EP 3
รวมทั้งยายยวงซึ่งเป็นยายแท้ๆ ของธนากรเองก็เอ็นดูเขาไม่น้อย เพราะไหว้วานได้ง่ายกว่าหลานตัวเอง ที่เวลาบอกอะไรแล้วจะรับคำทันที
แต่จะมีคำว่า ‘เดี๋ยวหนูทำให้จ้ะยาย’ ต่อท้ายตามมาด้วยทุกครั้ง และคำว่า ‘เดี๋ยว’ ของหลานนั้นบางทีก็นานเป็นวัน
“ครับยาย”
ยายยวงหันไปมองหินที่รับคำทันที ทั้งๆ ที่ตัวเองยังตากผ้าไม่เสร็จด้วยซ้ำ จากนั้นก็หันไปมองหลานชายตัวเองที่กำลังขมักเขม้นช่วยวสินปะอวนอยู่ไกลออกไปอีกหลายสิบเมตร
แม้หลานจะผลัดวันประกันพรุ่งยังไง แม้หินจะรับคำและทำตามทันทียังไง แต่สุดท้ายยายยวงก็รักและเอ็นดูหลานตัวเองมากมายก่ายกองกว่าอยู่ดี
เพราะเหลือหลานชายเพียงคนเดียวในชีวิตแล้ว เนื่องจากลูกชายกับสะใภ้ถูกทะเลกลืนชีวิตไปทั้งคู่ ในค่ำคืนที่พายุโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ขณะทั้งสองกำลังออกเรือหาปลาอยู่กลางทะเล
แม้แต่ศพก็ไม่มีกลับมาให้ยายยวงเอาไปเผาที่วัดด้วยซ้ำ ครั้นจะเดาว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะแปดปีล่วงเลยผ่านมาแล้วที่ทั้งสองหายไป
“ไพเอ้ย! ไพ! เสร็จแล้วมาช่วยทางนี้หน่อยนะเดี๋ยวจะไม่ทัน เอาน้ำมาให้พี่กินด้วย” เสียงวสินตะโกนมาจากชายหาดทำเอาทุกคนหันไปมองตามๆ กัน
“จ้าพี่”
รำไพรีบหิ้วหลัวเปล่ากลับใต้ถุนบ้าน แล้วก้าวขึ้นบันไดไปเปิดตู้เย็นเก่าๆ ได้กระบอกน้ำพลาสติกติดมือมาด้วย ก่อนจะออกไปชายหาดก็ไม่วายหันไปหาลูกสาว ที่กำลังหิ้วถังตามหลังหินไปบ่อน้ำไม่ห่างจากบ้านนัก แล้วก็ยิ้มบางๆ ออกมาก่อนตรงไปหาสามี
“พี่สินไม่ไปแจ้งผู้ใหญ่เรื่องเจ้าหินหน่อยเหรอจ้ะ”
“แจ้งทำไมล่ะ”
“อ้าว! เผื่อคนในหมู่บ้านสงสัยว่ามันเป็นใครมาจากไหนล่ะจ๊ะ”
“โอ๊ย! บ้านเราอยู่ห่างจากคนในหมู่บ้านเป็นกิโลๆ ไม่มีใครมาสนใจหรอกว่าจะมีใครมาใครไป รีบมาช่วยพี่ปะอวนดีกว่าน่ะ ตรงใกล้ๆ ไอ้ใหญ่น่ะ รูเบ่อเร่อเลย”
“จ้ะพี่”
วสินชอบใจไม่น้อยที่เมียว่านอนสอนง่ายไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผิดกับธนากรที่ไม่ใคร่จะชอบใจนัก เมื่อมองทะลุใต้ถุนบ้านไปยังบ่อ เห็นวรินรำไพผู้เป็นเพื่อนตัวน้อยๆ เพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ กำลังคุยกับไอ้หินมากกว่าวันอื่นที่เคยมีมา
หัวใจหนุ่มวัยสิบแปดย่างสิบเก้ากระตุกว๊าบๆๆ ขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล และหวาดหวั่นว่าหนุ่มในวัยเดียวหรือไล่เลี่ยกันอย่าง
‘ไอ้หิน’ จะมาแบ่งพื้นที่จากเพื่อนตัวน้อยๆ ของตัวเองไปจนหมดสิ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนั่นเอง
