EP 4
“เป็นห่วงลูกจังพี่”
เนื่องจากเรือแล่นออกจากชายฝั่งไปแล้ว ลูกเลยไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่ามีผู้แม่ห่วงใยมากแค่ไหน
“จะห่วงทำไมล่ะไพ อีกไม่กี่วันเราก็กลับแล้ว ดีซะอีกจะได้มีเจ้าหินคอยดูแลบ้านกับทุกคนให้ไง พี่ว่ามันปลอดภัยกว่าให้ลูกอยู่กับยายแค่สองคนเท่านั้นนะ อีกอย่างบ้านเราก็ไม่มีอะไรสักหน่อย ขโมยขโจรก็ไม่เคยมี รีบไปเข้านอนเอาแรงเถอะ จะได้ตื่นมาช่วยพี่กับเจ้าใหญ่มัน”
อีกครั้งที่วสินเห็นว่าเมียวิตกกังวลมากไป เลยไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าท้องทะเลกว้างเบื้องหน้าที่เขาแล่นเรือตรงไป เป้าหมายคือแหล่งปลาชุกชุม เพื่อแข่งกับเรือเพื่อนบ้านอื่น
เพื่อให้ได้กุ้งหอยปูปลาให้ได้มากที่สุด จะได้เอาไปขายแล้วมีเงินมาใช้จ่ายในบ้าน และเก็บไว้ยามฉุกเฉินบ้างเล็กๆ น้อยๆ
แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเลยสักนิด ที่เวลาลากอวนขึ้นแต่ละครั้งก็มีสิ่งที่อยากได้ติดมาด้วยเป็นกอบเป็นกำ ทำให้หายเหนื่อยแทบเป็นปลิดทิ้ง
และยิ่งหายเหนื่อยหลายสิบเท่า เมื่อเรือเทียบท่าแล้วนำมาซึ่งเงินที่เป็นของแลกเปลี่ยนกับกุ้งหอยปูปลาในเรือ
“พี่จ๊ะ ไพอยากซื้อเสื้อผ้ากับของกินเข้าบ้านด้วยจังเลย” รำไพหันไปหาสามี
“เอาสิ! พี่ก็ว่าจะไปหาซื้อของไว้ปะอวนเหมือนกัน งั้นอีกชั่วโมงเรามาเจอกันที่เรือนะ”
“จ้ะพี่” รำไพรับคำสามีด้วยรอยยิ้ม
“ใหญ่ไปกับป้านะจะได้ช่วยหิ้วของ” วสินเลยหันไปหาธนากรที่กำลังเก็บของบนเรือให้เรียบร้อยอยู่
“จ้ะลุง” หนุ่มร่างใหญ่สมชื่อทำตามอย่างว่าง่าย
ส่วนวสินก็ขึ้นท่าไปก่อน เพราะมีของให้ซื้อหลายอย่าง เขารีบเดินลัดเลาะไปยังร้านประจำ แต่ระหว่างทางก็เห็นสองชายหนุ่มแต่งกายด้วยกางเกงยีนส์สีเข้ม เสื้อยืดสีดำ หมวกดำและแว่นกันแดด กำลังเดินถามผู้คนในตลาดอย่างเอาเป็นเอาตาย และตรงดิ่งมาหาเขาทันทีเมื่อทั้งสองหันมาเห็น
“พี่! ขอโทษทีนะครับ ไม่ทราบว่าเคยเห็นคนในรูปนี้บ้างหรือเปล่าครับ”
ทั้งสองยื่นรูปให้ดู วสินแทบไม่ต้องคิดนานก็รู้ว่านั่นคือ ‘ไอ้หิน’ คนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อสองเดือนก่อนนั่นเอง แต่ด้วยความหวาดระแวงในตัวสองหนุ่มแปลกหน้า
อีกทั้งไม่อยากเสียไอ้หิน ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้คนในบ้านไป และอาจจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญถ้าถึงเวลาที่วสินพาออกเรือไปหาปลาแทนเมียในเที่ยวหน้าตามที่ตั้งใจไว้แล้ว
“ไม่เคยเลยครับ” ทำให้วสินตอบออกไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
“ไม่เคยเห็นเลยเหรอครับพี่ ลองคิดดีๆ หน่อยสิครับ เผื่อจะเคยผ่านหูผ่านตา หรือเคยมีใครรู้จักบ้าง” สองหนุ่มไม่ยอมแพ้
วสินเลยทำเป็นรับรูปมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเอ่ย
