สามีที่ร้าย(รัก)

208.0K · จบแล้ว
กันเกรา
143
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘เกลียดคนโกหก เกลียดคนหลอกลวง’ เป็นคำที่นักธุรกิจหนุ่มอย่างดรณ์ เดชาโชตช่วง ท่องไว้ในใจเรื่อยมา นับตั้งแต่ถูกคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิต ทำลายความไว้วางใจที่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไร‘ไม่ให้โอกาสใครซ้ำสอง’ และเขายึดถือคตินี้นับตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะผู้ใต้บังคับบัญชา หรือคนใกล้ตัว เพื่อกันไม่ให้คนเหล่านั้น ทำให้เขาเสียใจ ทำให้เขาผิดหวังอีกทว่า เขากลับต้องกลืนคติประจำใจเหล่านี้ไว้ และเก็บงำไม่ให้ใครรู้ เมื่อได้เผลอมอบหัวใจให้กับ ‘อาภาภัทร ดิษยากรกุล ชไนเดอร์’ หญิงสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เพราะเธอช่างสวย สง่างาม คุณสมบัติทุกด้านเพียบพร้อม เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องดึงเธอมาเป็นคู่ชีวิตให้ได้ ต่อให้ยากเย็นแสนเข็ญ หรือต้องแลกด้วยอะไร เขาก็พร้อม แต่ไม่คิดไม่ฝัน ว่าสาวสวยและสูงส่ง จะทำให้เขาผิดหวังตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ประตูวิวาห์ด้วยซ้ำ เขาจะทำยังไง จะเดินหน้าต่อ หรือยกเลิกงานเสีย แล้วไปให้ไกล ผู้หญิงโกหก ผู้หญิงหลอกลวงคนนี้

นิยายรักโรแมนติกรักแรกพบสัญญาทางรักพลิกชีวิตเศรษฐี

EP 1

ตอนเจ็บแค้น

ดรณ์ เดชาโชติช่วง มองผู้คนนับร้อยเดินขวักไขว่ไปมาในสนามบินานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นภาพชินตาแล้ว เขาพาส่วนสูงร้อยแปดสิบเก้าที่มีกางเกงยีนสกินนี่ฟอกสีขาเดฟหุ้มท่อนล่าง เสื้อยืดสีขาวบนอกด้านซ้ายมีโลโกเล็กๆ สีน้ำเงินปักชื่อ ‘DD Group’ ไว้ก้าวเดินปะปนผู้คนไปยังประตูทางออก มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เลยรีบกดรับทันทีเพราะมีงานสำคัญรออยู่

“คุณดรณ์ครับ ลุงไก่สแตนด์บายที่ลานจอดแล้วครับ ถ้าจะออกไปเลยก็โทรบอกตอนนี้ครับ”

“เค”

เพียงเท่านั้นเขาก็ตัดสายทันที แล้วรีบพยักหน้าให้ผู้ช่วยเข็นรถกระเป๋าตรงไปหาประตูใกล้สุด มือซ้ายเกาะรถสองเท้าก้าวเดินเคียงไปด้วย มือขวากำลังเปิดไลน์ที่เลขาส่งมาหาไปด้วย นั่นเลยทำให้การมองผู้คนที่เดินไปมาไม่เต็มที่นัก

“อุ๊ย!”

ปึก! ปึก! ปึก!

เสียงร้องด้วยความตกใจของใครบางคนดังขึ้น ตามติดด้วยของในมือเขาร่วงลงไปกับพื้น แต่พอก้มมองลงไป ไม่ใช่สิ! ไม่ใช่มือถือของเขาคนเดียวที่ตก เป็นของคนที่เดินมาชนด้วย แถมท่าทางก็รีบร้อนเกินเหตุด้วย

“ขอโทษครับ ผมมัวแต่มองหน้าจอ เลยไม่ทันเห็นครับ”

เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงและกำลังก้มเก็บมือถืออยู่นั้น เขารีบแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทันที แม้จะไม่รู้ว่าใครชนใครก่อน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วทำหน้าชนิดที่เขาตีไม่ออก ว่าจะยิ้มหรือจะบึ้งกันแน่ จากนั้นก็รีบเดินออกประตูไป

ทิ้งให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่หลายวินาที ด้วยตกตะลึงกับใบหน้าสวยหมดจดงดงาม สาบานเลยว่ายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวย สง่า มีเสน่ห์อย่างนี้มาก่อนในชีวิตก็ว่าได้

ผมดกดำเป็นเงางามหยักศกนิดๆ อาจจะมาจากกันดัดเหมือนสาวหลายคนชอบทำ จมูกนั้นโด่งเป็นสัน บ่งบอกว่ามีสองสัญชาติอย่างไม่ต้องสงสัย นัยน์ตาดำขลับ ริมฝีปากฉาบด้วยสีแดงสด ตัดกับผิวแก้มขาวราวไข่ปอก

ขนตางอนงามดกดำที่น่าจะมีเยอะอยู่แล้วนั้น พอได้มาสคาร่าช่วยยิ่งส่งให้ดูดีมากขึ้น เขายืนมองตามเรือนร่างผอมบาง มีเดรสสีขาวยาวระดับเข่าจับเป็นจีบพีททั้งตัวหุ้มไว้

ตรงเอวคอดมีผ้าซาตินสีเดียวกันคาดไว้ รองเท้าส้นเข็มแบบเปิดสีเดียวกับชุด ส่งให้เจ้าตัวดูสูงขึ้น ถ้าให้คะเนคร่าวๆ ไม่น่าจะหนีร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรบวกลบไม่เกินสองแน่นอน

กระเป๋าขนนกสีขาวในมือบางนั้น ก็เข้าชุดกันอย่างไม่น่าเชื่อ เขาให้เกลียดเจ้าเมอร์เซเดส-เบนซ์คันงามเหลือกำลัง ที่มาจอดเทียบตรงประตู แล้วพาหญิงสาวที่สะกดสายตาของเขาห่างไปเรื่อยๆ จนลับตา

“คุณดรณ์ครับ”

“ฮื้อ!”

