ตราบฟ้าไร้ดาว

161.0K · จบแล้ว
กันเกรา
112
บท
4.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยสูญเสียของที่มีค่าและเป็นของสำคัญที่สุดในชีวิตไป โดยที่ฉันไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพเก็บไว้เลย ทุกครั้งที่ฉันคิดถึง ฉันก็ได้แต่หลับตาแล้วคิดถึงภาพที่มีในความทรงจำเท่านั้นค่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานนางเอกเก่งความจำเสื่อมสัญญาทางรักรักแรกพบเศรษฐีโรงแรม/มหาลัยโรแมนติก

EP 1

ตอน: ชีวิตที่คล้ายความฝัน

“เอ๋ยๆ อย่าไปเดินเล่นไกลนักนะลูก แม่เป็นห่วง”

“จ้ะแม่”

สาวน้อยวัยสิบสามปีเต็ม หันกลับไปหาแม่ที่กำลังแบกกะละมังปลาหมึกอยู่เต็ม เพื่อเอาออกไปตากตรงราวลวด แล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ไปตามชายหาดขาวสะอาดและเงียบสงบยิ่ง บรรยากาศยามเช้าของเกาะเล็กๆ หนึ่งในหลายๆ เกาะของจังหวัดกระบี่ช่างน่าอยู่ไม่น้อย

ร่างเล็กๆ สูงๆ ผอมๆ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีเข้ม เสื้อยืดสีขาวมอๆ ก้มลงเก็บเปลือกหอยสีน้ำเงิน ขาว ชมพู ม่วง ใส่ในถุง พลาสติกอย่างเพลิดเพลิน สลับกับก้าวเดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ

กระทั่ง!

ไปถึงโขดหินใหญ่หลายก้อน ตั้งเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นโพลง ในนั้นใครบางคนนอนคว่ำหน้าอยู่กับหินเล็กๆ สามสี่ก้อน เพราะความเป็นเด็ก และด้วยความที่ยังไม่เคยพานพบเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้มาก่อน

“แม่! พ่อ!” สาวน้อยทิ้งถุงแล้ววิ่งกลับไปยังทิศทางเดิม อย่างไม่คิดชีวิต ปากก็ร้องเรียกไม่เรียกแม่สลับกับเรียกพ่อไป

“พี่ใหญ่!” และเรียกเพื่อนต่างวัยที่บ้านอยู่ติดกันเสียงหลง สองเท้าก็สาววิ่งอย่างเร่งรีบด้วยความหวาดกลัว กับสิ่งที่เพิ่งพบเห็นมา

“มีอะไรเอ๋ย! เป็นอะไรลูก! แล้ววิ่งหนีอะไรมา!” รำไพตกใจไม่น้อย ทิ้งราวปลาหมึกแล้วอ้าแขนรับร่างลูกที่แทบจะกระโจนเข้าหาทันที

“เอ๋ยเห็นคนตายจ้ะแม่!”

“อะไรนะ! เอ๋ยเห็นใคร! แล้วใครตาย!”

รำไพตัวสั่นงันงกตามลูกด้วยความตกใจ แล้วมองไปยังทิศทางที่ลูกชี้นิ้วไป ก่อนจะหันซ้ายแลขวาหาสามี ที่น่าจะกำลังหอบแห หอบอวนออกไปปะชุนอยู่หลังบ้านเป็นแน่

“พี่สิน!” แล้วสองแม่ลูกก็วิ่งไปหลังบ้านด้วยความตกใจ

“อะไรนะ! ใครตาย! แล้วอยู่ตรงไหน! เอ๋ยพาพ่อไปดูซิ!” วสินเองก็ตกใจในคำบอกเล่าของลูกไม่น้อย เลยไม่รอช้า เมื่อเห็นทิศทางที่ลูกชี้ไป ก็ออกวิ่งทันที

“ลุง! รอผมด้วย!”

ธนากรหรือ ‘ใหญ่’ เด็กหนุ่มที่บ้านติดกันก็ร้องเรียก แล้ววิ่งตามไปไม่ห่างเพราะความห่วงและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ทางโน้นจ้ะแม่”

สาวน้อยวรินรำไพรั้งแขนแม่ให้วิ่งตามไปติดๆ ไม่นานภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ หนุ่มน้อยในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อกล้ามสีขาว หรืออาจจะเคยเป็นสีนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ทั้งดำ ด่าง สกปรกไปหมด

วสินวิ่งเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไร เพราะนี่คือหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวอย่างเขา ที่จะต้องออกหน้าเผชิญกับอะไรก็แล้วแต่ก่อนทุกคน

“ยังไม่ตาย!”

วสินหันไปบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่น้อย หลังเอาหูแนบฟังเสียงการเต้นของหัวใจหนุ่มนิรนามตรงหน้าอก นั่นทำให้ทุกคนค่อยมีสีหน้าดีขั้นมาหน่อย

“ไอ้ใหญ่! มาช่วยลุงแบกทีวะ เจ้าหนุ่มนี่ตัวใหญ่แล้วก็หนักจริง”

“ตามพ่อไปเร็วเข้าเอ๋ย”

รำไพคว้าแขนลูกสาว แล้วก้าวเดินตามหลังสามีไปอย่างเร่งด่วน “อ้าว! แล้วนี่ถุงเปลือกหอยของเอ๋ยใช่มั้ยลูก” แต่ก็เหลือบไปเห็นถุงของลูกก่อน

“จ้ะแม่”

ลูกสาวตอบด้วยสีหน้ายังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่เลย ผู้แม่เลยรีบก้มลงไปคว้าถุงมาถือไว้ ก่อนจะรีบจูงลูกให้ก้าวเดินตามสามีกับใหญ่ ที่ช่วยกันหามร่างไร้สติตรงไปยังบ้านอย่างเร่งรีบ

หนุ่มนิรนามนอนอยู่บนฟูกผืนบางๆ กางเกงเลกับเสื้อกล้ามเก่าๆ ของสินถูกเอามาสวมให้แทนเสื้อผ้าชุดเดิม เขากำลังขยับเปลือกตาอย่างเชื่องช้า ตามด้วยขยับใบหน้าคมคายหล่อเหลา

แม้จะซีดแต่ก็ไม่อาจจะบดบังความเป็นคนหน้าตาดี จากสี่ชีวิตที่กำลังนั่งรอลุ้นอยู่รอบกายไม่ได้ ผิวพรรณก็ขาว แม้ตรงแขนจะเป็นสีแทนแต่ลำตัวขาว บ่งบอกได้ว่าเพิ่งผ่านการอาบแดดมาได้ไม่นาน

‘เฮือก!’

ร่างที่นอนอยู่สะดุ้งสุดชีวิตแล้วดีดตัวขึ้นนั่งทันที ทำเอาทุกคนตกใจตามไปด้วย แล้วต่างฝ่ายต่างก็จ้องมองกัน อย่างสงสัยใคร่อยากรู้ความเป็นไปเป็นมาของกันและกันอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน

“พวกคุณเป็นใคร แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” หนุ่มนิรนามเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน

“แล้วพ่อหนุ่มล่ะ เป็นใคร มาจากไหน ทำยังไงถึงได้มานอนเกยอยู่ฝั่งได้” วสินเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน หลังจากหันไปมองหน้าคนอื่นๆ อยู่ครู่หนึ่ง

คนถูกถามนั่งอึ้ง คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก แม้จะใช้ความพยายามอยู่ครู่ใหญ่ แต่ยังไงก็คิดไม่ออก จนเกิดอาการปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมา สองมือเลยต้องยกขึ้นกุมขมับอย่างสับสน

“ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม จะตอบพวกเราได้หรือยัง ว่าเป็นใคร มาจากไหน ถึงได้ลอยคอมาถึงเกาะนี้ เรือล่มจากพายุเมื่อคืนหรือเปล่า หรือว่าถูกใครทำร้ายแล้วแบกมาทิ้งที่นี่ แต่ตามเนื้อตัวก็ไม่มีบาดแผลอะไรนะ นอกจากรอยพกช้ำดำเขียวเท่านั้น แต่ตรงท้ายทอยมีรอยช้ำหนักอยู่เหมือนกันนะ แปลว่าต้องมีของแข็งกระแทกใส่แน่ๆ”

วสินเลยย้ำถามอีก เมื่อรอให้หนุ่มนิรนามตอบไม่ไหว “ผมจำไม่ได้ครับ จำอะไรไม่ได้เลย”

สี่ชีวิตหันไปมองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วหันไปหาเป้าหมายเดิมอีก “หมายความว่ายังไงจ๊ะที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้เลย พ่อหนุ่มชื่ออะไรจ๊ะ” รำไพเลยส่งเสียงนุ่มนวลพร้อมกับยิ้มบางๆ ไปหา

“ผมไม่รู้ครับ ผมมาอยู่นี่ได้ยังไง ผมเป็นใครมาจากไหน แล้วผมชื่ออะไร”

“...”

อีกครั้งที่สี่ชีวิตหันไปมองหน้ากันอย่างเป็นกังวลกว่าเมื่อครู่มาก โดยเฉพาะ วสินกับรำไพผู้เป็นเจ้าของบ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหนุ่มนิรนาม ที่แม้แต่ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้

“โอ๊ย! ผมปวดหัวครับ ปวด! ปวด! ปวด!”

เขาส่งสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังทุกข์ทรมาน กับการพยายามคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนให้ทุกคนได้เห็น

“ใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ คิด ตอนนี้พ่อหนุ่มอาจจะยังเหนื่อย ร่างกายบอบช้ำ หรือสมองถูกกระทบกระเทือน จากอะไรสักอย่างเลยยังจำไม่ได้ เอาเป็นว่ากินยาแก้ปวด แล้วนอนพักสักสองสามชั่วโมงก่อนดีกว่า ตื่นขึ้นมาแล้วอาจจะจำได้”