“เกาะนี้ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แล้วผมก็รู้จักแทบทุกคนบนเกาะนี้ ถ้ามีแปลกหน้ามาอยู่ ผมหรือทุกคนในเกาะจะต้องรู้สิครับ” สองหนุ่มหันหน้าไปมองกันอย่างครุ่นคิด วสินเลยรีบสร้างความไขว้เขวให้อีกด้วยการ
“ผมว่าคุณลองไปดูเกาะอื่นดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย ต่อให้คุณเที่ยวถามคนทั่วเกาะ ก็จะได้คำตอบแบบเดียวกับผมนี่ล่ะ”
“โอเคๆ ขอบคุณครับพี่”
“ครับ”
เขารับคำแค่นั้นแล้วก็เดินผละจากสองหนุ่มไป โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก กระทั่งสองหนุ่มตัดสินใจเดินเคียงคู่กันไปทางท่าเรือ วสินถึงได้หันไปดู แล้วยิ้มน้อยๆ ให้กับไหวพริบตัวเอง
“พี่หินเสร็จหรือยัง เร็วๆ เข้า เดี๋ยวจะไม่ทันพ่อกับแม่เอาเรือเข้าฝั่งนะ” สาวน้อยวรินรำไพกำลังรีบถูบ้านอยู่ ปากก็ตะโกนลงไปหาอีกคนที่กำลังตักน้ำใส่โอ่งอย่างเร่งรีบไม่แพ้กัน
“ใกล้เสร็จแล้วๆ ว่าแต่เอ๋ยเถอะถูบ้านใกล้เสร็จหรือยังล่ะมาเร่งพี่น่ะ” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่มและอารมณ์ดีเสมอๆ
“เอ๋ยเสร็จแล้วต่างหากล่ะ ว่าแต่พี่หินเหอะตักน้ำเต็มโอ่งหรือยัง” สาวน้อยเดินลงมาตามบันไดเล็กๆ แล้วยืนเอามือท้าวสะเอวอยู่ตรงใต้ถุนบ้าน ปากก็ร้องไปหาคนยืนอยู่ตรงโอ่ง หินเทน้ำถังสุดท้ายเสร็จก็เต็มพอดิบพอดี
“เสร็จเรียบร้อย”
“งั้นเรารีบไปกัน เดี๋ยวไม่ทันพ่อกับแม่ แล้วเราก็จะได้กินขนมอร่อยๆ ด้วย” มือเล็กๆ กวักเรียกพี่ไปอย่างเร่งรีบ
“รู้ได้ยังไงว่าจะมีขนมน่ะ”
พี่กำลังเอามือวิดน้ำในโอ่งล้างหน้าตา แขนขาอยู่ถามน้องอย่างไม่กระตือรือร้นนัก เพราะขนมกับวัยของเขาดูเหมือนจะห่างไกลกันยังไงไม่รู้
“อ้าว! ก็แม่จะต้องซื้อมาฝากเอ๋ยเวลาขึ้นฝั่งเอาปลาไปขายตลาดทุกทีเลยไงล่ะ เร็วเข้าๆ มัวแต่ล้างอยู่นั่นล่ะ” มือเล็กๆ กวักเรียกพี่อย่างระอาในความช้าไม่ทันใจอีก
“รู้แล้วๆ เร่งจริงเราน่ะ”
“ยายจ๋า! เอ๋ยกับพี่หินจะไปรับพ่อแม่กับพี่ใหญ่นะจ๊ะ เดี๋ยวมาจ้า!”
สาวน้อยร้องสั่งยาย ที่นั่งเลือกปลาแห้งอยู่ใต้ถุนอีกบ้าน และไม่รอให้ยายตอบรับใดๆ ก็รีบวิ่งนำหน้าผู้พี่ไปยังชายหาดแล้ว ทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้ใหญ่น้อย ไม่นานก็ถึงจุดที่พ่อจะต้องเอาเรือขึ้นเรียบร้อยแล้ว
วรินรำไพใช้มือป้องแสงแดดแล้วมองออกไปหาทะเลกว้างอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่หิน! โน่นไง! พ่อกับแม่มาแล้ว!!!”
ก็ร้องตะโกนให้คนข้างๆ มองไปยังทิศทางที่มือชี้ไป เพราะเรือของพ่อแล่นอ้อมเกาะเล็กๆ เข้ามาพอดี รองเท้าแตะถูกสาวน้อยสลัดทิ้งจากเท้าเล็กๆ ทันที
“พ่อจ๋า แม่จ๋า! เอ๋ยอยู่นี่!!!”
แล้ววิ่งออกไป ปากก็ตะโกนเรียก แม้เรือของพ่อแม่จะอยู่ไกลยังไงแต่สาวน้อยก็ตะโกนอยู่ดี เพราะคิดถึงพ่อกับแม่ไม่น้อย หินเห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาอย่างเป็นสุขใจไม่ได้
เลยเดินไปยืนอยู่ข้างๆ สาวน้อย แต่ไม่ได้ตะโกนออกไปปาวๆ เท่านั้น เพราะรู้ดีว่าคนในเรือไม่มีทางจะได้ยินแน่ เขาอดสงสัยไม่ได้จนต้องหันไปถามเจ้าของใบหน้าเล็กๆ น่ารักๆ