็บปวดและตรงแขนก็มีรอยเล็บจากการจิกจนมีเลือดซิบๆ ออกมา “ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ฉันเกลียดคุณ ปล่อย” เธอร้องออกมาด้วยความโกรธเขา “ปล่อยเหรอ! นี่ไงปล่อย” เขาต่อปากต่อคำกับเธอ พร้อมๆ กับมือก็กระชากชายเสื้อจนกระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด แล้วเขาก็ไม่รอช้า รีบทาบร่างลงไปบนร่างเธออีกครั้ง และระดมจูบไปอีกครั้ง เรียวปากเธอถูกบดขยี้อย่างรุนแรงด้วยความโกรธของเขา มืออีกข้างของเขาไม่รอช้าที่จะปลดกระดุมเม็ดที่เหลือออกไป แล้วเขาก็สอดมือเข้าไปใต้บราเพื่อเคล้าคลึงหาความนุ่มจากอกอวบอิ่มของเธอ หญิงสาวรู้สึกได้จากความโกรธของเขา ผ่านความรุนแรงที่บดลงไปบนเรียวปากของเธอ เรี่ยวแรงที่จะเอามาต่อสู้กับเขานั้น มันแทบจะไม่หลงเหลืออีกแล้ว เพราะมืออีกข้างของเขากดข้อมือเธอไว้กับที่นอน ส่วนมืออีกข้างของเธอที่พอจะต่อสู้เขาได้ ก็ยังคงจิกและทุบไปที่หัวไหล่ของเขา แต่มันก็แทบจะไม่ระคายผิวเขาด้วยซ้ำ ไม่นานท่อนล่างของเธอก็ปราศจากอาภรณ์ใดๆ ปกปิดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา แล้วหญิงสาวก็รับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า คงจะไม่สามารถทานแรงของเขาได้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันเริ่มไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้น จะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ จมูกของเขาชอนไช ซอกซอนไปตามคองามระหง แล้วลงมาหยุดที่บัวคู่งามทันทีที่บราตัวน้อยหลุดติดมือเขาและขว้างไปโดยไม่ได้สนใจทิศทาง หญิงสาวหลับตาพริ้มลงด้วยความอาย เมื่อเขาใช้สายตาเชยชมเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของเธอ แล้วเรียวปากก็ถูกเขาก้มลงมาดูดดื่มอีกครั้ง แต่ก็ผิดจากครั้งก่อนๆ เพราะสัมผัสเขาแผ่วเบา นุ่มนวล เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รู้สึกวาบหวิวกับสัมผัสของเขาไม่น้อย ในเวลาเดียวกันเธอก็สัมผัสได้ว่า ร่างของเขาบัดนี้ ไม่มีอาภรณ์ใดๆ ปกปิดไว้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กำลังจะสูญเสียไปให้กับเขา “ได้โปรดเถอะค่ะคุณดำ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ คุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณในวันนี้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันขอร้อง” เธอตัดสินใจอ้อนวอนเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะคาดหวังว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจ “เธอกำลังขอร้องไม่ให้ฉันกินน้ำ ทั้งๆ ที่ฉันรู้สึกหิว และมันก็ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันอย่างนั้นเหรอ มันไม่มีประโยชน์หรอกนะเพลง มันสายไปแล้ว มันสายไปตั้งแต่วันแรกที่เธอตัดสินใจ เข้ามาทำงานที่บ้านฉันด้วยซ้ำ” แล้วปากหนานุ่มก็ปิดเรียวปากเธออีกครั้ง เพื่อหยุดการร้องขอจากเธอ เขารู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกกับความสุขที่ได้รับจากเรือนร่างของเธอ เพราะร่างเปล่าเปลือยของเธอนั้น มันเต็มไปด้วยสิ่งที่หน้าค้นหา และน่าลิ้มลองเหลือเกิน ผิดกับหญิงหลายๆ คน ที่เขาได้ผ่านมือมา หรือมันอาจจะเป็นเพราะเธอมีเลือดของศัตรูที่เขาเกลียดและอยากทำลายอยู่เป็นทุนเดิมแล้วก็เป็นได้ “เธอไม่รู้เหรอ ว่าฉันดีใจแค่ไหน ที่เห็นเธอเดินเข้ามาขอผ่อนผันหนี้ตั้งแต่วันแรก และเธอคงคิดไม่ออกหรอก