2
“พ่อขอโทษนะหนูเดือน พ่อขอโทษ”
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็เพียงแค่ เอ่ยประโยคนั้นซ้ำๆ โดยลูกไม่มีโอกาสได้ยิน และเขาก็รู้ดีว่าลูกคงกำลังต่อสู้กับความตายอย่างหนักหน่วงอยู่เป็นแน่ อยากให้ลูกชนะเพื่อจะได้กลับมาให้เขาได้แก้ตัว แล้วทำหน้าที่พ่อที่ดีใหม่อีกครั้ง
“คนไข้กำลังตั้งท้องได้สี่เดือนแล้ว ไม่ทราบญาติรู้หรือเปล่าคะ”
ณรงค์ยังคงยืนเซ่อจับอยู่หน้าห้อง ไอซียู หลังหมอออกมาบอกกล่าวว่าลูกมีหวังจะรอดได้มากน้อยแค่ไหนแล้วยิ่งงงหนักเข้าไปอีกกับข่าวใหม่ที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้มาก่อนแน่ แถมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ “หมอไม่แน่ใจ เพราะคนไข้เสียเลือดมากและหลายชั่วโมงกว่าญาติจะนำส่งโรงพยาบาล”
หมอสาวคราวลูกเอ่ยเสียงเรียบอยู่ตรงหน้า คล้ายๆ จะบอกใบ้อะไรบางอย่าง “หมายความว่ายังไงครับคุณหมอ ผมไม่เข้าใจ ผมขอคำอธิบายแบบตรงๆ จะได้หรือเปล่าครับ”
ณรงค์ที่เป็นคนร้อนเลยรีบสวนกลับด้วยใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ตกใจหน่อยๆ กับคำบอกของหมอ “ก็หมายความว่าคนไข้เสียเลือดมากจากการแท้งเด็กในท้อง โอกาสรอดนั้นมีน้อยค่ะ หมอต้องรอดูอาการไปก่อนค่ะ ยังไงหมอก็อยากบอกให้ญาติทำใจไว้กับการสูญเสียด้วยค่ะ”
หมอเดินจากไปตอนไหนนั้นคุณพ่อวัยห้าสิบห้าจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าตอนนี้ขาแข้งมันเริ่มอ่อนแรงจนต้องทรุดกายลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องไอซียูเพื่อตั้งสติเอาไว้ก่อน เพราะยังทำอะไรไม่ถูก “ผมขอเข้าไปดูลูกจะได้หรือเปล่าครับ”
นานนับสิบนาทีกว่าเขาจะเรียกตัวเองสติกลับมาได้ จึงเอ่ยถามพยาบาลเป็นเรื่องแรก “ได้ค่ะ แต่คนไข้หมดสติอยู่นะคะ คงจะคุยหรือไม่รู้ว่าญาติเข้าไปเยี่ยมหรอกค่ะ” พยาบาลมีท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเห็นหน้าลูก” ณรงค์ยื่นความจำนงแข็งขัน พยาบาลถึงได้ยินยอม และให้เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน ถึงได้เดินเข้าไปหาลูกที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เต็มไปด้วยสายสารพัดยัดเข้าไปไว้ในตัวลูก
น้ำตาของชายแกร่ง เข้มแข็งและอารมณ์รุนแรงอย่างณรงค์ไหลออกมาได้ไม่ยากเย็นเลย เมื่อภาพตรงหน้าสร้างความเสียใจ สะเทือนใจยิ่งให้ โดยเฉพาะได้รู้ว่าลูกตั้งท้องหลานคนแรกถึงสี่เดือนเข้าไปแล้ว และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือพ่อเด็ก
ณรงค์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ขณะยืนจ้องมองใบหน้าอันขาวซีดของลูกอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนพยายาบาลส่งสัญญาณว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว จึงจำใจต้องออกไปนั่งเฝ้าลูกอยู่หน้าห้องตามเดิม “ญาติกลับบ้านก่อนก็ได้นะคะ ถ้าอาการคนไข้มีความคืบหน้ายังไงพยาบาลจะโทรแจ้งเองค่ะ”
สาวชุดขาวเดินมาบอกด้วยความหวังดี “ไม่ครับ! ผมจะรอลูกฟื้นก่อน” แต่ญาติกลับยืนยันเสียงหนักแน่น จนสาวสวยต้องยอมแพ้แล้วเดินเข้าห้องไปตามเดิม ณรงค์ยังคงร้องไห้ด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันนี้ ผ่านไปเกือบชั่วโมงเขาถึงตั้งสติได้ แล้วโทรหาน้องเป็นคนแรก
