3
“หนูเดือนขอโทษค่ะพ่อ ยกโทษให้หนูเดือนด้วยนะ” ณรงค์นั่งจ้องมองใบหน้าลูกสาวที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและอาการหายใจรวยรินหลังพยายามบอก เขาให้เสียใจและโกรธในเวลาเดียวกันจนไม่อาจจะหาอะไรมาเปรียบได้ หลังจากนอนเฝ้าหน้าห้องลูกมาสองสามชั่วโมงแล้ว
“หนูเดือนอย่าโทษตัวเองเลยลูก”
แต่ก็ไม่อาจจะแสดงออกให้ลูกสาวเห็นได้ เพราะเขาพอจะเดาออกว่าลูกอาจจะแข็งใจอยู่ดูหน้าพ่อคนนี้ได้อีกไม่นานแน่ จึงอยากให้ลูกเห็นแต่รอยยิ้มของพ่อ แม้จะเป็นยิ้มฝืนข่มใจไม่ให้โกรธก็ตามที “หนูเดือนไม่ดีเองค่ะพ่อ”
ส่วนลูกก็รู้ดีว่าพ่อกำลังโกรธและคงจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำลายลูกสาวคนเดียวของพ่อได้ลอยนวลอยู่ได้นานแน่ แม้จะเสียใจที่ตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนั้น แต่สิ่งที่คล้ายเดือนเสียใจยิ่งกว่านั่นก็คือ
“หนูเดือนเป็นลูกไม่ดี ทำให้พ่อผิดหวัง หนูเดือนเสียใจค่ะพ่อ”
“ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องห่วงอะไรมาก หนูเดือนเป็นลูกที่ดีของพ่อเสมอๆ พ่อรักหนูเดือนนะ รักที่สุด” เขาไม่รู้ว่าลูกจะได้ยินคำปลอบขวัญนี้หรือไม่ เมื่อลูกค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงด้วยท่าทีของคนอ่อนแรงเพราะเสียเลือดมากจากการตกบันไดกว่าสิบขั้นจนเกิดแท้งลูกสี่เดือน
โดยที่เขาผู้เป็นพ่อไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย พอๆ กับไม่รู้ว่าลูกตกบันไดเมื่อไหร่ แล้วนอนเสียเลือดอยู่ในบ้านเพียงคนเดียวนานแค่ไหนด้วย เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน
ครั้นพอรู้ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว เขาต้องสูญเสียหลานคนแรกไปแล้ว และไม่แน่ใจว่าหมอจะรักษาชีวิตลูกสาวที่เขามีสิทธิ์เพียงคนเดียวไว้ได้หรือไม่ “ต้องรอดูอาการไปเรื่อยๆ ค่ะ หมอตอบอะไรไม่ได้เพราะคนไข้เสียเลือดมาก”
นั่นคือคำตอบที่หมอมีให้เมื่อเขาเอ่ยถาม ทำให้เดาออกได้ไม่ยากนักว่าผลออกมาจะเป็นยังไง เขารีบหุนหันออกจากหน้าห้องไอซียูด้วยความโกรธ ปิ๊กอัพคู่กายถูกเขาควบจากโรงพยาบาลกลับไปยังไร่คล้ายเดือน เหมือนดาวอีกครั้ง
ซึ่งเป็นกิจการและสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เขามี หากไม่นับชีวิตลูกสาวที่นอนรอความตายอยู่ ท้องฟ้าเปิดพอดีเมื่อจอดรถกึกตรงหน้าบ้านพักสองชั้นหลังกระทัดรัดด้านบนเป็นไม้ ด้านล่างเป็นปูน “พี่รงค์! หายไปไหนมาทั้งคืน ผมตามหาไปทั่ว โทรเข้ามือถือก็ไม่เปิด”
‘โสรัตน์ เลิศอุไรวรรณ’ หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบเพิ่งจอดรถในเวลาไล่เลี่ยกับพี่รีบกระโดดลงมาถามทันทีที่เห็นพี่กำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน พร้อมกับส่งสีหน้าห่วงใยอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ว่าได้ในความคิดพี่
“แล้วแกหายไปไหนมาล่ะ ฉันก็โทรหาแกเหมือนกันแต่แกปิดมือถือ” ผู้พี่ถามเสียงห้วน
“ผมก็ไปขับรถตระเวนตามหาพี่น่ะสิ สงสัยตอนพี่โทรหาผมแบตคงหมดนั่นล่ะ เพราะผมโทรหาพี่ไม่รู้กี่สิบรอบ ว่าแต่พี่หายไปไหนมา” ณรงค์กำลังจะอ้าปากตอบน้อง แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อคนงานในไร่ที่บ้านพักอยู่ห่างออกไปพอสมควรต่างตื่นแล้วทยอยเปิดประตูบ้านไปตามๆ กัน เขาถอนหายใจหนักๆ ออกมาแล้วหันไปหาน้อง
“ไปขี่ม้ากันดีกว่า เช้าๆ อากาศกำลังดี” “ตอนนี้นี่นะ!” เพราะน้องเห็นสภาพอันอิดโรยของพี่แล้ว ไม่ค่อยจะแน่ใจเอาเสียเลยว่าจะเป็นเวลาเหมาะสมไหม หากจะให้ไปควบม้าขึ้นเขาลงห้วยเหมือนทุกครั้งที่พี่มักจะนำไป
“เอ่อ!”
