เจ้าสาวแสงตะวัน [Affection of The Sun]

184.0K · จบแล้ว
กันเกรา
125
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชายหนุ่มผู้ที่วิ่งหนีข้อผูกมัด แต่ต้องมาเจอหญิงสาวที่สุดแสนธรรมดาผูกมัดและล่ามเขาไว้ในสถานะ'สามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย' คราแรกรังเกียจนักหนา แต่เอาไปเอามากลับเป็นเขาที่วิ่งตามล่าJg==มัดเธอไว้กับเขาตลอดกาล ---------------------- แสงตะวัน หนุ่มใหญ่วัยสามสิบหก เจ้าของฟาร์มแสงตะวัน ซึ่งเป็นฟาร์มม้าใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้มากด้วยเงินทองและเสน่ห์ ---------------------- เหมือนดาว สาวแสนสวย เปรี้ยว เฉี่ยวและน่ารัก ผู้มีมาดมั่น และไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ ---------------------- êตัวอย่างสักเล็กน้อย [น้ำจิ้ม] ê "ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่หย่า ผมแค่บอกว่าจะยืดเวลาหย่าไปอีกสามปี เพื่อเหมือนดาวจะได้พิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนว่าสามารถดูแลอะไรต่อมิอะไรได้เอง ไม่ใช่เอาไปทำโดยไม่มีประสบการณ์ไม่นานเดี๋ยวก็เจ้ง หรือไม่ก็ขาดทุนเหมือนครั้งก่อนจนผมต้องเหนื่อยมาทำให้มันฟื้นขึ้นมาอีก” แสงตะวันเลยอธิบายด้วยความใจเย็นอีกครั้งหลังจากทนายบอกไปในรอบแรก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีใครอยากเชื่อ “ถ้าถึงสามปีแล้วคุณเห็นว่าฉันยังไม่พร้อมเหมือนวันนี้ล่ะ”คนไม่ยอมใครเลยรีบยิงคำถามตรงๆ “คุณก็คงต้องไปฟ้องเอาแล้วล่ะ และผมขอแนะนำให้หาทนายเก่งๆ ไว้ด้วยนะ เพราะคุณสุทินฝีมือไม่เป็นสองรองใคร แล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาเบิกจากผมแม้แต่บาทเดียว” “ว่ายังไงล่ะ จะเอายังไงก็บอกมา คุณสุทินจะได้ทำข้อตกลงร่วมกันอีกรอบ” แสงตะวันไม่ใคร่จะแยแสนักว่าเด็กสาวตรงหน้าจะคิดยังไง เพราะรู้ดีว่าไม่อาจจะปล่อยทุกอย่างให้พังลงมาอีกรอบได้แน่ “ฉันจะไม่หย่าและจะทำงานที่นี่อย่างที่คุณต้องการ ถ้าคุณตกลงจะจัดงานแต่งงานระหว่างเราให้ทุกคนรอบข้างคุณและฉันรับรู้ ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านของคุณในฐานะภรรยาไม่ใช่ฐานะพนักงานธรรมดาๆ ทุกคนรอบข้างคุณจะต้องให้ความนับหน้าถือตาว่าฉันที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเท่าๆ กับคุณในทุกๆ เรื่อง พอครบสามปีหรืออาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้นที่คุณเห็นว่าฉันมีความสามารถจะบริหารงานเองได้ เราถึงจะหย่ากัน” “ผมไม่ได้อยากมีเมีย และไม่คิดว่าจะมีด้วย โดยเฉพาะเมียเด็กที่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดด้วยซ้ำ” “ฉันเป็นเพียงภรรยาในนามของคุณเท่านั้น เราจะไม่เกี่ยวข้องกันใดๆ เหมือนที่เคยเป็นมา ยกเว้นให้คนรอบข้างรับรู้ และฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกับคุณ มีสิทธิ์มีเสียงเหนือบรรดาคู่นอนของคุณเท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ว่าอะไรในเรื่องนี้หรอก เพราะฉันเองก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งคน เราจะให้อิสระกันและกันในเรื่องนี้ คุณจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ฉันไม่สน และในทางเดียวกันคุณก็ต้องไม่สนด้วยว่าฉันจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ แฟร์ไหมคะวิธีนี้” “ทำไมผมต้องยอมด้วยล่ะ ในเมื่อผมไม่ใช่คนที่อยากจะได้อำนาจบริหารคืนเหมือนคุณนี่” ----------------------

นิยายรักโรแมนติกเลขาแต่งงานสายฟ้าแลบนางเอกเก่งปลูกผักพระเอกเก่งแต่งงานก่อนรักผู้ชายอบอุ่นคนธรรมดาฟินๆ

1

“ว๊าย!!! โอ๊ย!!!”

เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นกลางดึก ก่อนร่างผอมบางของสาวน้อย ‘คล้ายเดือน เลิศอุไรวรรณ’ จะกลิ้งตกลงไปจากบันไดขั้นบนสุดของบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่ในรีสอร์ต ‘คล้ายเดือนเหมือนดาว’

ซึ่งปลูกอยู่ห่างทั้งบ้านคนงานและที่พักของแขกไปไม่น้อย เป็นเหตุให้ไม่มีใครได้ยินเสียงเลยแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนสาวน้อยที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นจะรู้ดีในข้อนี้

จึงพยายามจะพาตัวเองตะเกียกตะกายจากพื้นใกล้บันไดไปหาประตูบ้านที่ถูกปิดสนิทเอาไว้ แถมล๊อกไว้อีกต่างหาก และสาวที่กำลังเจ็บหนักก็ไม่อาจจะคิดถึงจุดนี้ขึ้นได้ เพราะอาการเจ็บตรงท้องเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“พ่อจ๋า! ช่วยหนูเดือนด้วย! พ่อ!”

เสียงของสาวน้อยเปล่งออกมาไม่ดังมากพอที่จะมีใครได้ยิน ร่างบอบบางที่เคลื่อนย้ายไปตามพื้นในท่านอนคว่ำนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นท่าตะแคงอย่างยากลำบาก ก่อนจะเลื่อนมือลงไปลูบต้นขาขาวใต้ชุดนอนผ้าฝ้ายสีชมพู

“พ่อ! ช่วยหนูเดือนด้วย! พ่ออยู่ไหน! ช่วยด้วย!”

น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด เพราะความเจ็บกาย และตกใจกับเลือดสดๆ เต็มมือบางหลังยกขึ้นมาดู ท้องก็เจ็บปวดแสนทรมาน แต่สาวน้อยคล้ายเดือนก็พยายามอย่างยิ่งที่จะพาตัวไปให้ถึงประตู “พ่อจ๋า! ช่วยหนูเดือนด้วย! หนูเดือนเจ็บ! พ่อ! พ่อ!”

ปากก็เรียกพ่อไป ตัวก็ค่อยๆ ตะเกียกตะกายไปเพื่อให้ถึงประตู “หนูดาว! ช่วยพี่ด้วย! หนูดาวอยู่ไหน! ช่วยพี่ด้วย!” ในใจก็คิดถึงมือถือที่ป่านนี้คงนอนอยู่บนเตียงหรือวางอยู่ไหนสักแห่งแน่ แม้อยากมีมันเพื่อจะได้เอามาโทรเรียกใครต่อใคร

แต่สาวน้อยคล้ายเดือนก็ทำได้เพียงแค่คิด เพียงแค่อยาก เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้เอาเสียเลย “ลูกแม่! อย่าเป็นอะไรไปนะลูก! แม่รักลูก! อย่าเป็นอะไรไปนะลูก!”

แม้จะอายุเพียงสิบเจ็ด แม้จะเสียใจกับความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่นี้ และแม้จะไม่เคยอยากได้ลูกคนนี้ยังไง แต่สามัญสำนึกของความเป็นแม่ที่มีในตัวสตรีทุกคนบนโลกนี้ ก็สะกิดใจคล้ายเดือนให้คิดถึงลูกในท้อง

ที่เพิ่งจะได้สี่เดือน และไม่มีใครได้ล่วงรู้ความลับนี้เลย รวมทั้งชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกด้วย คล้ายเดือนไม่อาจจะเอ่ยปากบอกออกไปได้ ด้วยรู้ดีว่าเขาจะต้องพาไปทำบาปด้วยการกำจัดชีวิตของลูกออกไปแน่

“พี่ตะวัน! ช่วยหนูเดือนด้วยค่ะ! พี่ตะวันคะช่วยหนูเดือนด้วย! หนูเดือนรักพี่ตะวันค่ะ ได้ยินมั้ยคะว่าหนูเดือนรักพี่ตะวันค่ะ” และเมื่อมีอาการเจ็บปริ่มจะขาดใจ คล้ายเดือนก็ให้คิดถึงชายที่ตัวเองรักสุดหัวใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางมาได้ยินเสียงเรียกนี้ เพราะบ้านน้อยหลังนี้กับบ้านหลังใหญ่โตของเขาอยู่ห่างไกลกันออกไปมากเหลือเกิน

มิหนำซ้ำ เขากับคุณป๋าก็ไม่ได้อยู่บ้านตั้งแต่เช้ามืดแล้ว โอกาสที่จะแวะมาหาพ่อโดยไม่ได้นัดหมายแล้วมาเจอตัวเองนอนเจ็บอยู่แบนนี้นั้นก็หมดสิ้นไปด้วย “พี่ตะวัน! ช่วยหนูเดือนด้วย! หนูเดือนกำลังจะมีลูกพี่ตะวันรู้มั้ย หนูเดือนกำลังจะได้เป็นแม่คนค่ะ ช่วยหนูเดือนด้วย!”

