บทย่อ
เมื่อหลังชนฝา เธอจำต้องแลกด้วยของมีค่าที่สุดในชีวิต ----------------------------------- ปริยกร หรือ เดียร์ หญิงสาวผู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ปาล หนุ่มผู้เสมือนเป็นพระเอกตลาดกาล ----------------------------------- ริมฝีปากสีระเรื่อถูกเคลือบไว้ด้วยลิปกรอส กำลังสั่นน้อยๆ เมื่อถูกเขาจับจ้องอยู่ไม่วางตา เพียงแค่นี้เขาก็เดาได้ว่า ชัยชนะอยู่ในอุ้งมือเรียบร้อยแล้ว มือที่กุมไหล่ระหงอยู่ค่อยๆ เลื่อนลงไปหาเอวคอดกิ่ว อีกมือเชยคางมนให้แหงนหงายสูงขึ้นอีก ก่อนเขาจะค่อยๆ โน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปหา เจ้าของใบหน้าสวยกำลังสับสนอยู่นั้น ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วปล่อยเขามอบจุมพิตแรกในชีวิตสาวให้ เมื่อมองไม่เห็นหนทางจะหลีกหนีไปไหนได้อีกแล้ว หรือต่อให้หนีได้ ก็คงไม่พ้นต้องไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนไหนสักคน และยอมให้ทำแบบนี้อยู่ดี ก็แล้วทำไมไม่ยอมเขาเสียแต่ตอนนี้เลยล่ะ ในเมื่อเขาก็คือชายที่คอยสร้างความหวั่นไหวในหัวใจมาหลายปีดีดัก อีกใจก็ได้คิดว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดนี้ เพื่อตัวเอง เพื่อแม่ที่กำลังย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ ได้เงินไปเมื่อไหร่ หญิงสาวก็จะไม่ยอมให้ชายใดมาแตะต้องกายอีก หากไม่ใช่ชายที่ตัวเองรักเท่านั้น ‘ก็เขานี่ไงเดียร์ ผู้ชายที่อยู่ในใจเธอมาหลายปี ผู้ชายที่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางจะได้เคียงคู่เขาด้วยซ้ำ นอกจากในความฝัน แต่ตอนนี้เขาอยู่ใกล้ชิดกับเธอแล้วไง ยอมเป็นของเขาและมอบสิ่งที่เธอหวงแหนที่สุดให้เขาไปสิ’ สิ้นเสียงสนับสนุนจากภายใน หัวใจที่สับสนอยู่เมื่อครู่ก็กระตุกว้าบขึ้นทันที เมื่อรับรู้ว่ามีอุ้งมือของเขา เลื่อนไล้ลงไปหาอกอวบ นุ่มนิ่ม ริมฝีปากได้รูปอิ่มเต็มก็ถูกเขาครอบครองอย่างแผ่วเบา หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระเป๋าสะพายหลุดร่วงออกจากไหล่ระหงไปตอนไหน เพราะกำลังหลงใหลในรสจุมพิตอันหอมหวานของเขาอยู่ มันช่างความซาบซ่านทรงอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน ยังผลให้สองเข่าแทบจะทรุดลง หากไม่มีวงแขนแข็งแรงรัดรึงเอวคอดเอาไว้ ปาลย่อกายลง ส่งแขนข้างซ้าย สอดเข้าไปใต้ข้อพับ อุ้มร่างผอมบางที่เขาเห็นว่าเบาราวปุยนุ่นก้าวเดินไป โดยไม่ปล่อยให้เรียวกระจับงามว่างเว้นจากจุมพิตอันทรงอำนาจด้วยซ้ำ แรกทีเดียวอยากจะตรงไปยังชุดรับแขกเพราะใกล้ แต่คิดอีกทีก็เปลี่ยนใจเดินไปหาประตูห้องที่เปิดอ้าไว้ ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของเธอ ถ้าไม่ถูกย้อมแมวเหมือนโมเดลลิ่งเจ้าอื่นที่ทำมา เขาก็อยากจะให้เธอนอนสบายๆ บนเตียงคิงส์ไซด์ ในห้องนอนอันกว้างขวางและเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ก่อนหน้ามากกว่า ไม่กี่อึดใจ เขาวางกายเบาหวิวลงไปหาฟูกหนานุ่ม พร้อมกับตามลงแบบไม่ให้ขาดช่วง
1
ตอนที่ 1
ประตูเหล็กดัดสูงสองเมตรครึ่ง ถูกขนาบข้างซ้ายขวาด้วยรั้วคอนกรีดฉาบสีขาวสูงเมตรครึ่ง ต่อด้วยรั้วเหล็กเป็นซี่สูงหนึ่งเมตรเป็นแนวยาวสี่สิบเมตร ตามหน้าที่ดินสองไร่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวไปด้านหลัง ทำให้ผู้คนผ่านไปมามองเห็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่หรูหราทรงคลาสสิค แบบเรอเนซองส์ได้ดียิ่ง
บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเป็นผู้มีฐานะดี มีหน้ามีตาในสังคมระดับสูง หากมองเผินๆ หรือแบบผ่านๆ นั้น บ้านหลังใหญ่มีความหรูหราคล้ายกับปราสาทราชวังในต่างประเทศ หรือในเทพนิยายกรายๆ เสากลมหล่อคอนกรีตต้นใหญ่ หัวแบบคอเรียนเทียล ยิ่งส่งช่วยให้ดูยิ่งใหญ่ตระการตาขึ้นไปอีก
ต้นไม้ใหญ่โดยรอบไม่มีขึ้นให้เห็นบริเวณส่วนหน้าบ้านแต่อย่างใด ราวกับเจ้าของจงใจจะไม่ปลูกไว้บดบังความสวยงามของบ้านยังไงยังงั้น ผิดกับรั้วคอนกรีตข้างบ้านทั้งสองฝั่ง กลับทึบและสูงถึงสองเมตรครึ่ง นั่นบ่งบอกว่าไม่ปรารถนาจะให้เพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวามารบกวนอย่างเห็นได้ชัด
หลังรั้วคอนกรีตทึบฝั่งซ้ายของบ้านนั้นคือหมู่บ้านจัดสรรราคาไม่แพงมาก จึงมีชนชั้นกลางมาจับจองเป็นเจ้าของ ส่วนฝั่งขวาเป็นซอยตัน มีถนนคอนกรีดเล็กๆ ผ่านเพื่อให้เจ้าของที่ดินแปลงในมีทางออก จึงไม่ค่อยมีใครได้มองเห็นความเป็นมาและเป็นไปของคนอยู่บ้านหลังใหญ่หรูหรามากมายนัก
แต่ทุกครั้งที่มีรถยุโรปคันงามตาม จำนวนของบรรดาผู้อยู่ในบ้านหลังนี้แล่นออกนอกรั้วเมื่อไหร่ ก็มักจะเรียกความสนใจของผู้คนได้ดีทีเดียว เพราะรถแต่ละคันนั้นล้วนแล้วแต่ราคาหลายล้าน ไม่ต้องมีใครเดาก็รู้ว่า เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้มีอันจะกินจนเกิน
“หล่อนกล้าดียังไงยะ ถึงบุกมาขอเงินฉันถึงนี่และตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ฉันสั่งว่าไม่ให้หล่อนกับแม่หล่อนเหยียบมาถ้าฉันไม่อนุญาตไง”
หญิงวัยห้าสิบแปดปี ทรวดทรงองเอวราวกับสาวรุ่นนามอังคณา รักษ์สันติ กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาสไตล์บาร็อค บุด้วยผ้ากำมะหยี่เพชรสีครีมในห้องอ่านหนังสือ จ้องมองเจ้าของร่างผอมบางในชุดกางเกงขาสั้นระดับเข่าสีขาว กับเสื้อยืดสีเทานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห่างออกไปเป็นเมตร
“ก็เดียร์รอคุณผู้หญิงเอาไปให้ไม่ไหวนี่คะ หมดกำหนดผ่อนผันแล้ว ต้องรีบเอาไปจ่าย ไม่งั้นจะไม่มีสิทธิ์สอบค่ะ”
หญิงสาวผู้เก็บปากเก็บคำไว้ตั้งแต่แจ้งความจำนงไปแล้วนามปริยกร รักษ์สันติ พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสุด เท่าที่เคยทำมา เพราะไม่อยากมีปัญหาใดๆ
“คุณแม่ไม่ได้บอกมันไว้หรอกเหรอคะ ว่าคุณพ่อสั่งงดจ่ายค่าเทอมมันนานหลายเดือนแล้ว”
หญิงสาวสวยสมบูรณ์แบบ แต่งหน้าเนี๊ยบไม่ต่างจากชุดทำงานเรียบหรู นั่งไขว้ห้างอยู่ไม่ห่างจากแม่นาม อลิยา รักษ์สินติเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เน้นหนักตรงสรรพนามเรียกคนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า สายตาที่มองไปนั้นแม้ไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความชิงชังเหมือนสายตาของคนเป็นแม่ แต่ก็ไร้ซึ่งความเป็นมิตร
“ทำไมจะไม่ล่ะ แม่ให้นังอ้วนบอกมั้นตั้งแต่ตอนเอาเงินไปให้เทอมก่อนโน่น มันรู้อยู่แก่ใจแต่ทำหน้ามึน ทำตีเนียนมาขอเหมือนเดิม คงคิดว่าแม่จะใจอ่อนล่ะมั้ง ฝันไปเถอะ”
เด็กสาวผู้ไม่รู้เรื่องงดจ่ายเงยหน้าขึ้นมองสองแม่ลูกด้วยความงุนงง ในหัวก็พยายามทบทวนความจำ ว่ามีถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกจากปากของแม่บ้านร่างอ้วน ตอนเอาเงินไปให้ครั้งก่อนบ้างไหม แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
