EP 2
แต่สี่วันล่วงเลยผ่านมาแล้ว หนุ่มนิรนามก็ยังจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่ร่างกายก็แข็งแรงดีแทบจะเป็นปกติแล้ว รอยพกช้ำดำเขียวก็เริ่มจืดจางไปบ้างแล้ว
“จะทำยังไงดีล่ะลุง อะไรๆ ก็จำไม่ได้ แล้วเราจะส่งนายนี่กลับบ้านยังไงล่ะ”
ธนากรอดเป็นกังวลแทนไม่ได้ เจ้าของบ้านก็เช่นกัน ต่างนั่งจ้องหน้า ‘พ่อหนุ่ม’ ที่ทุกคนต่างก็ใช้เรียกไปพลางๆ มาสี่วันแล้ว
“ก็รอดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน เผื่อจะมีคนมาตามหา หรือเผื่อจะจำอะไรได้บ้าง ระหว่างนี้ก็อยู่กับพวกเราก่อนก็แล้วกันนะพ่อหนุ่ม”
วสินสรุปในที่สุด หลังจากปรึกษาหารือกันมาสักพักแล้ว
“ขอบคุณครับลุง” หนุ่มนิรนามยกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมยิ้มน้อยๆ ด้วยความดีใจ
“บ้านลุงไม่ได้ร่ำรวยอะไร ข้าวปลาอาหารก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะนะ กินตามมีตามเกิด ระหว่างอยู่นี่พ่อหนุ่มก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านลุงไปก่อนก็แล้วกัน”
“ได้ครับ ถ้าลุงอยากให้ผมทำอะไรก็บอกนะครับ”
“ได้เลยพ่อหนุ่ม”
วสินบอกด้วยท่าทีของคนไม่คิดอะไรมาก แต่รำไพกลับครุ่นคิดมากขึ้นมาอีกนิด ก่อนจะหันไปถามสามี
“แล้วเราจะเรียกพ่อหนุ่มนี่ว่าอะไรล่ะพี่สิน วันๆ จะให้เรียกพ่อหนุ่มๆ อยู่อย่างนี้หรือไง แล้วถ้าเกิดยังจำอะไรไม่ได้เป็นเดือนๆ เราจะต้องเรียกแบบนี้ไปเป็นเดือนๆ ด้วยหรือเปล่า”
“จริงด้วยจ้ะพ่อ”
สาวน้อยในชุดมัธยมต้นก็เห็นด้วยกับแม่ ขณะจ้องมอง ‘พ่อหนุ่ม’ ที่ทุกคนเรียกมาหลายวัน ด้วยสายตาสื่อว่าสงสารไม่น้อย วสินเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี
“เอ่อ! ลืมไป งั้นเรามาตั้งชื่อให้พ่อหนุ่มของเราดีกว่า จะได้เอาไว้เรียกไปพลางๆ ก่อน ว่าแต่จะให้ชื่ออะไรดีล่ะไพ”
“ไม่รู้สิพี่! ไพก็คิดไม่ออก เอ๋ยล่ะมีชื่อเหมาะๆ สำหรับพี่เขาหรือเปล่าลูก” รำไพเองก็คิดไม่ออก เลยหันไปหาลูกแทน คนถูกถามเอามือกอดอกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คิดไม่ออกเหมือนกันจ้ะแม่”
แต่สุดท้ายก็ส่งยิ้มบางๆ ให้แม่อย่างยอมแพ้
“อ้าว! คิดตั้งนาน แม่ก็ดีใจนึกว่าเอ๋ยจะคิดออก” คนเป็นแม่ทำท่าหมั่นไส้ระคนเอ็นดูลูกสาวน้อยๆ แล้วหันไปหาธนากรเพื่อขอความเห็น แต่เขาก็ส่ายหน้าใส่ทันที เพราะไม่รู้จะตั้งชื่ออะไร
“เราไปพบกพ่อหนุ่มนี่ที่โขดหิน นอนก็นอนฟุบอยู่กับก้อนหิน เอาเป็นว่าชื่อหินไปก่อนก็แล้วกันนะ”
สองแม่ลูกหันไปมองวสินเป็นตาเดียวกัน ส่วนหนุ่มนิรนามก็เลิกคิ้วกับชื่อของตัวเองอย่างฉงน เพราะมันทั้งห้วนและตรงเหลือเกิน วสินรู้ว่าความคิดตัวเองไม่เข้าท่า แต่ก็คิดได้แค่นี้
“ถ้าไม่เอาชื่อนี้ แล้วใครมีชื่อดีๆ เพราะๆ กว่านี้มั้ยล่ะ”
“ไม่มีหรอก เอ๋ยล่ะมีมั้ย” รำไพหันไปหาลูกสาว
“ไม่มีจ้ะแม่” ลูกสาวก็หันไปหาแม่แล้วทำหน้าอย่างคนยอมแพ้