ไม่มีเสียงใดๆ หรือเสียงของใคร ตอบรับคำบอกกล่าวเล่าเรื่องอยู่คนเดียวบนพื้นกับเลือดในกายที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อนเลยด้วยซ้ำ น้ำตาเองก็ดูเหมือนจะไหลออกมาแข่งกับสายเลือดในกายไปด้วย “พ่อจ๋า!”

พ่ออันเป็นที่รักของสาวน้อยคล้ายเดือนก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้าบ้านเลย ความหวังที่จะพาตัวเองให้รอดนั้นเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ แล้วในความคิดของคนที่นอนตะแคงอยู่กับพื้น “หนูดาว! ช่วยพี่ด้วย!”

แฝดผู้น้องสาวที่คล้ายเดือนรักไม่ต่างจากตัวเองก็ไม่มีทางจะมาช่วยได้ ในเมื่ออยู่ไกลกันหลายร้อยกิโลเมตร แม้จะรู้ดีว่าถ้ามีมือถือจะติดต่อน้องได้ และน้องจะต้องดิ้นรนหาคนมาช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทว่าก็ไม่มีหนทางที่จะสื่อสารกันได้ แม้จากทางกระแสจิต ที่มักจะรู้สึกร่วมกันได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวเฉกเช่นแฝดคู่อื่นๆ ที่พึงมี

คล้ายเดือนก็ไม่คิดจะหวังอีกแล้ว เมื่อตัวและน้องต่างห่างกันมาหลายปีนับตั้งแต่พ่อกับแม่แยกทางกันแล้ว ร่างผอมบางที่เจ็บหนัก ค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงลง ในขณะที่พากายจากบันไดไปหาประตูได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ก็รู้ถึงชะตากรรมตัวเองได้เป็นอย่างดี จึงเลือกที่จะนิ่งๆ ฟุบอยู่กับพื้นอย่างคนยอมแพ้แก่ความตายแล้วเท่านั้น

โตโยต้าวีโก้คันเก่งคู่กายของ ‘ณรงค์ เลิศอุไรวรรณ’ หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบห้าค่อยๆ ถูกควบมาจอดไว้หน้าบ้าน ในเวลาเลยเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว พร้อมด้วยความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงานอันไม่มีวันจบสิ้น เขาลงจากรถพร้อมถุงข้าวต้มเจ้าประจำสำหรับใส่ตู้เย็นไว้ให้น้องชายกับลูกสาวได้ลุกขึ้นมาเวฟกินในตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ส่วนลูกก็ต้องไปเรียนตามปกติ

“หนูเดือน!!! เป็นอะไรไปลูก!!! หนูเดือน!!! หนูเดือน!!!หนูเดือน!!!”

ครั้นพอเปิดประตูบ้านเข้าไปได้ ก็ตกใจจนแทบช๊อก เมื่อเห็นลูกนอนฟุบหน้าลงอยู่บนพื้นท่ามกลางกลิ่นเลือดคละคาวคลุ้งไปทั่ว เขาทิ้งถุกข้าวต้มแล้วรีบอุ้มลูกขึ้นพาตรงออกไปหารถแล้วบึ่งไปยังโรงพยาบาลใกล้สุดทันที

“ญาติรอด้านนอกก่อนนะคะ!”

แม้จะอยากเข้าไปดูลูกด้วยความรักและห่วงยังไง แต่พยาบาลก็ไม่อาจจะให้เข้าไปในห้องฉุกเฉินได้ จึงเดินพากายที่มีเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปนั่งรออยู่หน้าห้องด้วยความมึนงง สงสัยว่าลูกมีสภาพแบบนี้ไปได้ยังไง

“พ่อขอโทษนะหนูเดือน พ่อขอโทษ” พร้อมกับโทษตัวเองที่เอาแต่ห่วงงาน จนลืมว่าทิ้งลูกอันเป็นที่รักยิ่งและเป็นสิ่งมีค่าสิ่งเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ไว้บ้านคนเดียว ณรงค์คิดทบทวนไปยังวันวานที่เขามักจะทุ่มเวลาให้กับงานมากกว่าจะมีเวลามาให้ความสนใจลูกอย่างใกล้ชิด แม้ที่ทำไปทั้งหมดนั้นจะเพื่อลูก เพื่อน้องชายที่มีเพียงคนเดียวก็ตาม แต่เขาก็เพิ่งจะได้คิดว่า ถึงจะมีเงิน มีกิจการเอาไว้แล้วไม่มีลูกหรือไม่มีใครมาคอยรับช่วงต่อ มันจะมีประโยชน์อะไร