“ฝากน้องกับยายด้วยนะหิน กลางคืนก็พาน้องขึ้นไปนอนเป็นเพื่อนยายนะ ลุงกับป้าไปห้าหกวันก็กลับ ไว้คราวหน้าอาจจะให้หินไปช่วยแทนป้าก็ได้ เป็นผู้หญิงไม่ค่อยอยากให้ออกเรือเท่าไหร่ มันงานหนัก”
วสินสั่งทันทีขณะทุกคนนั่งกินมื้อเย็นด้วยกันบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน หินหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้วสินอย่างคนอารมณ์ดี ก่อนจะรับคำอย่างยินดีปรีดายิ่ง
“ครับลุง”
“หินนอนนอกห้องนะ ปูฟูกตรงระเบียงบ้านก็ได้ ให้น้องกับยายนอนในห้อง แล้วก็อย่าหลับลึกนัก ให้ฟังเสียงแปลกๆ รอบตัวด้วย”
รำไพอดย้ำเตือนตรงจุดนี้ไม่ได้ เพราะยังไงๆ ลูกตัวเองก็เป็นผู้หญิง แม้อายุเพิ่งสิบสามกว่าก็ตามที แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ เมื่อมีหนุ่มวัยกระเตาะอาศัยร่วมชายคาบ้านด้วย
แม้เวลาจะล่วงเลยถึงสองเดือนเข้ามาแล้วที่หินอยู่ด้วย และแม้จะเห็นว่าหินเป็นคนตรงๆ ซื่อๆ ดูไม่มีพิษมีภัย แต่ยังไงรำไพก็ยังไม่อยากทิ้งไฟไว้ใกล้น้ำมัน โดยไม่ตักเตือนแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ดี
“รีบๆ กินเข้าเถอะต้องเตรียมของอีกมาก มัวแต่สั่งมัวแต่กลัวอยู่นั่นล่ะไพก็”
ทว่าวสินกลับไม่อยากให้เมียแหวกหญ้าให้งูตื่น หรือชี้โพรงให้กระรอก เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เฝ้าดูลูกสาวกับหินเอาเสียเลย แต่พินิจพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่า ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่ามิตรภาพที่ทั้งสองต่างมีให้กันแบบเด็กๆ เท่านั้น
“จ้ะพี่” รำไพรับคำสามีอย่างว่าง่ายเช่นเคย
“อย่าลืมคอยประคองยายตอนขึ้นลงบันไดด้วยนะเอ๋ย เดี๋ยวยายจะตกเหมือนครั้งก่อนอีก อย่ามัวแต่เล่นจนลืมล่ะ”
ธนากรอดห่วงไม่ได้ อีกทั้งอดห่วงว่าเพื่อนตัวน้อยจะลืมเลือนยายไปเพราะได้เพื่อนใหม่ที่หน้าตาดีกว่าตัวเองหลายโยชน์
“รู้แล้วล่ะน่าพี่ใหญ่ก็ ย้ำจริง! เดี๋ยวเอ๋ยก็ทิ้งยายเลยนี่!”
สาวน้อยเริ่มรำคาญพี่ชายที่ย้ำนักย้ำหนามาตั้งแต่บ่ายแล้ว ทำเอาทุกคนหัวเราะไปตามกันๆ รวมทั้งหินด้วยที่รู้สึกเป็นสุขใจกับอาหารพื้นๆ แบบนี้ไม่น้อย แต่ วสินกลับไม่ค่อยเจริญอาหาร เพราะมีเรื่องให้ต้องทำอีกหลายอย่าง เลยรีบลุกจากแคร่ก่อนใครเพื่อน
“พี่สินอิ่มแล้วเหรอจ้ะ” รำไพเห็นสามีกินไปนิดเดียวเลยรีบถามด้วยความห่วงใย
“ใช่! พี่ไปดูของลงเรือก่อนนะ”
แล้วทุกคนก็ต้องรีบกิน รีบแยกย้ายไปช่วยกันหอบข้าวของไปลงเรือ พอเสร็จสรรพ ตรงฝั่งก็มีเพียงหินกับวรินรำไพเท่านั้น ที่ยืนส่งพ่อแม่และใหญ่ ส่วนยายยวงนั้นไม่ได้มา เพราะปวดหัวเลยกินยาแล้วเข้านอน ตั้งแต่กินมื้อเย็นอิ่มแล้ว