บทย่อ
ตะวันฉายเป็นลูกของสุพรมกับอุบล ซึ่งเคยทำงานเป็นคนขับรถกับแม่ครัวในบ้านของชมจันทร์กับจิรเดช จิณณวัตรเป็นลูกชายคนโตของชมจันทร์กัจิรเดช ซึ่งสมัยเขายังเด็กเป็นคู่ปรับกับตะวันฉาย ----------------- จิณณวัตร วัชราเวโรจน์ หนุ่มนักเรียนนอก อารมณ์ดี และมีความรับผิดชอบสูง ด้วยความที่เป็นลูกคนโตของบ้าน และเป็นทายาทอันดับแรก เขาจึงต้องกลายเป็นตัวช่วยและที่พึ่งพิงให้น้องๆ ในยามยากไปในเวลาเดียวกัน และในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นตัวป่วน ชวนให้เลขาคนสวยของแม่ต้องหงุดหงิดไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน “อะไรนะครับ! คุณแม่จะให้ผมไปตามยัยเด็กหัวถั่วงอกนั่นน่ะเหรอครับ แล้วเขาจะกลับมาเหรอ ยิ่งไม่ชอบหน้าผมอยู่ จำไม่ได้หรือไงครับว่าผมทำวีรกรรมอะไรไว้ ให้ผมทำอย่างอื่นให้ดีกว่านะครับ งานนี้ขอบายแล้วกันครับ ว่าแต่ทำไมเขาถึงออกล่ะครับ หรือคุณแม่ให้เงินเดือนน้อยไป” “แหม! ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มียาชูกำลังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกมาคอยตามต้อยๆ ๆ ตั้งแต่บ่ายๆ ก็นับว่าคุ้มหรอกน่า ว่าแต่คุณชอบแบบนั้นเหรอ อย่างคุณผมคิดว่าจะอยากได้แฟนอายุมากกว่านั้นหน่อย ประสบการณ์เยอะกว่านั้นหน่อยมากกว่านะ พวกผู้หญิงที่ชอบมีแฟนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือว่ารุ่นน้องกว่าน่ะ มักจะไปไม่รอดหรอกนะผมเห็นมาแยะละ” “ว่าไงครับคุณถั่วงอก ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเราพักนี้ หรือว่ามัวแต่เดทกับหนุ่มนักเรียนนอกอยู่เลยไม่มีเวลาว่าง” แถมยังตอกเขากลับจนน่าหงาย และเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าแม่ถั่วงอกนอกจากจะทำงานเก่งแล้วยังปากเก่งอีกต่างหาก ‘มันน่าจะจูบซะให้เข็ด’ และไม่รู้สมองส่วนใจสั่งใจให้คิดแบบนี้ ร่างสูงเลยก้าวยาวๆ ตรงไปหาอีกร่างที่ยืนชิดประตูรถเตรียมจะเปิดทุกเมื่อ “อูวห์! ท่าทางคุณอยากจะเป็นผู้หญิงพวกนั้นของผมบ้างล่ะสิท่า แต่คงจะไม่ไหวหรอก เพราะมีคุณสมบัติเพียงข้อเดียวนั่นคือสมอง ส่วนสวยๆ ใสๆ นี่ผมหาไม่ยักจะเจอ หรือถ้าจะไปโมไปอัพเกรดขึ้นมาให้ใกล้เคียงหน่อย คุณก็คงจะต้องจับบัตรคิวรอเลยล่ะ เพราะผมจะว่างอีกทีก็กลางปีหน้าโน่น เสียใจด้วยนะจ๊ะแม่ถั่วงอก” อาทิตยา พุทธิรักษ์ ด๊อกเตอร์สาวผู้มีทางให้ไปมากมาย ทว่าก็จำใจต้องทำงานชดใช้หนี้บุญคุณ ท่ามกลางความกดดันของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายผู้เป็นคุณผู้หญิงของบ้าน ตามติดด้วยลูกๆ ทั้งสี่ของเจ้านาย ที่มักจะนำเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามาให้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกชายคนโตของเจ้านาย หน้าหล่อลากดิน ส่วนน้ำคำนั้นคมราวกับมีดโกน