ว่าฉันรอคอยวันนี้มานานแค่ไหน” นั่นคือคำพูดของเขาที่สื่อไปถึงอะไรหลายๆ อย่างจากความคิดของเขาเพื่อให้เธอรับรู้ แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะตีความใดๆ อีกแล้ว เพราะรู้ดีว่ามันหาประโยชน์ไม่ได้เลย มือของเขาลูบไล้ไปแทบทุกสรรภางค์ บัวคู่งามถูกปากนุ่มเขาครอบครองเอาไว้โดยไม่คิดจะคำนึงว่าเจ้าของที่เฝ้าหวงแหนเอาไว้นั้น จะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เธอเก็บรักษามาทั้งชีวิต โดยที่ไม่เคยมีใครเข้ามาแผ้วพาน บัดนี้มันได้ถูกค้นพบและรุกรานจากเขา แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ที่เห็นดวงตาเธอปิดลงเพื่อรับสัมผัสที่เขามอบให้ และมันก็ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่า เธอกำลังพ่ายแพ้ต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติที่สร้างเอาไว้ เขายกแขนเธอทั้งสองข้างให้มาโอบหลังเขาไว้ และดูเหมือนว่าเธอจะทำตามอย่างว่าง่าย และปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เขาจะสั่งการ ระพีพรรณรู้สึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ที่ยอมทำตามที่เขาร้องขอ แต่เธอก็คือมนุษย์ปุถุชน ที่ยากจะต่อต้านกับความสุขที่เขากำลังจะมอบให้นี้ เธอปล่อยให้เขาครอบครองเรือนร่างของเธอเอาไว้ ตามแต่เขาจะปรารถนาที่จะหาความสุขจากมัน
อาญาซาตาน (พระเอกร้ายมาก)
กัณหา ปานประธีป คือหนึ่งในสองของฆาตรกรที่เขาทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยเสียเองแล้วตามมาพิพากษาในโทษทัณฑ์ที่พรากชีวิตน้องสาวสุดรักของเขาไป ด้วยการหยิบยื่นความสูญเสียให้เธอและคนในครอบครัว --------------------------------------------------- ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ
เมียทาสสวาท [Forbidden Love]
พิรุณญาผู้ไม่มีที่พึ่งพา ต้องถูกเพชรกล้ารังแกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็จำต้องทนเพราะความกตัญญูที่มีต่อพ่อแม่เขา ทว่าความอดทนก็จำต้องหมดไปเมื่อเขาทำลายทุกอย่างที่เธอมีจนพังพินาศลง จึงต้องพาตัวเองหนีจากเขาไปและไม่คิดจะหวนกลับคืนมา --------------------------- “โผล่หัวออกมาแล้วเหรอ! ไม่เห็นรึไงว่าฉันกลับมาแล้ว ทำไมไม่หาเบียร์เย็นๆ มาให้ ฉันเพิ่งจะกลับจากไปทำงานหาเงินมาให้เธอใช้นะ อย่าลืมสิว่าไอ้ที่ได้กินได้ใช้อย่างสบายๆ น่ะมันเป็นเงินของใคร” “เบียร์หมดค่ะ พี่เพ็ญกำลังไปซื้อ รบกวนคุณเพชรรอสักครู่นะคะ” “ฉันไม่รอ! ฉันจะเอาเดี๋ยวนี้ไปหามาให้ฉัน ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่” เพชรกล้าตะคอกใส่หน้าหญิงสาวทันที ขณะเดินเข้าไปหาใกล้ๆ แล้วจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง จนพิรุณญาต้องถอยออกห่างไปสองสามก้าว แล้วก็ทำใจดีสู้เสืออธิบายให้เขาฟังอีกครั้ง “อีกหน่อยพี่เพ็ญคงจะมาค่ะ ในตู้เย็นไม่มีเหลือแล้วจริงๆ” “ไม่มีเธอก็ออกไปหาซื้อมาสิ! ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รอ น้ำยาคนเป็นแม่บ้านใหญ่อย่างเธอทำได้แค่นี้เองเหรอ หรือจะเก็บแรงเอาไว้ทำอย่างอื่น หรือถ้าคนที่ยืนตรงหน้าเธอไม่ใช่คุณพ่อ เธอก็จะไม่สนใจดูแลอย่างนั้นใช่มั้ย” “คุณพูดอะไรของคุณฉันไม่เข้าใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอไปทำงานต่อนะคะ” พิรุณญาเริ่มไม่พอใจในน้ำคำของเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พยัยามจะหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้มีปัญหาเหมือนครั้งก่อนอีก เธอจึงหันหลังเดินกลับไปเข้าครัว แต่ก็ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ก็ถูกเพชรกล้าคว้าแขนเอาไว้ก่อน “ปล่อยนะคุณเพชร!” พิรุณญาพยัยามสบัดแขนออกจากมือเขา แต่ไม่อาจสู้แรงได้ “เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าฉันยังคุยธุระไม่เสร็จ เธอนี่มันเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันนะ ถึงได้ทำตัวไร้เดียงสาซะเหลือเกิน ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าที่ฉันพูดหมายความว่ายังไง อย่ามาเสแสร้งให้ฉันสมเพชเธอมากไปกว่านี้นักเลย เมื่อคืนไปออดอ้อนอะไรพ่อฉันล่ะ วันนี้แจ็คพ็อตถึงได้มาลงที่ฉันได้ ฉันล่ะเกลียดผู้หญิงขี้ฟ้องอย่างเธอจริงๆ เมื่อไหร่คนหน้าด้านหน้าทนอย่างเธอ จะไปจากชีวิตพวกฉันซักที เพราะในบ้านนี้มีแต่คนที่เกลียดเธอทั้งนั้น รวมทั้งฉันด้วย ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดเธอ เกลียด! เกลียด! เลียด!” สิ้นคำแขนที่มีแรงมหาศาลก็สบัดจนร่างผอมบาง จนถลาล้มหน้าผากฟาดกับเหลี่ยมตู้โชว์อย่างแรง “โอ๊ย!” พิรุณญาทันได้ร้องออกมาแค่นั้น ก็เกิดอาการมึนขึ้นมาจนต้องนั่งอยู่กับพื้นนิ่งๆ
วิมานสอยดาว [Heaven]
“คุณไม่มีสิทธิ์จะไปไหนทั้งนั้นจนว่าผมจะอนุญาตหรือไม่ก็จนกว่าพี่ชายคุณจะหาเงินสี่สิบล้านมาให้ผม ระหว่างนี้คุณมีหน้าที่ปรนเปรอความสุขบนเตียงให้ผม และทำทุกอย่างที่ผมสั่งไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่าที่คุณไม่ควรจะมองข้าม ผมไม่สนใจว่ากับลูกค้ารายอื่นคุณจะบริการยังไง แต่กับผมคุณต้องทำให้คุ้มค่าและสมราคาเงินก้อนโตด้วย แล้วผมจะ...” ‘เผียะ’ “ปล่อยฉันนะ!!! คุณจะทำอะไร!!!” “คุณไม่รู้หรือแกล้งเล่นตัวเพื่อยั่วให้ต่อมตัณหาของผมให้เต้นแรงกว่าที่เป็นกันแน่ อย่าเลย! แค่เห็นร่องอกคุณ น้องชายผมก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเสียเวลาเลย! เรามาเริ่มกันดีกว่า ผมอยากรู้รสชาตินางบำเรอยี่สิบล้านเต็มที ว่าจะดีสมราคาหรือเปล่า” “คุณพูดอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน” “ผมบอกแล้วไงว่าคุณจะได้กลับก็ต่อเมื่อผมอนุญาตเท่านั้น” “ออกไปให้พ้น!!! พี่ชายจะต้อง...” ปากอิ่มถูกฉกลงไปปิดอีกปากอย่างรวดเร็ว “คุณขัดขืนยังกับตัวเองไม่เคยผ่านมือผู้ชายมาอย่างนั้นล่ะ อย่าเสียเวลา...” ‘เผียะ’ ฟาดบางมือลงไปตำแหน่งเดิมจนหน้าเขาหันไปอีกทาง แล้วกัญญาวีร์ไม่คิดจะรั้งรออะไรอีก นอกจากวิ่งไปหาประตูเท่านั้น แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่ายๆ “คิดว่าจะหนีผมไปไหนได้ ในเมื่อคุณเอาตัวมาประเคนให้ถึงเตียง มานี่!!!” “ปล่อยฉันนะ!!! ไม่!!! ฉันไม่ไป!!! ปล่อย!!!” แม้จะพยายามขืนกายไม่ให้ถูกลากไปหาเตียงสักแค่ไหน ก็ไม่อาจจะทานแรงกายชายได้ มือบางต้องรีบคว้าชายชุดที่เปิดขึ้นไปถึงต้นขาทันที เมื่อแรงเหวี่ยงของเขามีมาก จนขาแข้งปัดไปคนละทาง กระนั้นสาวสูงศักดิ์ก็ยังพยายามลุกขึ้นตั้งหลักเพื่อพาตัวเองหนีให้พ้นน้ำมือของเขา ที่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้กลายมาอยู่ในสถานการณ์อันย่ำแย่ขนาดนี้ ---------------------------------------
ร้อยดาวตะวันเดียว [My DayLight]
ตะวันฉายเป็นลูกของสุพรมกับอุบล ซึ่งเคยทำงานเป็นคนขับรถกับแม่ครัวในบ้านของชมจันทร์กับจิรเดช จิณณวัตรเป็นลูกชายคนโตของชมจันทร์กัจิรเดช ซึ่งสมัยเขายังเด็กเป็นคู่ปรับกับตะวันฉาย ----------------- จิณณวัตร วัชราเวโรจน์ หนุ่มนักเรียนนอก อารมณ์ดี และมีความรับผิดชอบสูง ด้วยความที่เป็นลูกคนโตของบ้าน และเป็นทายาทอันดับแรก เขาจึงต้องกลายเป็นตัวช่วยและที่พึ่งพิงให้น้องๆ ในยามยากไปในเวลาเดียวกัน และในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นตัวป่วน ชวนให้เลขาคนสวยของแม่ต้องหงุดหงิดไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน “อะไรนะครับ! คุณแม่จะให้ผมไปตามยัยเด็กหัวถั่วงอกนั่นน่ะเหรอครับ แล้วเขาจะกลับมาเหรอ ยิ่งไม่ชอบหน้าผมอยู่ จำไม่ได้หรือไงครับว่าผมทำวีรกรรมอะไรไว้ ให้ผมทำอย่างอื่นให้ดีกว่านะครับ งานนี้ขอบายแล้วกันครับ ว่าแต่ทำไมเขาถึงออกล่ะครับ หรือคุณแม่ให้เงินเดือนน้อยไป” “แหม! ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มียาชูกำลังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกมาคอยตามต้อยๆ ๆ ตั้งแต่บ่ายๆ ก็นับว่าคุ้มหรอกน่า ว่าแต่คุณชอบแบบนั้นเหรอ อย่างคุณผมคิดว่าจะอยากได้แฟนอายุมากกว่านั้นหน่อย ประสบการณ์เยอะกว่านั้นหน่อยมากกว่านะ พวกผู้หญิงที่ชอบมีแฟนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือว่ารุ่นน้องกว่าน่ะ มักจะไปไม่รอดหรอกนะผมเห็นมาแยะละ” “ว่าไงครับคุณถั่วงอก ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเราพักนี้ หรือว่ามัวแต่เดทกับหนุ่มนักเรียนนอกอยู่เลยไม่มีเวลาว่าง” แถมยังตอกเขากลับจนน่าหงาย และเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าแม่ถั่วงอกนอกจากจะทำงานเก่งแล้วยังปากเก่งอีกต่างหาก ‘มันน่าจะจูบซะให้เข็ด’ และไม่รู้สมองส่วนใจสั่งใจให้คิดแบบนี้ ร่างสูงเลยก้าวยาวๆ ตรงไปหาอีกร่างที่ยืนชิดประตูรถเตรียมจะเปิดทุกเมื่อ “อูวห์! ท่าทางคุณอยากจะเป็นผู้หญิงพวกนั้นของผมบ้างล่ะสิท่า แต่คงจะไม่ไหวหรอก เพราะมีคุณสมบัติเพียงข้อเดียวนั่นคือสมอง ส่วนสวยๆ ใสๆ นี่ผมหาไม่ยักจะเจอ หรือถ้าจะไปโมไปอัพเกรดขึ้นมาให้ใกล้เคียงหน่อย คุณก็คงจะต้องจับบัตรคิวรอเลยล่ะ เพราะผมจะว่างอีกทีก็กลางปีหน้าโน่น เสียใจด้วยนะจ๊ะแม่ถั่วงอก” อาทิตยา พุทธิรักษ์ ด๊อกเตอร์สาวผู้มีทางให้ไปมากมาย ทว่าก็จำใจต้องทำงานชดใช้หนี้บุญคุณ ท่ามกลางความกดดันของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายผู้เป็นคุณผู้หญิงของบ้าน ตามติดด้วยลูกๆ ทั้งสี่ของเจ้านาย ที่มักจะนำเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามาให้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกชายคนโตของเจ้านาย หน้าหล่อลากดิน ส่วนน้ำคำนั้นคมราวกับมีดโกน แต่มีหรือที่ด๊อกเตอร์สาวจะทนให้ว่าหรือประชดประชันอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อไหร่สบโอกาส ก็ไม่พลาดที่จะสวนคืนทันควัน “ฉันก็มาทำงานทุกวันนี่คะ ทุกคนในวันเห็นหน้าฉันหมด เว้นเสียแต่คุณจะหูอื้ออึง สายตาฟ่าฟาง เวล่ำเวลาหดหายไปกับพวกสวยใสไร้สมองของคุณเท่านั้น” “หัวถั่วงอกก็ยังดีกว่าหัวอ่อน หัวขี้เลื่อยเหมือนพวกผู้หญิงของคุณ ที่ยอมถูกปั่นจนหัวหมุน ถูกสั่งให้หันซ้ายขวาเพียงเพราะอยากได้เงินจากหนุ่มไฮโซหลงตัวเองอย่างคุณไปใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น เชิญคุณสำเริงสำราญไปเถอะ อีกหน่อยแม่คุณทำเรื่องให้ต้องนั่งกุมขมับ อย่าวิ่งมาหายัยหัวถั่วงอกอย่างฉันให้ช่วยก็แล้วกัน ออกไป! ฉันจะกลับ!”