“ป้าอ้วนไม่ได้ออกอะไรเดียร์เลยนะคะ เอาเงินยื่นให้แล้วก็กลับค่ะ”
“นังอ้วน! แกจะว่าไง”
คนเป็นคุณผู้หญิงปรายตาไปหาแม่บ้านคู่ใจ ที่อยู่รับใช้กันมายี่สิบกว่าปีทันที
“แกจะมาว่าฉันไม่บอกได้ยังไงยะ ก็ฉันถอดเอาคำพูดของคุณผู้หญิงไปหมดทุกคำ แกนั่นล่ะจำไม่ได้เอง แล้วอย่ามาตู่นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
แม่บ้านนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ห่างรีบสวนกลับทันทีและด้วยน้ำเสียงอันดัง เพื่อข่มอีกฝ่ายไม่ให้กระด้างกระเดื่องใส่ แม้ตัวเองจะอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าก็ตาม แต่เมื่อมีคุณผู้หญิงถือหางและให้ท้าย ก็ใหญ่ได้ไม่แพ้ใคร
“ป้าอ้วนไม่ได้บอกค่ะ แค่เอาเงินให้แล้วก็กลับเลย ถ้าบอกเดียร์ก็ต้องรีบไปทำงานหาเงินมาไว้จ่ายค่าเทอมสิคะ คงไม่มารบกวนคุณผู้หญิงแบบนี้หรอกค่ะ”
“ฉันไม่สนว่าหล่อนจะเตรียมตัวหรือไม่ยังไง แต่ฉันบอกไปแล้วหลายเดือนด้วย อย่ามาปักปำคนของฉันนะ แล้วก็อย่าสะเออะเอาไปฟ้องคุณพี่ด้วย เพราะนี่เป็นคำสั่งตรงจากคุณพี่ ฉันจำเป็นต้องทำตาม”
“แล้วเดียร์จะไปหาเงินที่ไหนทันคะ คุณผู้หญิงจ่ายให้เดียร์ก่อนไม่ได้เหรอคะ เดียร์สัญญาว่าเทอมหน้าจะไม่รบกวนค่ะ เดียร์จะไปหางานทำเองค่ะ”
“ฉันก็อยากจะจ่ายให้หล่อนอยู่หรอกนะ แต่ติดตรงที่ฉันไม่มีเงินมากพอน่ะสิ หล่อนไม่รู้เหรอว่าตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทกำลังแย่ คุณพี่ตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออกเกือบหมด ต่อไปอีกไม่กี่เดือน ฉันก็จะต้องให้คนในบ้านออกสักครึ่ง ค่าข้าว ค่าอาหารก็ต้องลดลงให้เหลือครึ่งหนึ่งด้วย แล้วฉันจะเอาที่ไหนมาจ่ายให้หล่อนยะ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อน อารมณ์เสีย!”
“แล้วเดียร์จะทำยังไงล่ะคะ เดียร์ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมนะคะ เดียร์จะไม่มีสิทธิ์สอบนะคะ”
“นั่นมันเรื่องของหล่อน อย่ามาเซ้าซี้น่ารำคาญ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ถ้าไม่ไป ฉันจะให้นังอ้วนลากไปแทนนะ”
เมื่อรู้ว่าไม่มีทางที่คุณนายบ้านใหญ่จะช่วยแล้ว หญิงสาวผู้กำกลัดกลุ้มก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากหันหลังเดินออกจากไป เลยไม่มีโอกาสได้เห็นสองแม่ลูกหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แม่บ้านร่างอวบก็ยิ้มอย่างประสบสอพลอเจ้านายไม่ต่างกัน
“อยากจะรู้จัง ว่าถ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมแล้ว มันจะทำยังไง”
“ก็หมดสิทธิ์สอบน่ะสิคะคุณแม่”
อลิยาเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจกับการกลั่นแกลงลูกบ้านน้อยของแม่ แล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายยีห้อดังราคาเรือนแสนเตรียมไปทำงาน จนคนเป็นแม่อดสงสัยไม่ได้
“ทำไมเข้าสายล่ะแอล”
“ลูกค้านัดคุยที่ร้านไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ค่ะคุณแม่ แอลเลยขี้เกียจขับรถไปขับรถมา เข้าตอนคุยเสร็จแล้วดีกว่า งั้นแอลไปแล้วนะคะ”
ว่าแล้วลูกสาวคนกลางก็ยกมือไหว้แม่ แล้วหิ้วกระเป๋าออกบ้านหลังใหญ่โตหรูหราไปหารถยุโรปคันงาม ขับออกไปอย่างรวดเร็ว