อาญาซาตาน (พระเอกร้ายมาก)

183.0K · จบแล้ว
กันเกรา
125
บท
13.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

กัณหา ปานประธีป คือหนึ่งในสองของฆาตรกรที่เขาทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยเสียเองแล้วตามมาพิพากษาในโทษทัณฑ์ที่พรากชีวิตน้องสาวสุดรักของเขาไป ด้วยการหยิบยื่นความสูญเสียให้เธอและคนในครอบครัว --------------------------------------------------- ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

นิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกนางเอกเก่งแก้แค้นจีบเมียเก่าสัญญาทางรักพลิกชีวิตโรงแรม/มหาลัยครอบครัวใช้ความรุนแรงแต่งงานแทน

1

รัก VS กตัญญู

ตอน 1

“โรงพยาบาลนี่ดีนะหล่อน ใครเจ็บบางตายส่งมาที่นี่รอดทุกราย เรื่องค่ารักษาไว้ค่อยคิดทีหลัง เอาชีวิตคนไว้ก่อน ลูกชายเพื่อนฉันเกิดอุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อน จะตายแหล่ไม่ตายแหล่แล้ว พวกกู้ภัยหามมาส่งที่นี่รอดอย่างปาฏิหาริย์ จำไว้นะหล่อนถ้าคนในบ้านเป็นอะไรเอามาที่นี่เลย อ้อ!!! ห้างนั้นก็จะมีซัมเมอร์เซลพรุ่งนี้นะหล่อน อย่าลืมเตรียมเงินไว้ล่ะ ร้านข้าวต้มนั่นก็อร่อยมาก ฉันกินประจำไว้วันหลังเรามากินกันนะ...”

‘กัณหา ปานประธีป’ กับ ‘ชาลี ยอดสกุล’ สองพี่น้องคนละพ่อต่างหันไปยิ้มให้กันน้อย ๆ เมื่ออาเจ้ในสองแถวจ้อไม่หยุด จนคนในรถหูชาไปตาม ๆ กัน

“เฮ้อ!!! สบายหูจังเลยน้อพี่นิ่ม เบื่อจริงเวลานั่งรถมาเจอยายสองเจ่นั่นน่ะ”

ลงจากสองแถวได้ชาลีวัยยี่สิบปีเต็มก็บ่นน้อย ๆ พลางยื่นมือไปช่วยพี่สาวถือถุงอาหารสดกับข้าวของสำหรับให้ยายทำขนมไว้ขายวันต่อไป สองพี่น้องเดินตามตรอกเล็ก ๆ ความมืดเริ่มเคลื่อนเข้ามา เพราะใกล้จะหนึ่งทุ่ม

เกือบห้าร้อยเมตรก็ถึงย่านชุมชน ทั้งสองก้าวเดินไปตามสะพานไม้เก่า ๆ อย่างคล่องแคล่ว ลัดเลาะไปเรื่อยอีกห้าร้อยเมตรก็ถึงบ้านหลังน้อย ซึ่งเป็นวิมานของสามชีวิตมาหลายปีดีดัก จนชาชินกับกลิ่นน้ำคลำเหม็น ๆ ไปโดยปริยาย

“ยายไปไหนนะ ทำไมเปิดบ้านทิ้งไว้ ไม่กลัวใครเข้ามาฆ่าข่มขืนเลยหรือไง”

ชาลีบ่นไปตามเรื่องเมื่อก้าวขึ้นระเบียงไม้เก่า ๆ ไม่เห็นยายนั่งตัดใบตองรออยู่เหมือนทุกวัน

“สงสัยจะทำกับข้าวอยู่ในครัวมั้ง กลิ่นแกงเผ็ดหอมฟุ้งเชียว”

กัณหาวางกระเป๋าสะพายไว้โต๊ะกลางหน้าทีวี แล้วชะโงกคอไปหลังบ้าน ที่จัดสรรเป็นครัวไว้หุงหาอาหาร เพราะจำได้ว่าเย็นนี้ยายจะทำเมนูโปรดของน้องรอ ร่างสูงร้อยเจ็ดสิบในชุดกางเกงขาเดฟผ้ามันสีเทากับเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางสีฟ้าอ่อน ต้องนิ่งอยู่กับที่เมื่อเดินเข้าครัวแล้วเห็นแกงในหม้อตั้งไฟเดือดปุด ๆ อยู่

“ยาย!!! หนุ่ม! เร็วเข้า ยายเป็นอะไรไม่รู้!!!”