ร้ายริษยา [Jealous]
เมื่อหลังชนฝา เธอจำต้องแลกด้วยของมีค่าที่สุดในชีวิต ----------------------------------- ปริยกร หรือ เดียร์ หญิงสาวผู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ปาล หนุ่มผู้เสมือนเป็นพระเอกตลาดกาล ----------------------------------- ริมฝีปากสีระเรื่อถูกเคลือบไว้ด้วยลิปกรอส กำลังสั่นน้อยๆ เมื่อถูกเขาจับจ้องอยู่ไม่วางตา เพียงแค่นี้เขาก็เดาได้ว่า ชัยชนะอยู่ในอุ้งมือเรียบร้อยแล้ว มือที่กุมไหล่ระหงอยู่ค่อยๆ เลื่อนลงไปหาเอวคอดกิ่ว อีกมือเชยคางมนให้แหงนหงายสูงขึ้นอีก ก่อนเขาจะค่อยๆ โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปหา เจ้าของใบหน้าสวยกำลังสับสนอยู่นั้น ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วปล่อยเขามอบจุมพิตแรกในชีวิตสาวให้ เมื่อมองไม่เห็นหนทางจะหลีกหนีไปไหนได้อีกแล้ว หรือต่อให้หนีได้ ก็คงไม่พ้นต้องไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนไหนสักคน และยอมให้ทำแบบนี้อยู่ดี ก็แล้วทำไมไม่ยอมเขาเสียแต่ตอนนี้เลยล่ะ ในเมื่อเขาก็คือชายที่คอยสร้างความหวั่นไหวในหัวใจมาหลายปีดีดัก อีกใจก็ได้คิดว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดนี้ เพื่อตัวเอง เพื่อแม่ที่กำลังย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ ได้เงินไปเมื่อไหร่ หญิงสาวก็จะไม่ยอมให้ชายใดมาแตะต้องกายอีก หากไม่ใช่ชายที่ตัวเองรักเท่านั้น ‘ก็เขานี่ไงเดียร์ ผู้ชายที่อยู่ในใจเธอมาหลายปี ผู้ชายที่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางจะได้เคียงคู่เขาด้วยซ้ำ นอกจากในความฝัน แต่ตอนนี้เขาอยู่ใกล้ชิดกับเธอแล้วไง ยอมเป็นของเขาและมอบสิ่งที่เธอหวงแหนที่สุดให้เขาไปสิ’ สิ้นเสียงสนับสนุนจากภายใน หัวใจที่สับสนอยู่เมื่อครู่ก็กระตุกว้าบขึ้นทันที เมื่อรับรู้ว่ามีอุ้งมือของเขา เลื่อนไล้ลงไปหาอกอวบ นุ่มนิ่ม ริมฝีปากได้รูปอิ่มเต็มก็ถูกเขาครอบครองอย่างแผ่วเบา หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระเป๋าสะพายหลุดร่วงออกจากไหล่ระหงไปตอนไหน เพราะกำลังหลงใหลในรสจุมพิตอันหอมหวานของเขาอยู่ มันช่างความซาบซ่านทรงอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน ยังผลให้สองเข่าแทบจะทรุดลง หากไม่มีวงแขนแข็งแรงรัดรึงเอวคอดเอาไว้ ปาลย่อกายลง ส่งแขนข้างซ้าย สอดเข้าไปใต้ข้อพับ อุ้มร่างผอมบางที่เขาเห็นว่าเบาราวปุยนุ่นก้าวเดินไป โดยไม่ปล่อยให้เรียวกระจับงามว่างเว้นจากจุมพิตอันทรงอำนาจด้วยซ้ำ แรกทีเดียวอยากจะตรงไปยังชุดรับแขกเพราะใกล้ แต่คิดอีกทีก็เปลี่ยนใจเดินไปหาประตูห้องที่เปิดอ้าไว้ ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของเธอ ถ้าไม่ถูกย้อมแมวเหมือนโมเดลลิ่งเจ้าอื่นที่ทำมา เขาก็อยากจะให้เธอนอนสบายๆ บนเตียงคิงส์ไซด์ ในห้องนอนอันกว้างขวางและเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ก่อนหน้ามากกว่า ไม่กี่อึดใจ เขาวางกายเบาหวิวลงไปหาฟูกหนานุ่ม พร้อมกับตามลงแบบไม่ให้ขาดช่วง
ตรวนเสน่หา
นายแพทย์เมธี พัฒนาธรสกุล ได้พาตัวเองและครอบครัว ถูกพันธนาการด้วยตรวนบาปกับครอบครัวศรีสมบูรณ์ จนไม่อาจจะปลดปล่อยให้หลุดพ้นได้ *** ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นายแพทย์เขมินท์ พัฒนาธรสกุล ลูกชายคนโตของตระกูล *** กลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าที่เป็น ด้วยการสร้างตรวนบาปใหม่ขึ้นมา *** และยิ่งเป็นตรวนแห่งเสน่หาด้วยแล้ว ใยเลยที่เขากับครอบครัวจะพาตัวเองให้เป็นอิสระได้ ปรียา ศรีสมบูรณ์ ผู้ไม่คิดจะหยิบยื่นตรวนให้ใคร แต่เมื่อได้สูญเสียแล้ว ใยเลยจะปล่อยให้ตัวเองและครอบครัวยุ่งยาก หม้ายสาวจึงไม่คิดจะปลดตรวนบาปให้ใครง่ายๆ *** สถานการณ์ของตัวเองยิ่งเป็นต่อ เมื่อ มัสยา ศรีสมบูรณ์ ลูกชายคนโตของบ้าน *** ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมที่ทำให้อีกฝ่ายย่ำแย่ขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นโอกาสให้หม้ายสาวมีอำนาจต่อรองมากขึ้น *** แต่มัสยากลับไม่ปรารถนาจะล่ามเขาไว้ ในเมื่อเขาไม่ได้มีใจ ใยเลยที่เธอจะต้องจองจำเขาให้ตัวเองเจ็บช้ำใจไปเปล่าๆ ***
เจ้าสาวแสงตะวัน [Affection of The Sun]
ชายหนุ่มผู้ที่วิ่งหนีข้อผูกมัด แต่ต้องมาเจอหญิงสาวที่สุดแสนธรรมดาผูกมัดและล่ามเขาไว้ในสถานะ'สามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย' คราแรกรังเกียจนักหนา แต่เอาไปเอามากลับเป็นเขาที่วิ่งตามล่าJg==มัดเธอไว้กับเขาตลอดกาล ---------------------- แสงตะวัน หนุ่มใหญ่วัยสามสิบหก เจ้าของฟาร์มแสงตะวัน ซึ่งเป็นฟาร์มม้าใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้มากด้วยเงินทองและเสน่ห์ ---------------------- เหมือนดาว สาวแสนสวย เปรี้ยว เฉี่ยวและน่ารัก ผู้มีมาดมั่น และไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ ---------------------- êตัวอย่างสักเล็กน้อย [น้ำจิ้ม] ê "ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่หย่า ผมแค่บอกว่าจะยืดเวลาหย่าไปอีกสามปี เพื่อเหมือนดาวจะได้พิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนว่าสามารถดูแลอะไรต่อมิอะไรได้เอง ไม่ใช่เอาไปทำโดยไม่มีประสบการณ์ไม่นานเดี๋ยวก็เจ้ง หรือไม่ก็ขาดทุนเหมือนครั้งก่อนจนผมต้องเหนื่อยมาทำให้มันฟื้นขึ้นมาอีก” แสงตะวันเลยอธิบายด้วยความใจเย็นอีกครั้งหลังจากทนายบอกไปในรอบแรก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีใครอยากเชื่อ “ถ้าถึงสามปีแล้วคุณเห็นว่าฉันยังไม่พร้อมเหมือนวันนี้ล่ะ”คนไม่ยอมใครเลยรีบยิงคำถามตรงๆ “คุณก็คงต้องไปฟ้องเอาแล้วล่ะ และผมขอแนะนำให้หาทนายเก่งๆ ไว้ด้วยนะ เพราะคุณสุทินฝีมือไม่เป็นสองรองใคร แล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาเบิกจากผมแม้แต่บาทเดียว” “ว่ายังไงล่ะ จะเอายังไงก็บอกมา คุณสุทินจะได้ทำข้อตกลงร่วมกันอีกรอบ” แสงตะวันไม่ใคร่จะแยแสนักว่าเด็กสาวตรงหน้าจะคิดยังไง เพราะรู้ดีว่าไม่อาจจะปล่อยทุกอย่างให้พังลงมาอีกรอบได้แน่ “ฉันจะไม่หย่าและจะทำงานที่นี่อย่างที่คุณต้องการ ถ้าคุณตกลงจะจัดงานแต่งงานระหว่างเราให้ทุกคนรอบข้างคุณและฉันรับรู้ ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านของคุณในฐานะภรรยาไม่ใช่ฐานะพนักงานธรรมดาๆ ทุกคนรอบข้างคุณจะต้องให้ความนับหน้าถือตาว่าฉันที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเท่าๆ กับคุณในทุกๆ เรื่อง พอครบสามปีหรืออาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้นที่คุณเห็นว่าฉันมีความสามารถจะบริหารงานเองได้ เราถึงจะหย่ากัน” “ผมไม่ได้อยากมีเมีย และไม่คิดว่าจะมีด้วย โดยเฉพาะเมียเด็กที่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดด้วยซ้ำ” “ฉันเป็นเพียงภรรยาในนามของคุณเท่านั้น เราจะไม่เกี่ยวข้องกันใดๆ เหมือนที่เคยเป็นมา ยกเว้นให้คนรอบข้างรับรู้ และฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกับคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเหนือบรรดาคู่นอนของคุณเท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ว่าอะไรในเรื่องนี้หรอก เพราะฉันเองก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งคน เราจะให้อิสระกันและกันในเรื่องนี้ คุณจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ฉันไม่สน และในทางเดียวกันคุณก็ต้องไม่สนด้วยว่าฉันจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ แฟร์ไหมคะวิธีนี้” “ทำไมผมต้องยอมด้วยล่ะ ในเมื่อผมไม่ใช่คนที่อยากจะได้อำนาจบริหารคืนเหมือนคุณนี่” ----------------------
เมียแต่งท่านประธาน [Chairman's Wife]
ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก
หนาวปรารถนา
"ภีมวัจน์" หนุ่มใหญ่วัยสามสิบสอง ได้พาตัวเองเข้าไปพัวพันกับ "สาวน้อย" วัยสิบหก ผู้ไม่หลงเหลือใคร และไม่รู้อะไรในโลกกว้างใบนี้ โดยมีความห่วงใยบวกความสงสารเป็นรากฐานสำคัญ นั่นทำให้เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันกลับกลายเป็นภาระทางใจ ที่บีบบังคับให้ตัวเขาต้องพบกับความทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส เมื่อถูกความปรารถนาอย่างแรกกล้าเข้าเล่นงานอย่างไม่ปรานีและยากยิ่งแก่การควบคุม เขาจะทำยังไงดี ระหว่างเดินหนีกับเผชิญหน้า และสู้ปัญหาอันหนักอก ที่เสมือนฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น!