เขาไม่รอให้น้องชายตอบตกลงหรือปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่รีบตรงไปหารถที่จอดอยู่ไม่ห่างทันที น้องชายเพียงคนเดียวต้องรีบตามไปไม่ห่างเช่นกัน ส่วนพี่ก็รีบควบรถทตรงไปยังคอกม้าที่อยู่ห่างจากบ้านเขาคนละฟากของที่ดินแปลงใหญ่กว่าสามพันห้าร้อยไร่ของฟาร์มแสงตะวัน
ซึ่งเป็นฟาร์มม้าใหญ่ที่สุดในในอำเภอปากช่องและในประเทศไทย โสรัตน์ต้องใช้มือเกาะกระบะรถพี่จนแน่น เพราะขับเร็วกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็นมาก็ว่าได้ อยากจะถามไม่น้อยว่ามีมีเรื่องกลัดกลุ้มอะไรแต่ก็ไม่กล้าเพราะเห็นหน้าพี่บึ้งมาก
“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอนุกูล”
ณรงค์ลงจากรถได้ก็ทักทายหนุ่มผู้เป็นเทรนเนอร์ม้ากับจ๊อกกี้ด้วยใบหน้าเรียบขรึม เพราะทุกเช้ามืดจะต้องออกทำงานตามหน้าที่ “เพิ่งเสร็จนี่ล่ะน้ารงค์ ว่าแต่จะไปไหนกันแต่เช้า หรือจะพาไปเทรลกันสองพี่น้องครับ”
“ใช่ๆ เช้านี้น้าขอเจ้าวินเนอร์ก็แล้วกันนะ”
สิ้นคำณรงค์ก็เดินแบกอานม้าไปยังคอกเจ้านิลพันธุ์แอนดาลูเซียนที่ในฟาร์มแสงตะวันไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขึ้นหลังมันได้นอกจากเจ้าของกับเขาเท่านั้น “ดีเลยผมก็ว่าจะไปพอดี”
นุกูลที่เพิ่งเสร็จการซ้อมจ๊อกกี้รีบตรงไปยังคอกเจ้าวายุภัคม้าพันธุ์ผสมเธอร์รัพเบรตสีเทา เพราะเพิ่งหายป่วยเลยอยากจะพาไปลองขี่สำรวจดูกำลังของมัน ไม่กี่นาทีทั้งสามก็ควบม้าออกจากคอกมุ่งไปยังท้ายไร่เบื้องหน้าเป็นภูเขาทันที
“เจอกันที่เชิงเขานะนุกูล เดี๋ยวจะไปดวลกับไอ้รัตน์ก่อนล่ะ”
ว่าแล้วณรงค์ก็ควบเจ้าวินเนอร์แยกออกไปอีกทาง โดยมีโสรัตน์ตามพี่ไปไม่ห่าง นุกูลรู้ดีว่าสองพี่น้องชอบท้าดวลกันประจำ เลยควบม้าไปอีกทางเพียงลำพังเพื่อกินลมชมวิวตามถนัด “ว่าไงน้าๆ! ใครจะเป็นคนเลี้ยงเบียร์ผมเย็นนี้”
นุกูลร้องถาม เมื่ออีกชั่วโมงนิดๆ ไปเจอกันยังที่นัดหมาย เพราะเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมานานนมว่าใครแพ้จะต้องเลี้ยงไม่อั้น “จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่น้าเองที่แพ้พี่รงค์ตลอดกาล!”
โสรัตน์เป็นฝ่ายรับโดยไม่ต้องรอให้พี่ชายสั่งเหมือนทุกครั้งที่แพ้เลย “จริงเหรอครับ แบบนี้ผมก็เตรียมเมาเหมือนทุกครั้งอีกแล้วสิ ร้านเดิมหรือเปล่าครับ”
“เอ่อๆ จะไปร้านไหนได้ถ้าไม่ใช่ที่เดิมของพวกเรา”