แล้วเห็นยายนอนฟุบอยู่กับพื้น จึงร้องเรียกน้องส่วนตัวรีบวิ่งเข้าไปพลิกยายให้หงายขึ้นอย่างยากลำบาก หากไม่มีน้องวิ่งมาช่วย

“ยาย!!! จะทำไงดีล่ะพี่นิ่ม” ชาลีตกใจไม่น้อยไปกว่าพี่ คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง

“พาไปโรงพยาบาลดีกว่าหนุ่ม ปิดเตาแล้วไปตามลุงเลื่อนมาช่วยเร็ว ๆ นะ”

แล้วบ้านหลังน้อยของสามยายหลาน ก็มีเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียงต่างวิ่งมาช่วยกันหามยายจำปาที่ไม่ได้สติ ส่งโรงพยาบาลที่กัณหามักจะได้ยินสองเจ้บรรยายสรรพคุณให้ฟังในสองแถวหลายรอบทันที เพราะใกล้สุดบวกกับความเป็นห่วงในชีวิตยาย โดยไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาเลย

“คนไข้เส้นเลือดในสมองแตกต้องผ่าตัดด่วนครับ ญาติช่วยเซ็นเอกสารยินยอมด้วยนะครับ”

กัณหารีบทำตามคำแพทย์ทันที ปล่อยหน้าที่การเดินไปส่งเพื่อนบ้านให้เป็นของน้อง ส่วนตัวเองนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความกังวล

“นิ่ม!!! ยายเป็นยังไงบ้าง”

‘ธีระนัย นิยม’ มีสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย เมื่อมาถึงหน้าห้อง

“เป็นไปได้ยังไงน่ะนิ่ม เมื่อเช้ายังทำขนมอยู่ดี ๆ เลย”

‘ชลธิชา แสงชัย’ ที่เดินหน้าตื่นมาพร้อมกันอดสงสัยไม่ได้เมื่อกัณหาถ่ายทอดคำบอกของแพทย์ทุกอย่างไปให้คนรักกับเพื่อนรู้

“ไม่รู้เหมือนกันชล ต้องรออย่างเดียวเท่านั้น” น้ำตาแห่งความหวาดกลัวว่ายายจะจากไปไหลออกมาอีกขณะบอกเล่า

“ทำใจดี ๆ ไว้นะนิ่ม ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”

ธีระนัยทรุดตัวลงนั่งข้างแฟน ดึงมือทั้งสองขึ้นมากุมไว้เพื่อให้กำลังใจ เพียงเท่านั้นกัณหาก็โผลเข้าไปซบอกเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างยากจะเก็บกดเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว วงแขนแข็งแรงโอบกอดคนรักด้วยความสงสาร มือก็ลูบแผ่นหลังไปมาเพื่อปลอบประโลม

ชาลีกับชลธิชาหันไปมองกันด้วยใบหน้าเศร้า เมื่อเห็นอาการของคู่รักที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน นับตั้งแต่ทั้งสองเรียนอาชีวจนจบต่อปริญญาในภาคเสาร์อาทิตย์ แถมยังต้องทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนไปด้วย รวมเวลาที่คบกันมาก็เข้าปีที่สี่แล้ว

“ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดีครับ ต้องรอให้คนไข้ฟื้นก่อน หมอถึงจะตอบได้ว่าอาการเป็นยังไง ญาติกลับบ้านไปพักก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรด่วนทางโรงพยาบาลจะโทรแจ้ง”

ตีสองแล้วยายถึงถูกพาเข้าไปอยู่ในห้องซีซียู แพทย์ถึงได้ออกมาแจ้งผล ธีระนัยกับชลธิชาไปส่งสองพี่น้อง แล้วค้างที่บ้านด้วยเลย วันรุ่งขึ้นหลังกินมื้อเช้าแล้วทุกคนตรงมาโรงพยาบาลทันที เพราะเป็นวันหยุดพอดี เลยไม่ต้องทำงาน ส่วนชาลีก็ไม่ได้ไปเรียน แต่ต้องทำงานที่คาร์แคร์ ซึ่งเป็นการหารายได้พิเศษอยู่แล้ว

“ตอนนี้ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ห้าแสนเก้าค่ะ ยังไม่คิดค่ารักษาวันนี้นะคะ ไม่ทราบว่าญาติสะดวกจะชำระเลย หรือว่าจะรอให้ถึงวันเช็คเอ้าท์ทีเดียวคะ”

“เอ่อ! งั้นรอก่อนดีกว่าค่ะ”

กัณหาส่งยิ้มจาง ๆ ให้พยาบาล ก่อนจะเดินนำทุกคนไปนั่งหน้าห้องซีซียูดังเดิม ชาลีเป็นกังวลไม่น้อยในอาการยาย และค่ารักษาที่รู้ดีว่าพี่ไม่มีจ่ายเป็นแน่

“หนุ่มจะไปทำงานก่อนนะพี่นิ่ม แล้วจะลองขอยืมเงินเถ้าแก่ด้วย เผื่อจะได้มาเพิ่มกัน”

กัณหาพยักหน้าให้น้องอย่างเสียไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าไม่มีทางที่น้องจะทำอย่างที่บอกไว้ได้ หรือถ้าได้เถ้าแก่ก็คงจะให้ยืมไม่กี่หมื่นบาทเป็นแน่

“เรามีเงินสดแปดหมื่นนะนิ่ม กลับไปจะขอยืมพ่อกับแม่เพิ่มอีก นิ่มไม่ต้องห่วงนะ เราต้องผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้แน่”

ธีระนัยส่งน้ำเสียงหนักแน่นและไม่คิดจะเสียดายเงินที่เก็บมาตั้งแต่เริ่มทำงานควบคู่ไปกับการเรียส ปวส. และปริญญาตรี ซึ่งพอ ๆ กับกัณหาที่ทำแบบเดียวกัน และมีเงินเก็บจำนวนไม่มากเกินกันสักเท่าไหร่