ตราบฟ้าไร้ดาว
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยสูญเสียของที่มีค่าและเป็นของสำคัญที่สุดในชีวิตไป โดยที่ฉันไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพเก็บไว้เลย ทุกครั้งที่ฉันคิดถึง ฉันก็ได้แต่หลับตาแล้วคิดถึงภาพที่มีในความทรงจำเท่านั้นค่ะ
หนึ่งมิตรคิดใกล้
"เมื่อรักแรกบังเกิดกับหัวใจทั้งสามดวง แต่ต่างไม่เปิดใจ ต่างเอาแต่เฝ้ารอคอย วันเวลาผันผ่าน คืนวานผ่านพ้นไป จนเกือบจะสาย ถึงได้รู้ว่าต้องเข้าแย่งชิง เมื่อพรหมไม่ยอมลิขิตให้ต้องเคียงคู่กัน"
ใต้ร่มสกุณี
"วิวรรญา" ต้องเผชิญหน้ากับ "เงื่อนไขซื้อขายร่างกาย" เพื่อพยุงธุรกิจที่จวนจะล้มละลายของครอบครัว และมันจะผูกมัดชีวิตของเธอเอาไว้อย่างไม่มีวันเป็นอิสระไปตลอดกาล...
เก็บดวงใจไว้ให้เธอ
เพียงเพราะ "รัก" ที่ถูกกีดกันด้วยฐานันดรที่ต่างกัน...ทำให้เธอกลัวที่จะพบกับ "รัก" ครั้งใหม่...แต่ในที่สุด...เธอต้องพบกับ "รัก" ใหม่อีกครั้งจนได้ ด้วยความไม่ตั้งใจ และกับ "รัก" ในครั้งนี้ ทำให้เธอต้องร้าวรานอีกรอบ กับกำแพงแห่งฐานันดรที่ต่างกันอีกครั้งจนเธอเข็ดขยาดกับคำว่า "รัก" จำต้องเนรเทศตนเองให้หนีห่างจาก "รัก" ด้วยความเจ็บปวด...จะมัวันที่ได้สุขสมหรือไม่? หรือเธอจะต้องจมปลักกับความรักที่มีเพียงน้ำตาเป็นเพื่อน?
ไฟรักมาเฟียร้าย
หลายปีก่อนสาวสวยใสและไร้เดียงสาอย่าง "พลอยหยก บุญอันดา" ถูกมาเฟียจอมเผด็จการทำตัวเป็นมารมาคอยผลาญรักให้พังทลายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยการใช้อำนาจเงินมาบีบบังคับในเวลาที่เธอกับครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาอันยุ่งยาก จนเธอต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง "ความกตัญญูกับความรัก" โดยที่เขาไม่เคยรู้สึกรู้สาเลยว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บช้ำใจมากแค่ไหน และใช้เวลาเท่าใดถึงจะรักษาแผลใจได้ เมื่อสบโอกาสเธอจึงต้องมาเอาคืนเขาอย่างสาสม และในมาดใหม่ที่ "สวย เฉี่ยว เปรี้ยว และยั่วยวน"
สามีที่ร้าย(รัก)
‘เกลียดคนโกหก เกลียดคนหลอกลวง’ เป็นคำที่นักธุรกิจหนุ่มอย่างดรณ์ เดชาโชตช่วง ท่องไว้ในใจเรื่อยมา นับตั้งแต่ถูกคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิต ทำลายความไว้วางใจที่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไร‘ไม่ให้โอกาสใครซ้ำสอง’ และเขายึดถือคตินี้นับตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะผู้ใต้บังคับบัญชา หรือคนใกล้ตัว เพื่อกันไม่ให้คนเหล่านั้น ทำให้เขาเสียใจ ทำให้เขาผิดหวังอีกทว่า เขากลับต้องกลืนคติประจำใจเหล่านี้ไว้ และเก็บงำไม่ให้ใครรู้ เมื่อได้เผลอมอบหัวใจให้กับ ‘อาภาภัทร ดิษยากรกุล ชไนเดอร์’ หญิงสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เพราะเธอช่างสวย สง่างาม คุณสมบัติทุกด้านเพียบพร้อม เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องดึงเธอมาเป็นคู่ชีวิตให้ได้ ต่อให้ยากเย็นแสนเข็ญ หรือต้องแลกด้วยอะไร เขาก็พร้อม แต่ไม่คิดไม่ฝัน ว่าสาวสวยและสูงส่ง จะทำให้เขาผิดหวังตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ประตูวิวาห์ด้วยซ้ำ เขาจะทำยังไง จะเดินหน้าต่อ หรือยกเลิกงานเสีย แล้วไปให้ไกล ผู้หญิงโกหก ผู้หญิงหลอกลวงคนนี้
ไฟล้อมน้ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคาดหวังจะให้คนรัก ถูกหยิบยื่นให้ปราณปริยาวดี ซึ่งเป็นลูกเมียน้อยและเป็นผู้หญิงที่อดีตคนรักของเขาเกลียดชังมาก นั่นทำให้เขาสะใจที่ได้เห็นอดีตแฟนเต้นเป็นเจ้าเข้าด้วยความเสียดายที่สลัดคนอย่างเขาไป แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดที่ดึงเธอเข้ามาในชีวิต เพราะจากเดิมที่เขาเกลียดลูกเมียน้อยเข้าไส้ กลับกลายเป็นว่าเขาเผลอใจรักเธอเข้าเต็มๆ หากก็ยังปากหนักปากแข็งอยู่นั่นเอง ปรานปริยากรเองก็ไม่คิดจะมอบหัวใจให้เขาง่ายๆ ทั้งสองจะลงเอยกันด้วยดีได้หรือไม่ เพราะอะไร เพราะใคร และทำไม ‘ไฟล้อมน้ำ’ มีคำตอบรอให้ท่านค้นหาแล้ว
ไฟซ่อนเชื้อ
‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง
ดวงใจจักรภัทร
CEO หนุ่มหล่อ น่าล่อ ทายาทอันดับหนึ่งของวงศ์ตระกูลมูลค่านับหมื่นล้าน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเลือกคู่ชีวิต VS พนักงาน HR นอกจากแสนสวยกับแสนดีแล้วก็ ขาดคุณสมบัติเกือบทุกข้อที่เขาวางไว้......... น้ำจิ้ม ..........."กลิ่นกายของเขานั้นช่างหอมเฉพาะตัว แผงอกของเขานั้น ช่างอบอุ่นราวกับมีผ้าผวยหลายร้อยผืนมาห่อหุ้มเอาไว้ สองวงแขนของเขาที่โอบกอดไว้นั้น ช่างให้ความรู้สึกปลอดภัย ยิ่งกว่ามีสรรพสิ่งใดๆ มาโอบล้อมไว้ ร่างเล็กๆ ที่พอมีเรี่ยวแรงเมื่อครู่ ใกล้จะเข่าทรุดแล้ว หากไม่มีเขาคอยประคองช่วยเอาไว้ มัทรีอยากหยุดเวลาอันแสนสุขเอาไว้แค่นี้ จะได้มีเขาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ตลอดไป จะได้เก็บความทรงจำอันแสนหวานล้ำนี้ไว้ตราบนานเท่านาน และสำหรับชายหนุ่มผู้เคร่งครัดในกฎเหล็กของตัวเอง ว่าจะไม่ปฏิบัติกับหญิงที่คัดสรรไว้เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ก็กำลังบังคับตัวเองให้หยุดอย่างหนักหน่วง"
ในรอยรักร้าว
คฑาธร ไวทยาพาณิชน์ นักธุรกิจหนุ่ม ผู้สร้างตัวด้วยมันสมอง สองมือ หนึ่งหัวใจกับดวง เขามีอัตตาของความไม่ยอมแพ้ใคร โดยเฉพาะสตรีเพศเมื่อถูกเธอลบอัตตาเขาลง ผสมกับความแค้นครอบครัวเข้าด้วยกันแล้ว เขาคือชายที่อันตรายสุดขีด พิมพ์ภิษา วัฒนากรณ์ หญิงสาวผู้โหยหาความรักและอ้อมกอดของพ่อผู้ให้กำเนิด เมื่อพ่อไม่เคยหยิบยื่นให้ เธอจึงยอมใช้ร่างกายเข้าแลก เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อ เพื่อครอบครัว และเพื่อเพื่อนร่วมสังคมเล็กๆ ที่คุ้นเคยแต่สุดท้าย เธอก็ พบว่า สิ่งที่ได้มาคือความว่างเปล่าไพรัช กองทอง อดีตคือหนุ่มผู้ด้อยเงินแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก ปัจจุบัน ไพทัช ไวทยาพาณิชย์ ผู้มากด้วยเงินแต่ไร้รักขจร วัฒนากรณ์ อดีตคือหนุ่มมากด้วยเงินแต่ไร้รัก ปัจจุบันคือผู้ไร้เงินและไร้รักศุภิษา วัฒนากรณ์ อดีตคือหญิงสาวผู้เป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมรัก ปัจจุบันคือผู้หล่อหลอมสองดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยรักมาร่วมตามลุ้นไปด้วยกันว่า ชะตาชีวิตของทั้งห้าคนจะเกี่ยวข้องกันยังไง และลงเอยแบบไหน อะไรคือชนวนทำให้มี “ในรอยรักร้าว” ขึ้น
สายธารรักซาตาน
อสมา หรือ คุณใหญ่ พ่อม่ายได้หย่าร้างกับภรรยา ไม่คิดจะจริงจังกับใครอีกเพราะยังรักอดีตภรรยาที่เลิกกันเพราะความไม่เข้าใจกัน สุดท้ายต้องแพ้กับความใจเย็น และความอดทนของเด็กสาวที่เพิ่งจะผ่านพ้นรั้วมหาลัยที่ตัวเองใช้วิธีบีบบังคับให้มาเป็นเมียนอกทะเบียน
ยื้อรัก
เขายอมซื้อหุ้นบริษัทเพื่อนหลายสิบล้าน เพียงเพื่ออยากดึงเธอมาอยู่ใกล้ ๆ ด้วยการตั้งให้เป็นเลขาแถมตั้งเงินเดือนสูงลิ่ว เพราะอยากให้รักเก่ากลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง เธอยินยอมตามเงื่อนไขเพราะหัวใจยังมีเขา