บทย่อ
ดนุพร ปรีชากุล (คุณดำ) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีความหลังอันสลับซับซ้อน และซ่อนไว้ด้วยความโกรธแค้น เพื่อรอลงอาญา คนที่ทำให้เขากับครอบครัว ต้องพบกับความลำบากยากเข็น ------- ระพีพรรณ (คุณเพลง) หญิงสาวผู้จำต้องชดใช้ให้เขา เพราะรักและกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดอย่างล้นเหลือ -------------------------------------------------------------- "ก็ฉันกำลังจะทำให้พ่อกับพี่เลวๆ ของเธอได้รับรู้ว่า การที่มีลูกกับน้องสาวถูกข่มขืนจนเป็นบ้า มันรู้สึกยังไง น่ะสิ! .และเธอก็จะต้องเป็นสารให้ฉันไง” เขาคว้าข้อมือเธอลากเดินตรงไปที่ห้องทันที “คุณหมายความว่ายังไง ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ ปล่อย” เธอขัดขืนเขาด้วยแรงที่มี แต่ก็ทานแรงเขาไม่ได้ จนร่างแทบจะปลิวไปตามแรงของเขาก็ว่าได้ เธอรีบเอามืออีกข้างยึดขอบประตูเอาไว้ พร้อมกับพยายามจะสบัดแขนออกจากแรงฉุดของเขา “มานี่!!!” ดนุพรเข้ามาโอบร่างเธอเอาไว้ และแกะมือออกจากประตู “ปล่อยฉันนะ ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือทันทีที่มือถูกเขาฉุดให้หลุดจากการยึดเหนี่ยว “โอ้ย!!!” แขนที่คว้าเธอเอาไว้ ถูกฟันของเธอกัดเข้าเต็มๆ จนต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บ และก็ปล่อยร่างเธอให้หลุดมือไป เธอตั้งสติได้ รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องและตรงไปยังประตูทันที เพื่อหมายหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เธอวิ่งออกจากห้องได้สำเร็จ แต่ก็หนีมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกเขาวิ่งมาคว้าเอาแขนได้ทัน “จะไปไหน มานี่ เธอหนีไม่พ้นฉันหรอก” “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆ จนแทบจะสุดเสียง แต่ก็เปล่าประโยชน์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ห้อง หรือได้ยินเสียงเธอเลย ไม่นานตัวเองก็ถูกเขาลากเข้ามาในห้อง และปิดประตูทันที เขารวบมือสองข้างของเธอเอาไว้ พร้อมกับลากเธอไปในห้อง และโยนร่างเธอไปที่เตียงทันที โดยที่เขาไม่รอช้าที่จะตามขึ้นกดแขนเธอเอาไว้ “เธอจะร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกนะ เธอไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าเวรกรรม น่ะมันมีจริง พวกเธอทำกรรมอะไรไว้กับพวกฉัน กรรมนั้นมันก็กำลังจะตอบสนองไง ไม่มีใครมาช่วยได้หรอกนะ” “ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ปล่อย” เธอด่าเขาด้วยความรู้สึกโกรธและกลัวระคนกันไป “ใช่เธอไม่ได้ทำ แล้วน้องฉันล่ะ ไปทำอะไรให้พี่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอจะต้องเป็นสารให้ฉันส่ง” ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไร เรียวปากก็ถูกเขาปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่มของเขา หญิงสาวดิ้นรนหาอิสระด้วยแรงที่พอจะเหลืออยู่ พลางมือสองข้างก็ใช้เล็บหยิกไปที่แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ “โอ้ย!!!” เขาเริ่มโกรธเพราะความเจ็บปวดและตรงแขนก็มีรอยเล็บจากการจิกจนมีเลือดซิบๆ ออกมา “ปล่อยฉันนะ คุณมันบ้า ฉันเกลียดคุณ ปล่อย” เธอร้องออกมาด้วยความโกรธเขา “ปล่อยเหรอ! นี่ไงปล่อย” เขาต่อปากต่อคำกับเธอ พร้อมๆ กับมือก็กระชากชายเสื้อจนกระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด แล้วเขาก็ไม่รอช้า รีบทาบร่างลงไปบนร่างเธออีกครั้ง และระดมจูบไปอีกครั้ง เรียวปากเธอถูกบดขยี้อย่างรุนแรงด้วยความโกรธของเขา มืออีกข้างของเขาไม่รอช้าที่จะปลดกระดุมเม็ดที่เหลือออกไป แล้วเขาก็สอดมือเข้าไปใต้บราเพื่อเคล้าคลึงหาความนุ่มจากอกอวบอิ่มของเธอ หญิงสาวรู้สึกได้จากความโกรธของเขา ผ่านความรุนแรงที่บดลงไปบนเรียวปากของเธอ เรี่ยวแรงที่จะเอามาต่อสู้กับเขานั้น มันแทบจะไม่หลงเหลืออีกแล้ว เพราะมืออีกข้างของเขากดข้อมือเธอไว้กับที่นอน ส่วนมืออีกข้างของเธอที่พอจะต่อสู้เขาได้ ก็ยังคงจิกและทุบไปที่หัวไหล่ของเขา แต่มันก็แทบจะไม่ระคายผิวเขาด้วยซ้ำ ไม่นานท่อนล่างของเธอก็ปราศจากอาภรณ์ใดๆ ปกปิดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา แล้วหญิงสาวก็รับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า คงจะไม่สามารถทานแรงของเขาได้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันเริ่มไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้น จะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ จมูกของเขาชอนไช ซอกซอนไปตามคองามระหง แล้วลงมาหยุดที่บัวคู่งามทันทีที่บราตัวน้อยหลุดติดมือเขาและขว้างไปโดยไม่ได้สนใจทิศทาง หญิงสาวหลับตาพริ้มลงด้วยความอาย เมื่อเขาใช้สายตาเชยชมเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของเธอ แล้วเรียวปากก็ถูกเขาก้มลงมาดูดดื่มอีกครั้ง แต่ก็ผิดจากครั้งก่อนๆ เพราะสัมผัสเขาแผ่วเบา นุ่มนวล เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รู้สึกวาบหวิวกับสัมผัสของเขาไม่น้อย ในเวลาเดียวกันเธอก็สัมผัสได้ว่า ร่างของเขาบัดนี้ ไม่มีอาภรณ์ใดๆ ปกปิดไว้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กำลังจะสูญเสียไปให้กับเขา “ได้โปรดเถอะค่ะคุณดำ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ คุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณในวันนี้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันขอร้อง” เธอตัดสินใจอ้อนวอนเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะคาดหวังว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจ “เธอกำลังขอร้องไม่ให้ฉันกินน้ำ ทั้งๆ ที่ฉันรู้สึกหิว และมันก็ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันอย่างนั้นเหรอ มันไม่มีประโยชน์หรอกนะเพลง มันสายไปแล้ว มันสายไปตั้งแต่วันแรกที่เธอตัดสินใจ เข้ามาทำงานที่บ้านฉันด้วยซ้ำ” แล้วปากหนานุ่มก็ปิดเรียวปากเธออีกครั้ง เพื่อหยุดการร้องขอจากเธอ เขารู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกกับความสุขที่ได้รับจากเรือนร่างของเธอ เพราะร่างเปล่าเปลือยของเธอนั้น มันเต็มไปด้วยสิ่งที่หน้าค้นหา และน่าลิ้มลองเหลือเกิน ผิดกับหญิงหลายๆ คน ที่เขาได้ผ่านมือมา หรือมันอาจจะเป็นเพราะเธอมีเลือดของศัตรูที่เขาเกลียดและอยากทำลายอยู่เป็นทุนเดิมแล้วก็เป็นได้ “เธอไม่รู้เหรอ ว่าฉันดีใจแค่ไหน ที่เห็นเธอเดินเข้ามาขอผ่อนผันหนี้ตั้งแต่วันแรก และเธอคงคิดไม่ออกหรอก ว่าฉันรอคอยวันนี้มานานแค่ไหน” นั่นคือคำพูดของเขาที่สื่อไปถึงอะไรหลายๆ อย่างจากความคิดของเขาเพื่อให้เธอรับรู้ แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะตีความใดๆ อีกแล้ว เพราะรู้ดีว่ามันหาประโยชน์ไม่ได้เลย มือของเขาลูบไล้ไปแทบทุกสรรภางค์ บัวคู่งามถูกปากนุ่มเขาครอบครองเอาไว้โดยไม่คิดจะคำนึงว่าเจ้าของที่เฝ้าหวงแหนเอาไว้นั้น จะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เธอเก็บรักษามาทั้งชีวิต โดยที่ไม่เคยมีใครเข้ามาแผ้วพาน บัดนี้มันได้ถูกค้นพบและรุกรานจากเขา แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ที่เห็นดวงตาเธอปิดลงเพื่อรับสัมผัสที่เขามอบให้ และมันก็ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่า เธอกำลังพ่ายแพ้ต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติที่สร้างเอาไว้ เขายกแขนเธอทั้งสองข้างให้มาโอบหลังเขาไว้ และดูเหมือนว่าเธอจะทำตามอย่างว่าง่าย และปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เขาจะสั่งการ ระพีพรรณรู้สึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ที่ยอมทำตามที่เขาร้องขอ แต่เธอก็คือมนุษย์ปุถุชน ที่ยากจะต่อต้านกับความสุขที่เขากำลังจะมอบให้นี้ เธอปล่อยให้เขาครอบครองเรือนร่างของเธอเอาไว้ ตามแต่เขาจะปรารถนาที่จะหาความสุขจากมัน
1
ตอนที่ 1
“เพลง! ตกลงมีคนมารับหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าไม่มีพี่จะไปส่งให้”
โสภาหญิงวัยสามสิบปี ถามไถ่เพื่อนร่วมทางรุ่นน้อง ขณะเดินแวกฝูงชนที่ดูจะหนาแน่นและวุ่นวายของสนามบินจนดูแล้วน่าปวดหัว
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โสภา เห็นคุณพ่อบอกว่าจะให้ลุงโป่งมารับ แต่เพลงยังไม่เห็นเลย”
ระพีพรรณ หรือที่เพื่อนๆ และคนใกล้ชิดเรียกเธอสั้นๆ ว่า ‘เพลง’ หญิงสาวหน้าใสวัยยี่สิบห้าปีบอกเพื่อนต่างวัย ขณะที่ในมือก็เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยสัมภาระต่างๆ เดินคู่ไปกับโสภามาจากประตูของผู้โดยสารขาเข้า
“พี่โสภา!!!”
เสียงเด็กหนุ่มร้องเรียกชื่อผู้เป็นพี่สาว จนทำให้คนทั้งสองช่วยกันมองหาต้นเสียง แล้วก็พบเขายืนโบกไม้โบกมือให้พี่สาวที่รวมตัวอยู่กับผู้คนที่มารอรับญาติตัวเองที่ต่างก็เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกันกับสองสาว
“คิน! โอ้โห!!! ไม่เจอตั้งนานน้องพี่โตเป็นหนุ่มแล้วนะเนี๊ยะ หล่อด้วย ไหนดูซิมาให้พี่กอดหน่อย คิดถึงจังเลยน้องพี่”
โสภาละมือจากรถสัมภาระ พร้อมทั้งยืนอ้าแขนรับน้องชายที่โผเข้ามากอดพี่สาวด้วยความคิดถึง โดยที่ไม่ได้สนใจกับสายตาของผู้คนที่มองมาดูการกระทำของทั้งสองคน
“สวัสดีครับพี่โสภา”
เขากราบแนบกับอกพี่สาวด้วยความนอบน้อม ภคินเป็นน้องชายคนกลางของโสภา อายุห่างกันห้าปี และโสภาก็มีน้องชายอีกคน อายุห่างจากภคินสามปี
“เอ่อ! ตายจริงลืมแนะนำเลย คิน! นี่เพลง หรือระพีพรรณ เพื่อนพี่ที่เรียนโทอยู่ด้วยกัน คนที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง ว่าช่วยเหลือพี่เรื่องเงินตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันน่ะ”
โสภาแนะนำน้องชายให้รู้จักระพีพรรณ ที่ยืนดูและยิ้มให้สองพี่น้องแสดงความรักใคร่กัน ทำให้ตัวเองคิดถึงพี่ชายตัวดีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้ ‘พี่พี’ จะตัวโตมากแค่ไหน จะหล่อเหลาเอาการ และช่วยงานพ่อได้แค่ไหนแล้ว
“สวัสดีครับคุณเพลง ยินดีที่ได้รู้จักครับ ต้องขอบคุณเพลงมากๆ ครับที่ช่วยพี่โสภา ชื่อคุณเพลงติดหูผมอยู่บ่อยๆ จนจำขึ้นใจแล้วล่ะครับ”
ภคินกล่าวพร้อมกับมองมาหาหญิงสาวที่มีหน้าตาที่สวยอย่างหาตัวจับยาก เขาเคยได้ยินพี่สาวเล่าเรื่องเธอให้ฟัง ว่าเป็นคนคอยหยิบยื่นเงินทองให้ใช้เวลาขัดสน เพราะฐานะทางบ้านของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก แต่พี่สาวก็อยากจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก หลังจากจบปริญญาตรีด้านมัฑนากรและก็ทำงานไปได้สักระยะ แต่อยากจะเรียนต่อ
แล้วก็ในช่วงที่พี่สาวเรียน เขาก็รับหน้าที่ดูแลพ่อที่แก่แล้วกับน้องชายอีกคนที่กำลังเรียนมหาลัยปีสุดท้ายอยู่นี้ ส่วนพี่สาวก็เรียนไปทำงานไปด้วย เพราะฐานะทางบ้านไม่ใคร่จะร่ำรวยนัก แค่พอมีอยู่มีกินไม่ขัดสนมากเท่านั้นเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คุณภคิน เจอตัวจริงซักทีนะคะ ได้ยินแต่ชื่อพี่โสภาเล่าให้เพลงฟังค่ะ”
เธอทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับน้องชายเพื่อนต่างวัยของเธอ ระพีพรรณได้พบกับโสภาเมื่อสามปีที่แล้ว ตั้งแต่โสภาไปใหม่ๆ ส่วนเธอนั้นก็ยังเรียนปริญญาตรีอยู่นั่นเอง ทั้งคู่ได้รู้จักกันด้วยความบังเอิญที่โสภากำลังหางานทำแต่ก็ยังหาไม่ได้ บวกกับเงินที่มีจากเมืองไทยไปก็ใกล้หมดเต็มที
ระพีพรรณจึงเอื้อเฟื้อให้ไปพักอยู่ที่อพาร์ทเม้นที่พ่อเช่าไว้ให้ตั้งแต่สมัยเธอถูกส่งไปใหม่ๆ และทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่นั้นมาจนระพีพรรณและโสภาได้เริ่มเรียนโทออกแบบภายในด้วยกัน ทั้งคู่ดูจะเป็นเพื่อนต่างวัยที่รักและเข้าใจกันในหลายๆ เรื่อง เพราะชอบและมีมุมมองอะไรๆ ที่คล้ายๆ กัน แล้วระพีพรรณก็คอยช่วยเหลือเพื่อนต่างวัยเอาไว้หลายครั้ง เมื่อมีปัญหาเรื่องเงิน
ส่วนระพีพรรณนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย ด้วยพ่อจะส่งเงินไปให้ใช้อย่างไม่ขาดมือตลอด ตั้งแต่ที่เธอได้ถูกพ่อส่งให้ไปเรียนที่เมืองนอก เมื่ออายุ ๑๑ หรือจบชั้นประถมแล้วนั่นเอง
“ตกลงเพลงให้พี่ไปส่งนะ ลุงโป่งกับพี่พีของเพลงยังไม่มาเลย” โสภาถามเธอพร้อมๆ กับมองไปรอบๆ หาคนที่คิดว่าจะเป็นคนมารับเพื่อนรุ่นน้อง
“คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะพี่โสภา โน่นค่ะ เพลงเห็นลุงโป่งแล้วค่ะ อยู่ด้านโน้น สงสัยแกจะจำเพลงไม่ได้หรอกค่ะ ก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว!งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ พี่โสภามีเบอร์บ้านเพลงแล้วนะ มีอะไรเราค่อยโทรคุยกันใหม่ค่ะ! งั้นเอาไว้พบกันใหม่นะคะคุณภคิน ขอตัวก่อนค่ะ” เธอรีบบอกลาเพื่อน หลังจากที่มองเห็นชายสูงอายุ ที่ผอมและก็ตัวดำยืนหันรีหันขวางหาเธอเจ้านายสาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี
“สวัสดีค่ะลุงโป่ง! จำเพลงไม่ได้เหรอคะ” เธอทักทายชายชื่อโป่ง ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณเพลงเหรอครับ โอ้โห! ลุงจำคุณเพลงไม่ได้ครับ ดูสิโตเป็นสาว สวยขนาดนี้ ใครจะจำได้ครับ” โป่งร้องทักเธอด้วยความไม่แน่ใจ และดีใจระคนกันไป
“แล้วคุณพ่อกับพี่พีไม่มารับเพลงเหรอคะ” เธอถามหาพ่อกับพี่ชายที่บอกว่าจะมารับเธอ เมื่อครั้งที่เธอโทรมาบอกว่าจะกลับวันไหน
“คุณท่านติดธุระครับ คุณพีก็เหมือนกัน มาไม่ได้ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ” โป่งบอกแล้วก็รีบเดินนำหน้าออกไปจากสนามบินโดยที่ไม่คิดจะรอให้เธอไตร่ถามอะไรอีก
“ทำไมคุณพ่อไม่เปลี่ยนรถซักทีคะลุงโป่ง คันนี้เก่ามากแล้วนะ”
เพราะจำได้ว่ากลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้ว พ่อก็ยังใช้รถคันนี้อยู่ จะว่าด้วยขัดสนเรื่องการเงินก็ไม่น่าจะใช่
“คุณท่านชอบคันนี้ครับคุณเพลง”