เจ้านายหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบส่งเสียงสูงไปหาผู้ช่วย บ่งบอกว่าขัดใจนิดๆ เมื่อมาขัดจังหวะการชมของสวยงามที่ไอ้รถบ้าๆ นั่นพาหนีไปแล้ว

“เอ่อ! จะให้ผมโทรบอกลุงไก่เลยมั้ยครับ”

ชัชวาลเอ่ยเสียงแผ่วเบา ด้วยกลัวจะถูกเจ้านายดุ โทษฐานกวนสมาธิในการจ้องสาว แต่ถ้าไม่สะกิดก็คงจะยืนอึ้งอยู่ตรงนี้นานๆ แน่ ‘ไหนบอกว่าถอดเขี้ยวเล็บแล้ว จะมุ่งหน้าคัดสรรแม่พันธุ์ไหง แค่เจอสาวสวยบาดใจถึงกับไปไม่เป็นเชียวนะบอส’

“อื้อ!”

ส่วนคนเป็นเจ้านายก็ส่งเสียงห้วนนิดๆ แต่ไม่ได้อะไรนอกจากก้มไปหาไลน์ตามเดิม มือก็เกาะรถแล้วเดินตามเดิม แม้ใจจะยังเต้นไม่เป็นส่ำกับของสวยๆ งามๆ ที่เพิ่งผ่านตาไปเมื่อครู่ แต่พอรู้ตัวว่ามีงานรออยู่ ก็ต้องรีบดึงสติให้กลับเข้าตัว ไม่กี่อึดใจเมอร์เซเดสสีขาวก็แล่นมาจอดตรงหน้า เลยรีบเข้าไปนั่ง

ชั่วโมงนิดๆ รถก็มาจอดอยู่หน้าตึกสูงระฟ้า มีป้ายหราอยู่ยอดสูงสุดเขียนไว้ว่า ‘DD Tower’ ชั้นที่สี่สิบแปดคือห้องทำงานของเขา เลขาสาวใหญ่วัยห้าสิบสองคอยอำนวยความสะดวกให้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งรายงานที่จะต้องเข้าประชุม ทั้งของว่างคือ กาแฟดำกับเค้กกล้วยหอมวางไว้ตรงหน้า พร้อมน้ำเปล่าเสร็จสรรพ

“เดี๋ยวยกเข้าห้องประชุมเลยครับคุณจิตร ผมไม่มีเวลาแล้ว”

นั่งยังไม่ทันถึงสามนาที ยังอ่านรายงานจากแฟ้มไม่จบ ก็จำต้องสั่งแล้วลุกพรวดพราดไปห้องประชุม มีผู้บริหารหลายฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว วาระเร่งด่วนที่จะต้องหยิบยกมาก่อนเรื่องอื่นคือ

“เรื่องคนส่งของเป็นยังไง ขอเนื้อๆ นะครับไม่เอาน้ำ”

เขาส่งเสียงเข้มไปหาผู้จัดการสาขา ซึ่งพนักงานสร้างปัญหาหนักให้จนต้องถูกเรียกตัวเข้าห้องประชุม หรือที่ทุกคนขนานนามว่า ‘ห้องพิจารณาคดี’ หรืออีกชื่อที่ไม่เป็นทางการคือ ‘ห้องเย็น’ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าอ่านรายงานในแฟ้มต่อ แม้จะฟังจากเลขา จากผู้ช่วย และอุดม ผู้เป็นลุงของเขาในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสมาแล้วก็ตาม

“คือเด็กมันทำกล่องของตกแตก ของข้างในเลยหลุดออกมา พอเห็นว่าเป็นอะไรก็พากันหัวเราะ แล้วแกะออกมาเล่น เล่นไปเล่นมาก็ลามไปถึงเอาลงเฟซบุ๊ก แล้วก็อย่างที่เป็นข่าวนั่นล่ะครับ พอดีเด็กมันเมานิดๆ ด้วย เลยสติไม่เต็มร้อย...”

อันที่จริงเขาไม่ได้ฟังผู้จัดการรายงานสักนิด เพราะกำลังสนใจกับแฟ้มอยู่ ปัญหาใหญ่ขนาดต้องเปิดประชุมด่วนชนิดที่เขากลับจากไปติดต่อลูกค้ารายใหญ่ที่อเมริกาแล้วเข้าบ้านไม่ได้ ต้องมาประชุมก่อนนี้ก็คือ

พนักงานส่งของในบริษัทเห็นจากเครื่องสแกน ว่าของในกล่องเป็นสินค้าจำพวกให้ความสำราญทางอารมณ์ หรือที่เรียกกันว่า ‘เซ็กส์ทอย' เลยเอาออกมาเล่น จนเลยเถิดไปถึงขนาดเอาชื่อลูกค้าส่งต่อๆ กันไป ยังความอับอายให้ลูกค้า และสร้างความเสียหายให้บริษัทเป็นอันมาก

“คุณลุงคิดว่าไงครับ” ผู้จัดการเล่าจบเขาก็หันไปหาที่ปรึกษาทันที

“หักเงินเดือน ให้พักงาน หรือไม่ก็ย้ายไปสาขาอื่นดีมั้ยครับ”