แต่มีหรือที่ด๊อกเตอร์สาวจะทนให้ว่าหรือประชดประชันอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อไหร่สบโอกาส ก็ไม่พลาดที่จะสวนคืนทันควัน “ฉันก็มาทำงานทุกวันนี่คะ ทุกคนในวันเห็นหน้าฉันหมด เว้นเสียแต่คุณจะหูอื้ออึง สายตาฟ่าฟาง เวล่ำเวลาหดหายไปกับพวกสวยใสไร้สมองของคุณเท่านั้น” “หัวถั่วงอกก็ยังดีกว่าหัวอ่อน หัวขี้เลื่อยเหมือนพวกผู้หญิงของคุณ ที่ยอมถูกปั่นจนหัวหมุน ถูกสั่งให้หันซ้ายขวาเพียงเพราะอยากได้เงินจากหนุ่มไฮโซหลงตัวเองอย่างคุณไปใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น เชิญคุณสำเริงสำราญไปเถอะ อีกหน่อยแม่คุณทำเรื่องให้ต้องนั่งกุมขมับ อย่าวิ่งมาหายัยหัวถั่วงอกอย่างฉันให้ช่วยก็แล้วกัน ออกไป! ฉันจะกลับ!”
1
“ต๊าย!!! มันอะไรกันแม่ผ่อน นี่สายโด่งเด่งจนป่านนี้แล้ว แม่เลขาทูนเกล้าของฉันยังไม่ตื่นอีกเหรอ ให้ใครก็ได้ขึ้นไปปลุกเดี๋ยวนี้ แล้วบอกหล่อนด้วยว่าฉันจ้างมาทำงานไม่ใช่จ้างมานอนตื่นสายๆ แข่งกับเจ้านาย โอ๊ย!!! มันอะไรนักหนานะคนทุกวันนี้”
แม่ครัวใหญ่นามว่า ‘ผ่อน’ ต้องรีบพาผิวกายดำปี๋เดินแบกน้ำหนักเกือบแปดสิบกิโลกรัมของตัวเองเข้าครัวเพื่อบอกเด็กรับใช้อีกคนอย่างเร่งด่วน ให้วิ่งขึ้นไปปลุกเลขาคนที่สามในรอบสี่เดือนของเจ้านาย ทำเอาคนถูกปลุกหัวเสียไม่น้อย แต่ก็จำต้องรีบลุกจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วรีบลงมาชั้นล่างด้วยใบหน้าบึ้งตึง เพราะไม่สบอารมณ์นัก
“ว่าไงยะหล่อน! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน! งานการไม่ลุกขึ้นมาทำ รู้หรือเปล่าว่าวันนี้หล่อนจะต้องทำอะไรบ้าง ฉันจ้างหล่อนไม่ใช่น้อยๆ นะ กรุณาทำงานให้คุ้มค่าเงินฉันด้วย”
ชมจันทร์ วัชราเวโรจน์ ยืนเท้าสะเอวด่าด้วยใบหน้าบึ้งตึงกว่า และไม่สบอารมณ์กว่า อรนภาทนไม่ได้ต้องเถียงกลับทันที
“คุณผู้หญิงคะ อรเพิ่งจะได้นอนตอนตีสี่เองนะคะ และนี่ก็เพิ่งจะเก้าโมงเท่านั้น จะให้รีบตื่นไปไหนคะ”
“อย่าริมาเถียงฉันนะ บอกไม่จำ! ว่าถ้ารักจะอยู่ด้วยกันยืดๆ หุบปากของหล่อนแล้วก็รีบไปทำงานตามที่ฉันสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อวานด้วย ไปสิ จะมัวมายืนเสนอหน้าอยู่ทำไม”
ผู้เป็นเลขาอยากจะอ้าปากเถียงอีกยก แต่ก็คิดได้ว่าเปล่าประโยชน์ จึงเดินเข้าห้องทำงานด้วยท่าทีสงบ ผิดกับผู้เป็นเจ้านายที่หัวเสียไม่หายเพราะไม่ชอบให้ใครมาเถียงแม้แต่คำเดียว
หรือแอะเดียวก็ยอมไม่ได้ แต่ที่ยอมๆ อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะตระหนักดีว่า กว่าจะหาคนให้ตรงกับงานได้นั้นยากและใช้เวลาไม่น้อย ทว่าก็ไม่วายบ่น
“นี่มันกรรมเวรอะไรของฉันนักหนานะ ถึงต้องมารบรากับคนในบ้านตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ไม่ได้เรื่อง ไม่เข้าท่า โอ๊ย!!! เบื่อๆ ๆ ๆ ๆ”
“เบื่ออะไรกันนักหนาครับคุณแม่! นี่ยังเช้าอยู่เลยนะครับ!”
ชมจันทร์และคนในบ้านต่างงวยงงไม่แพ้กันกับเจ้าของเสียงที่ดังเข้ามาในบ้านก่อนคนพูดจะโผล่มาให้เห็นด้วยซ้ำ และเมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทา ตัวเสื้อพูดพาดไว้กับแขนแข็งแรง พร้อมส่งยิ้มกว้างให้เพียงเท่านั้น
“ตาจิณ!!! กลับตั้งแต่เมื่อไหร่! ทำไมไม่โทรบอกแม่จะส่งรถไปรับ แล้วมาได้ยังไง ทำไมไม่บอกล่วงหน้าบ้าง...”
“ใจเย็นๆ ครับคุณแม่ ผมตอบไม่ทันแล้วนะครับ”
จิณณวัตร วัชราเวโรจน์ เลิกคิ้วใส่แม่ด้วยใบหน้าเจือยิ้มก่อนจะทักท้วง
“งั้นก็ไม่ต้องตอบ แต่มาให้แม่กอดก่อนเร็ว”
สิ้นคำ คนเป็นแม่ก็พาร่างอรชรตรงไปอ้าแขนกอดลูกชายคนโตเสียเต็มรักด้วยความคิดถึง และคาดไม่ถึงว่าลูกจะโผล่มาแบบเซอไพรส์ตั้งแต่เช้าอย่างนี้
“ไปไหนกันหมดครับบ้านเงียบเชียว”
เมื่อแม่ละวงแขนออกแล้วเขาถึงได้มีเวลากวาดมองไปรอบบ้าน
“พ่อเราก็ไปทำงาน ยัยแอ๊ฟยังไม่ตื่น ตาเจกับยัยแอ๊นคงจะไปเรียนมั้ง ส่วนแม่ก็กำลังจะออกไปข้างนอก จะกลับอีกทีก็เย็นๆ แล้วต้องไปงานเลี้ยงอีก แซยิดคุณหญิงพรเพ็ญไงล่ะจำได้หรือเปล่า จิณไปกับแม่นะ จะได้มีเวลาคุยกัน แต่ตอนนี้สายมากแล้วแม่ไปอาบน้ำก่อน”
“ครับคุณแม่ ผมก็จะขอขึ้นไปงีบเหมือนกัน เพราะถ้าอยู่โน่นป่านนี้ผมคงหลับปุ๋ยแล้วล่ะครับ”
“งั้นไปเลย ห้องเราน่ะแม่ให้คนไปทำความสะอาดไว้ตลอดเวลา เหมือนรู้ว่าเราจะมาเลยล่ะ ว่าแต่ทำไมถึงมาแบบไม่บอกล่วงหน้าล่ะลูก แล้วทำไมถึงตัดสินใจปุบปับทั้งที่แม่ก็....”