“แล้วพ่อหนุ่มล่ะชอบชื่อนี้หรือเปล่า” วสินหันไปจ้องมองหนุ่มหน้าขาวอย่างอยากได้คำตอบ
“เอ่อ! ก็ได้ครับ หินก็หิน” หนุ่มนิรนามจำต้องยอมรับ ธนากรก็เห็นว่าชื่อนี้เข้าท่าไม่น้อย
“ก็เท่ห์อีกแบบนะชื่อนี้ อย่าคิดมากเลย ใช้ๆ ไปก่อน”
“ลุงก็ว่างั้นล่ะใหญ่ งั้นต่อไปนี้เราก็จะเรียกพ่อหนุ่มว่า ‘หิน’ ล่ะนะ ใช้เรียกไปก่อน อีกไม่นานคงจะมีคนมาตาม หรือไม่พ่อหนุ่มอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้แล้วเราค่อยว่ากัน”
“ครับ” เจ้าของชื่อรับคำแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ทุกคน
“หินเอ้ย! ใหญ่เอ้ย! ช่วยยกหลัวปลาหมึกออกไปไว้ให้ป้าตรงราวที วันนี้แดดดีป้าจะได้รีบๆ ตาก”
รำไพกำลังล้างผ้ากับลูกสาวอยู่หลังบ้าน ร้องเรียกสองหนุ่มที่อยู่บนบ้านของ ธนากรเสียงดังลั่น เพราะกลัวจะไม่ได้ยิน แต่ไม่นานทั้งสองก็ลงมาตามบันไดเล็กๆ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงอีกบ้าน แล้วช่วยกันหามหลัวออกไปวางตามคำสั่งของรำไพแล้ว
“เอ๋ยเอาผ้าไปตากคนเดียวนะลูก แม่จะรีบไปตากปลาเดี๋ยวแดดหมด”
“จ้ะแม่”
สาวน้อยในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีมอๆ รับคำแม่อย่างไม่เกี่ยงงอน แต่ตะกร้าผ้าก็หนักอึ้งเกินกว่าร่างผอมๆ จะยกไปได้แบบสบายๆ เลยต้องออกแรงเฮือกใหญ่
“พี่ช่วยนะ”
พี่หินคนเก่งเลยรีบเข้าไปอาสาอย่างเต็มอกเต็มใจ แม้เวลาสองอาทิตย์ที่อยู่ร่วมชายคาบ้านนี้ จะไม่ค่อยได้เอ่ยปากพูดคุยกับสาวน้อยขี้อาย พูดน้อย ยิ้มน้อยเท่าไหร่ก็ตาม แต่เขาก็ยินดีช่วยในสิ่งที่ช่วยได้เสมอๆ
“จ้ะ” วรินรำไพรับคำแค่นั้น แล้วเดิมตามร่างผอมสูงที่ยกตะกร้าผ้าไปยังราวเงียบๆ
“พี่ช่วยตาก” หินอาสาอีกครั้ง เพราะเห็นว่ามีเสื้อผ้าของตัวเองรวมอยู่ตะกร้านั้นด้วย
“จ้ะ” สาวน้อยรับคำแล้วยิ้มบางๆ ให้ นี่ถือเป็นยิ้มแรกที่หินได้เห็นก็ว่าได้
“อันนั้นไม่ต้องตากพี่หิน เดี๋ยวเอ๋ยจัดการเองจ้ะ”
สาวน้อยกระโจนไปคว้าชุดชั้นในที่มีทั้งของตัว ของแม่และของยาย จากตะกร้าทันที เมื่อหินกำลังจะก้มไปหยิบขึ้นมาตากอย่างไม่รังเกียจใดๆ
“พี่หินเอาอันนั้นไปตากเอง”
ใบหน้าน้อยๆ บุ้ยไปทางกางเกงในของคนตรงหน้ากับของพ่ออย่างใสซื่อ ตรงไปตรงมา หินไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มกว้างออกมาแล้วคว้าขึ้นไปตากทันที
“หินๆๆ ตากผ้าช่วยน้องเสร็จแล้ว ก็พากันไปตักน้ำจากบ่อใส่โอ่งไว้ด้วยนะลูก พรุ่งนี้จะออกเรือแล้วเดี๋ยวน้องกับยายไม่มีใช้”
รำไพหันมาเห็นทั้งสองช่วยกันก็ร้องสั่ง จากตอนแรกว่าจะบอกธนากร แต่ก็เห็นวิ่งไปหาวสินที่กำลังปะอวนอยู่ชายหาดแล้ว
“ครับป้า!”
หินรับคำอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆ ไม่ว่างานนั้นจะหนักเบายังไง งานผู้หญิงหรืองานผู้ชายเขาไม่เคยมีคำว่า
‘ไม่’ ให้สองลุงป้าผู้มีพระคุณล้นหัวเลยสักครั้ง และนั่นก็ทำให้ทั้งสองชอบใจที่มีเขามาอยู่ด้วยไม่น้อย
“หินเอ้ย! ยายฝากหิ้วมาใส่โอ่งบ้านยายด้วยนะลูก”