บท
ตั้งค่า

4

โสรัตน์รับคำด้วยใบหน้าเซ็งนิดๆ ส่วนณรงค์นั้นไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากมองทั้งสองคุยกันด้วยท่าทีเรียบขรึม ซึ่งเป็นบุคคลิกประจำของเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หรือว่ารู้สึกยังไง เขาก็มักจะมีท่าทีแบบเดิมๆ จนไม่มีใครสังเกตเห็นได้ว่าในใจนั้นเขาคิดหรือรู้สึกยังไง

“ได้เลยครับ งั้นเรากลับกันนะ” ว่าแล้วนุกูลก็ควบม้านำหน้าไป

“วินเนอร์! วอล์ค!” ส่วนณรงค์ตามไปไม่ห่าง สองขาก็กระทุ้งสีข้างเจ้าวินเนอร์ไป ปากก็สั่งไปโดยมีโสรัตน์ควบม้าวอล์คตามหลังทั้งสองไปติดๆ

“วินเนอร์! แกลลอปๆ”

ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากณรงค์หันกลับไปหาน้องชายที่รั้งท้ายแล้วก็รีบออกคำสั่งเจ้านิลให้ออกวิ่งทันที สองมือกระตุกสายบังเหียนไป สองสายตาก็มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นที่จะแซงหน้านุกูลไปก่อน

‘ฮี๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’

แต่ยังไม่ทันเท่าไหร่ร่างกำยำล่ำสันของณรงค์ก็หงายหลังเก๋งจนหลังเกือบหัก ขณะสองมือก็ยังคงยึดสายบังเหียนไว้แน่น ส่วนเจ้าวินเนอร์ก็ร้องลั่นป่า ยกสองขาขึ้นเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง แล้ววิ่งเตลิดออกไปอีกทาง ณรงค์ตกใจไม่น้อย พยายามจะเอามันให้อยู่ “โอ๊ย!!! วินเนอร์สต๊อปๆ วินเนอร์สต๊อป! โอ๊ย!”

แต่เจ้าวินเนอร์ก็ตกใจเกินที่เขาจะควบคุมได้ ร้องแล้วยกสองขาหน้าขึ้นอีกจนณรงค์ตกลงไปกองอยู่กับพื้น “พี่รงค์!!!” สองหนุ่มต่างตกใจไม่แพ้เขา

เมื่อเท้ายังเกี่ยวอยู่กับโกลนเลยถูกลากให้ครูดไปตามพื้นขณะม้าตกใจวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แม้สองหนุ่มจะพยายามควบตามสักแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะทันอาชาแห่งความไวไปได้ “ช่วยด้วย!!!”

ณรงค์ร้องเสียงหลงพอๆ กับที่พยายามจะสลัดขาออกจากโกลนให้ได้ และต้องคอยหลบหลีกก้อนหิน ท่อนไม้ที่ตกเกลื่อนอยู่ตามพื้นขณะถูกลากไปด้วย แต่สุดท้ายร่างกายต้องพ่ายแพ้แก่ความพยายามเมื่อได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกกับของแข็งครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร กระทั่งเท้าหลุดออกจากโกลนตกไปอยู่ใต้อุ้งเท้าเจ้าวินเนอร์ที่ยังคงตกใจและสับสนไม่หาย

นั่นถึงทำให้ร่างอันบอบช้ำของณรงค์หลุดพ้นจากการถูกลาก พอๆ กับสติได้หลุดออกจากตัวไปด้วยนั่นเอง

จี๊ปเชอร์โรกีย์สีดำแล่นเข้ามาจอดกึกหน้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว พอๆ กับผู้เป็นเจ้าของที่ลงรถได้ก็วิ่งไปยังห้องไอซียูอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน โดยไม่ได้สนใจกับคนที่เพิ่งออกจากรถได้นัก “ยังไม่ฟื้นครับคุณตะวัน”

โสรัตน์บอกกล่าวให้ ‘แสงตะวัน ผลทับทอง’ หนุ่มร่างสูงร้อยแปดสิบห้าวัยสามสิบ ที่มีลีวายส์สีเข้มกับเสื้อลายสก๊อตสีดำแดงหุ้มเอาไว้

“หมอบอกว่ายังไง แล้วมีใครบอกหนูเดือนหรือยัง”

เขามีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่แพ้ผู้พ่อ ‘อาทิตย์ ผลทับทอง’ ที่เดินมาถึงห้องไอซียูช้ากว่าลูกหลายนาที แม้ร่างกายยังแข็งแรงกับวัยห้าสิบห้า แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงวิ่งถ้าไม่จำเป็น “หนูเดือน เอ่อ! หนูเดือนอยู่ห้องไอซียูอีกห้องเหมือนกันครับคุณตะวัน ผมเองก็เพิ่งจะรู้จากพยาบาลเมื่อไม่นานนี่เองครับ”