ผ่อนได้แต่แหงนหน้ามองเจ้านายเดินโอบไหล่หนุ่มหล่อผิวขาว สูง ขณะเดินขึ้นไปตามบันไดไป ในที่สุด ‘คุณจิณ’ ก็กลับบ้านสักทีหลังจากไปเรียนอเมริกาตั้งแต่จบมัธยม พอจบก็ขอทำงานหาประสบการณ์อยู่อีก
“ป้าผ่อนไม่ไปหาคุณอรในห้องเหรอ”
‘แหม่ม’ เด็กรับใช้ในชุดกางเกงเอวยืด เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียวมรกต มีผ้ากันเปื้อนผูกเอวไว้ ยื่นนิ้วไปสะกิดแม่ครัวใหญ่ในเรื่องเพราะผ่อนสั่งไว้ให้เตือนถ้าเกิดลืมขึ้นมา เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญมาก
“เอ่อๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ป้ามัวดูคุณจิณเพลินไปหน่อย ก็ทั้งสูงทั้งหล่อ สงสัยสาวๆ คนจะเรียงคิวเข้ามาให้จีบแน่เชียว”
ผ่อนหันไปหาแหม่มแล้วเดินอุ้ยอ้ายตรงไปยังห้องทำงานประจำของเลขาคนที่สามของชมจันทร์ เพื่อเตือนให้ขึ้นไปเบิกเงินค่าอาหารมาให้
“ไม่เอาหรอกป้า คุณผู้หญิงอารมณ์ไม่ดีขนาดนั้นอรไม่ยุ่งด้วยหรอก” แต่กลับได้คำตอบอันไม่ชอบใจนัก
“อ้าว! ถ้าคุณอรไม่เบิกแล้วป้าจะเอาอะไรไปซื้อของล่ะค่ะ ทั้งของสดของแห้งหมดเกลี้ยงแล้วนะคะ ป้าเตือนคุณอรตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วย ถ้าไม่มีเงินวันนี้ก็จะไม่มีของมาทำขึ้นโต๊ะนะคะ”
ผ่อนให้เหตุผล แต่อีกคนกลับยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร
“เอาไว้เย็นๆ รอคุณผู้หญิงอารมณ์ดีกว่านี้แล้วอรจะเบิกให้แล้วกันนะคะ ส่วนวันนี้คนในบ้านไม่อยู่สักคน ไม่ต้องทำของขึ้นโต๊ะนี่คะ”
ผ่อนทำหน้าไม่พอใจให้เห็นอย่างไม่เกรงใจเมื่อได้คำตอบแบบนี้
“แต่เวลาคุณผู้หญิงกลับมาเหนื่อยๆ ก็จะเรียกหาของบำรุง พวกรังนก ซุปไก่ หรือขนมน้ำแข็งพวกแปะก๊วย บ๊วยเกี๊ยะ หรือบัวลอยน้ำขิงพวกนี้เป็นประจำนะคะป้ารู้ดี ถ้าเรียกหาแล้วไม่มีให้จะเป็นเรื่องเปล่าๆ นะคะคุณอร ป้าน่ะไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่แม่ครัว แต่คุณอรต้องรับผิดชอบทั้งหมดนะคะ ลองคุณผู้หญิงได้เดือดขึ้นมาใครก็...”
“ป้าคะ!!! อรมีงานเยอะแยะกองเต็มโต๊ะเลยนะคะ และจะต้องรีบทำให้เสร็จก่อนออกไปจัดการเรื่องชุดให้คุณๆ ทั้งสองสำหรับงานเย็นนี้อีก ไม่มีเวลามาจำหรอกค่ะว่าคุณผู้หญิงจะทานอะไรเวลาเหนื่อยๆ อีกอย่างท่านไปงานเลี้ยงของกินเยอะแยะ คืนนี้คงไม่คิดจะเรียกหาหรอกมั้งคะ”