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”
นั่นคือคำตอบ ไม่ว่าจะพยายามกดไปกี่ครั้งก็จะได้แบบเดิมๆ เขาเลยล้มเลิกความตั้งนั้นที่จะแจ้งข่าวให้น้องได้รับรู้ แต่ค้นเบอร์ที่นานเป็นปีกว่าจะได้โทรหาสักครั้ง หรือไม่ก็ลูกจะเป็นคนยื่นมือถือมาให้คุยเอง
นั่นคือ ‘ดุจเดือน แดงอรุณ’ หรือเมื่อก่อนเป็น ‘ดุจเดือน เลิศอุไรวรรณ’ เมียที่หย่ากันมาได้ห้าปีเต็มๆ แล้ว เพื่อส่งข่าวบอกถึงความเป็นไปของลูกสาวอีกคนให้ได้รับรู้ ต้องรอนานหลายนาที และต้องกดไปหลายครั้งกว่าอีกฝ่ายจะกดรับ
“เดือน! ขอโทษนะที่ต้องปลุก พี่มีข่าวไม่ค่อยดีจะบอก” ด้วยรู้ดีว่าตีสามอย่างนี้เป็นเวลาที่ใครๆ ก็กำลังหลับสบาย รวมทั้งอดีตเมียและลูกสาวของเขาอีกคนด้วย ป่านนี้คงจะกำลังหลับสบายอยู่กับน้องต่างพ่อในอีกห้องในบ้านใหม่ของเมียเป็นแน่
‘มีอะไรพี่รงค์! ทำเสียงไม่ค่อยดีเลย! ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า!’
เพราะคนปลายสายรู้ดีว่าอดีตสามีจะโทรมาหาตรงๆ และกลางดึกแบบนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือปัญหาเกิดจากลูก แต่เท่าที่เคยเป็นมา ลูกสาวทั้งสองของดุจเดือนไม่เคยสร้างปัญหาให้พ่อแม่ต้องหนักใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ใช่ๆ หนูเดือน เอ่อ!”
‘ลูกเป็นอะไรไปพี่รงค์ บอกมาเร็วๆ สิ เดือนร้อนใจนะ’
“ลูกตกบันไดน่ะเดือน” ณรงค์ส่งเสียงอ่อยไปหา ทว่าอีกฝ่ายถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
‘โธ่เอ้ย! เดือนก็นึกว่าเป็นอะไรหนักๆ ตกใจหมดเลย แล้วขาแข้งหักไปกี่ท่อนล่ะพี่ หมอเข้าเฝือกให้หรือทำอะไรให้ยัง ลูกอยู่ใกล้ๆ พี่หรือเปล่า ขอเดือนคุยด้วยหน่อย’
ถามด้วยความไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ำ ทว่าคนตอบนั้นกลับหนักอกและคิดมากแทน ไม่รู้ว่าจะบอกออกไปยังไงให้เมียอดีตเมียได้รู้ถึงปัญหาอีกอย่างที่จะคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้แน่ “อาการหนักมากเดือน! ตอนนี้อยู่ในไอซียู ยังไม่ฟื้นเลย พี่กำลังนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง”
‘ตกบันไดนี่น่ะเหรอพี่อาการหนักถึงขั้นหมดสติและต้องอยู่ในไอซียูด้วย ลูกตกบันไดที่ไหน สูงแค่ไหน แล้วอะไรกระแทกพื้น หัวหรือเปล่า หรือว่าหลัง บอกเดือนมาเร็วๆ สิพี่ มัวอ้ำอึ้งอยู่นั่นล่ะ’
อีกฝ่ายตกใจขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์เสียที่อดีตสามีมัวอมพะนำอยู่ได้ “พี่ว่าเดือนมาพรุ่งนี้เช้าดีกว่านะ เอาหนูดาวมาด้วย แล้วก็ให้รีบๆ มา อย่าช้านะ ตื่นแล้วให้ออกมาเลย จะได้มาคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ แค่นี้นะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
ณรงค์รีบปิดมือถือทันที ด้วยรู้ดีว่าอดีตเมียจะต้องซักให้มากความกว่านี้แน่ แต่ใจเขาไม่สงบมากพอที่จะตอบคำถามใครทั้งนั้น เพราะห่วงลูกยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ในห้องนั่นเอง