โสรัตน์เสียงอ่อย ขณะหันไปหานุกูลที่รู้พร้อมกันตอนมาโรงพยาบาล “อะไรนะ! แล้วหนูเดือนเป็นอะไรล่ะรัตน์” อาทิตย์ตกใจไม่น้อยกับข่าวนี้ และไม่เชื่อว่าตัวเองกับลูกไม่อยู่บ้านแค่คืนเดียว

เพื่อนรักกับเด็กที่เขารักและเอ็นดูจะถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไปพร้อมกันอย่างนี้ “พยาบาลบอกว่าหนูเดือนตกบันไดครับ พี่รงค์เอามาส่งเมื่อคืน ผมไม่อยู่บ้านเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมื่อเช้าไปขี่ม้าด้วยกันก็ไม่ได้บอกอะไรผม”

สองพ่อลูกไม่ได้ฟังคำอธิบายของโสรัตน์อีกต่อไปแล้ว หากแต่พากันตรงไปยังห้องไอซียูทันที แต่ก็ไปทันได้เห็นเพียงเส้นตรงแนวขนาดหน้ามอนิเตอร์วัดชีพจรเท่านั้น เมื่อทีมแพทย์ที่พยายามปั้มหัวใจให้คนไข้เดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบขรึม แล้วส่ายหน้าให้ญาติที่มายืนรอได้รับรู้ว่าไม่อาจจะยื้อชีวิตสาวน้อยวัยสิบเจ็ดกับลูกสี่เดือนในท้องเอาไว้ได้

“แล้วหนูเดือนท้องกับใคร!” อาทิตย์ช๊อกกับข่าวนี้ไม่น้อย ก่อนจะหันไปหาลูกชายด้วยใบหน้ามีคำถาม “อย่ามามองผมแบบนี้นะป๋า ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ และถ้าผมทำ! ป๋าคิดว่าผมจะไม่มีความรับผิดชอบขนาดนี้เลยเหรอ”

เลยได้คำปฏิเสธที่ผู้พ่อไม่อาจจะปักปำลูกต่อไปได้ ด้วยรู้ดีว่าลูกแมนแค่ไหนในเรื่องนี้ สองพ่อลูกหันไปหาโสรัตน์ ผู้ซึ่งควรจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะอยู่บ้านเดียวกัน “ผมเองก็เพิ่งจะรู้จากปากหมอเหมือนกันครับ”

แต่ความหวังที่จะได้รู้เรื่องของสองพ่อลูกต้องดับดิ้นไป เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธหน้าเศร้า หลังจากเสียหลานสาวผู้น่ารักไปไม่ถึงสิบห้านาที “อารัตน์!!! พ่อกับพี่หนูเดือนเป็นยังไงบ้างคะ!!!”

ทุกคนต่างหันไปหาต้นเสียง ก็เห็นสาวน้อยในชุดนักเรียนมัธยมนาม ‘เหมือนดาว เลิศอุไรวรรณ’ แฝดคนน้องของคล้ายเดือนกำลังวิ่งหน้าตื่นตรงมา โดยมีแม่กับอีกหนึ่งหนุ่มใหญ่ผู้เป็นสามีใหม่อุ้มลูกสาวคือ ‘น้องหนูดี’ วัยห้าขวบตามหลังมาห่างๆ

“หนูดาว! มาได้ยังไง รู้ได้ยังไง อายังไม่ได้โทรบอกเลยนะ” โสรัตน์ทักหลานด้วยความแปลกใจ “พ่อโทรบอกแม่เมื่อเช้ามืดค่ะ ไปลาครูที่โรงเรียนแล้วแม่ก็พาหนูดาวมาล่ะค่ะ พวกเราเลยรีบแทบตาย พ่อบอกว่าพี่หนูเดือนตกบันไดอาการหนัก แล้วพ่อกับพี่หนูเดือนล่ะคะ”

ยังไม่ทันที่โสรัตน์จะได้ตอบอะไรออกไป พยาบาลก็ออกจากห้องไอซียูแล้วส่งเสียงเรียกทันที “ญาติชื่ออาทิตย์กับแสงตะวันอยู่ไหนคะ คนไข้เรียกหาค่ะ”

สองอาหลานยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกัน ทุกคนเลยต้องรีบวิ่งไปยังห้องไอซียูอีกห้อง ก็เห็นทีมแพทย์อีกทีมเดินออกมาด้วยใบหน้าไม่ต่างจากทีมเมื่อครู่นัก

“พ่อ!!!” สาวน้อยเหมือนดาวไม่สนใจกับอะไรทั้งนั้น รีบวิ่งเข้าห้องไปทันที โสรัตน์ทำท่าจะวิ่งตาม แต่พยาบาลก็ส่งเสียงแข็งมาว่าให้เข้าเฉพาะคนที่เรียกชื่อหาเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel