นิยาย
โฮสต์ในฝัน
Intro… ผู้ชายที่ฉันหิ้วกลับห้องทุกครั้งที่ไปดื่ม ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเขาคือหนุ่มบาร์โฮสต์ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นหมอและหุ้นส่วนผับ
มากกว่าเพื่อน ตั้งแต่แรก
“เมื่อผมโดนยัดเยียดตำแหน่งเพื่อนที่ดีที่สุดให้ ทั้งที่ใจผมคิดกับเธอมากกว่าเพื่อนตั้งแต่แรก วันนี้ผมต้องการจะข้ามเส้นจากเพื่อนไปเป็นคนรัก” เรย์ & วิริน นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ก้าวแรกที่เธอก้าวเท้าเข้าเขตมหาวิทยาลัยในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง รถยนต์คันหรูหักเลี้ยวเข้ามาในมหาวิทยาลัยและขับด้วยความเร็วจนเกือบชนเข้ากับ วาริน หญิงสาวที่กำลังเดินข้ามถนนมาฝั่งที่มีฟุตบาท คู่กรณีคนขับรถไม่แม้แต่จะลงมากล่าวขอโทษเธอเลยสักนิด เรย์ เอาแต่มองใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวจนรถที่ขับตามหลังมาจอดติดยาวหลายสิบคัน และก่อนที่เขาจะถูกสาปแช่งไปมากกว่านี้ควรต้องรีบขับรถออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด เขาหักพวงมาลัยเลี้ยวออกพร้อมกับเหยียบคันเร่งเร่งเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันและกลิ่นน้ำมันเหม็นคลุ้ง ลานกิจกรรมเป็นที่ที่ให้เรย์และวารินมาเจอหน้ากันเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มเริ่มวางแผนให้เธอมาอยู่ใกล้ตัวมากที่สุดนั่นก็คือ สถานะเพื่อน เพื่อนที่เขาไม่เคยคิดกับเธอแค่เพื่อนตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงตอนนี้ “เราสองคนมาช้า เดินมาด้านหน้าเลยค่ะ” เท้าเล็กเดินไปด้านหน้าตามคำสั่งของรุ่นพี่ มือสองข้างประสานกันแน่นอยู่หน้าขาเกิดอาการประหม่า “วันนี้เปิดเทอมวันแรกทำไมถึงมาสายคะ” “เอ่อคือ..คือหนูพึ่งเคยเดินทางในกรุงเทพฯ วันแรกค่ะเลยกะเวลาเดินทางไม่ถูก” วารินตอบกลับไปตามความจริงเพราะวันนี้มหาลัยต่าง ๆ ก็เริ่มเปิดเทอมรถจึงติดมากกว่าปกติ ขนาดวันนี้เธอเผื่อเวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงยังมาสาย “โอเคค่ะพี่เข้าใจ พวกเราหลายคนอาจจะเป็นเด็กต่างจังหวัดยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางในกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ วันหลังก็เผื่อเวลาเดินทางกันด้วยนะคะ เข้าไปนั่งรวมแถวกับเพื่อนได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากรุ่นพี่วารินและเพื่อนอีกคนก็ไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ มานั่งลงต่อจากเรย์ที่นั่งอยู่ท้ายแถว “เธอเราชื่อไนร่านะ เธอชื่ออะไรเหรอ” หญิงสาวที่นั่งถัดจากวารินสะกิดด้านหลัง “เราชื่อวารินน่ะ” วารินตอบกลับน้ำเสียงเป็นมิตร “นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อไนร่าส่วนนี่ชื่อวาริน” ไนร่าเอื้อมมือไปสะกิดแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าวาริน จนเจ้าของแผ่นหลังกว้างเอี้ยวตัวหันมา “สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม “อืม” ใบหน้าเรียบนิ่งตอบกลับสั้น ๆ สายตาคมเหลือบมองหน้าวารินแวบหนึ่ง สายตาทั้งสองประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่เรย์จะหันหน้ากลับไปทันที ทุกคนนั่งฟังรุ่นพี่ชี้แจงกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถูกปล่อยแยกย้ายไปตามสาขาของแต่ละคน “วารินเธอเรียนสาขาไหนเหรอ ฉันเรียนสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business)” ไนร่าเอ่ยถามวารินขณะที่ทั้งสองเดินแยกแถวออกมา “สองสาวเรียนคณะเดียวกันกับพวกเราเลย สนใจมาเป็นเพื่อนกับพวกเราไหมครับ” ยังไม่ทันที่วารินจะตอบคำถามของไนร่า เทมป์ที่เดินอยู่ด้านหลังก็พูดแทรกเข้ามาดื้อ ๆ “ได้สิ พวกเราก็ยังไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” ไนร่าตอบกลับพร้อมจูงมือวารินเดินไปทางสามหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ถ้างั้นขอแนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อเทมป์ คนนี้ชื่อโซน ส่วนไอ้นั่นชื่อเรย์” “ฉันชื่อไนร่า ส่วนนี่วาริน” สายตาเรียบนิ่งมองหน้าวาริน ทั้งสองมองหน้ากันอยู่นานและเป็นวารินที่ต้องเบนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น “อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าคลาสแรก พวกเราไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันดีกว่า” นี่คือความสัมพันธ์ที่ชายหนุ่มตั้งใจสร้างมันขึ้นมา คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ มากกว่าเพื่อน "นายทำแบบนี้ ฉันถามนายจริงๆ เถอะ นายเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนนายไหม" "ก็ไม่คิดอยากเป็นเพื่อนตั้งแต่แรก" "นายหมายความว่าไง" "หายโง่เมื่อไหร่ก็จะรู้เองแหละ" ระยะห่างที่พยายามรักษามานานหลายปีกำลังจะพังลงเพียงเพราะความหึงหวงที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน กำแพงที่สร้างไว้กำลังพังลง กำแพงคำว่าเพื่อนและจะกลายเป็นมากกว่าเพื่อน
บอดี้การ์ดฝีปากกล้าหลงมารยาคุณหนูขี้อ่อย
“ทำไมคุณปล่อยข้างใน ทำไมไม่ป้องกันล่ะคะ” “เอาออกไม่ทัน” คำตอบที่คนฟังรู้อยู่เต็มอกว่าเขานั้นตั้งใจแช่ไว้จังหวะสุดท้ายไม่ยอมถอดออกเอง ไม่ใช่ถอดออกไม่ทันเหมือนที่ให้คำตอบเธอ “แล้วถ้าเกิดพลาดแล้วท้องขึ้นมาล่ะ” “เด็กหนึ่งคนจะเลี้ยงให้โตได้ในสังคมที่มีคุณภาพใช้เงินไม่เกินร้อยล้าน เพราะฉะนั้นผมเลี้ยงเด็กได้มากกว่าสิบคน จะกังวลทำไม” ธาราตอบเหมือนเป็นเรื่องง่ายราวกับว่าเด็กที่กำลังจะเกิดมานั้นไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง “เด็กจะโตมาอย่างมีคุณภาพไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียวที่สำคัญ ครอบครัวสมบูรณ์ที่มีพ่อและแม่อยู่ก็สำคัญ” “คุณก็ยังไม่ตาย ส่วนผมก็ยังไม่รีบตายตอนนี้” “ฉันหมายถึงครอบครัวที่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบครัว” มุกดาแว๊ดเสียงใส่ด้วยความโมโห หน้าแดงหูแดง “รอให้เขามาเกิดก่อนค่อยคิด”
คลั่งรักเด็กเช่า
“ลูกของฉันเธอเอาเขาไปไว้ที่ไหน เธอจะแต่งงานกับใครฉันไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่เธอไม่ควรฆ่าลูกของเรา” “ลูกของเรา?” “ก็ที่ตรวจครรภ์ในห้องน้ำที่ขึ้นสองขีดก่อนที่เธอจะหนีฉันไปไง” “หนูไม่ได้ท้อง หนูแค่เป็นโควิด” เมื่อวันหนึ่งเขาต้องการเช่าผู้หญิงมาไว้สนองเรื่องบนเตียง โดยทำสัญญา 4 ปี และจ่ายค่าตอบแทนให้เธอ 4 ล้านบาท โดยมีข้อตกลงสำคัญคือหญิงสาวคนนั้นต้องไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว รวมถึงห้ามแสดงตัวว่าเป็นผู้หญิงของเขาในที่สาธารณะ หลุมพรางที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น วันหนึ่งเขากับเป็นคนตกหลุมพรางนั้นเสียเอง จนเผลอมีความรู้สึกให้เธอแต่ไม่สามารถดึงเธอให้อยู่ข้างกายเขาได้อีกต่อไป เป็นเพราะทิฐิที่เขามีจึงเสียเธอไป
เด็กกำพร้ากับมาเฟียคลั่งรัก
"ผมรักพลอยใสเหมือนน้องสาวเท่านั้นครับไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น" ธารารีบบอกคนเป็นนายออกไปทันที“ก็ดี ต่อไปจะได้ไม่เสียการปกครอง”“ครับ สมภารย่อมไม่กินไก่วัด..เดี๋ยวจะเสียการปกครอง”
ถนนสายเดิม
“เธอเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ถ้าไม่มีเธออวัยวะทุกส่วนของร่างกายจะล้มเหลวรวมทั้งหัวใจของผมด้วย”
หมอในฝัน (หมอภีร์)
“ไอ้ภีร์ สรุปมึงรู้ใจตัวเองหรือยังว่าคิดอย่างไรกับปลายฟ้า” ภาคย์ยังคงยิงคำถามไปยังคนที่นั่งหลับตานิ่งแต่สมองยังคงทำงานหนัก คำถามของภาคย์ทำให้ภีร์นิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะตอบภาคย์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามความรู้สึกที่มีในตอนนี้ “กูรู้สึกดีที่ได้เห็นและอยู่ใกล้ปลายฟ้า แต่กูไม่แน่ใจว่ามันคือความรักหรือเปล่า” ภาคย์ที่ได้ฟังคำตอบของภีร์จึงยกคำถามที่จะทำให้คนเป็นเพื่อนได้รู้ใจตัวเองเร็วขึ้น “งั้นกูขอถามอะไรมึงหน่อย” “อะไร” “มึงทนเห็นเขาเจ็บปวดหรือเสียใจอยู่ตรงหน้าโดยไม่รู้สึกอะไรได้หรือเปล่า” “ไม่” “เวลาเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะมึงมีความสุขใช่ไหม” “ใช่” “มึงอยากมีส่วนร่วมในทุก ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เขามีความสุขหรือเปล่า” “ใช่” “แล้วมึงทนเห็นเขาจูบกับคนอื่นได้ไหม” เวย์ที่นั่งฟังอยู่นานถามขึ้นทันทีที่ภาคย์พูดจบ “ไอ้ห่า..ใครจะไปทนได้วะ” สิ้นคำถามของเวย์ ภีร์ลืมตาขึ้นมามองเพื่อนทันทีพร้อมตอบกลับเสียงดังลั่น “มึงรักเขาไอ้ภีร์” เวย์สวนกลับคนไม่รู้ใจตนเองทันที
หมอในฝัน (หมอเวย์)
ผมที่ไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายในชีวิตส่วนตัว แต่วันนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอเข้ามาในชีวิตผมแบบไม่รู้ตัว จากชีวิตที่เงียบสงบ..วันนี้กลับมีเสียงเจื้อยแจ้วของใครอีกคนคอยถามโน่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา จากความสงบสุขกลายมาเป็นความวุ่นวาย และเปลี่ยนมาเป็นความเคยชิน..เคยชินที่มีเธออยู่ในชีวิต
คุณหมอที่รัก
“พระเจ้าทรงประทานเธอกลับมาให้ผมแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ผมจะปล่อยเธอหลุดมือไปง่ายๆ” เด็กผู้หญิงถักเปียเมื่อ5ปีก่อน ตอนนี้เธอกลายมาเป็นคนไข้ฉุกเฉินของผม อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแต่วันนี้ผมรู้สึกขอบคุณอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ทำให้ผมเจอเธออีกครั้ง ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ…. “คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชนมา ศีรษะกระแทกพื้นและมีบาดแผลถลอกครับ” “ห้องฉุกเฉินคุณหมอไม่พอ ติดเคสอุบัติเหตุหลายราย” ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นทางเดิน ขณะที่ไรเดอร์สาวนอนตะแคงอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นและมีเลือดไหลซึมออกมาบริเวณแผลที่ล้มกระแทกพื้น “พาคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินเลยครับ เคสนี้ผมดูเอง” “ค่ะ ศาสตราจารย์”
วิศวะมีเกียร์อยากมีเมียเป็นหมอ
ปอร์เช่หรือพอร์ชหนุ่มหล่อพ่อรวยเทพบุตรแห่งคณะวิศวะหรือสมบัติของมหาลัยกำลังศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่4ทำธุรกิจนำเข้ารถหรูหรือซุปเปอร์คาร์แบรนด์ดังจากทั่วโลกทั้งยังทำธุกิจด้านอสังหาและมีทรัพย์สินมากมายทั้งในและต่างประเทศ ปอร์เช่มีเพื่อนด้วยกัน3คนคือ โปรแกรม ลายเส้นและนาโน ทั้งหมดนี้คบกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน นิรินสาวสวยแห่งคณะแพทยศาสตร์นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่4ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยและโดดเด่นทำให้มีคนชื่นชอบเธอทั้งมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะหญิงหรือชายแต่นิรินมีบุคลิกภาพที่เงียบแม้จะมีคนตามจีบแต่เธอก็ไม่สนใจมักจะปฏิเสธกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยถ้อยคำที่สุภาพตรงไปตรงมา"ใจเรามีคนอยู่ในนั้นแล้ว" "พอร์ชรินขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยลาต่อหน้ารินไม่กล้าแม้แต่จะเจอหน้าพอร์ชเป็นครั้งสุดท้ายไม่กล้าแม้แต่จะกอดลารินคนขี้ขลาดคนนี้ขอโทษและหวังว่าพอร์ชจะให้อภัย ตอนนี้รินอยู่ที่สนามบินกำลังจะบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมืองไทยอีกหรือเปล่ารินมีความจำเป็นที่ต้องไปขอร้อง…พอร์ชอย่าโกรธรินเลยนะและอย่าเสียใจกับอดีตจงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าถ้าเรามีวาสนาต่อกันคงได้พบเจอกันอีกและได้กลับมารักกันอีก ลาก่อนพอร์ช หัวใจของริน"
เด็กของเฮดว๊าก
"เหตุผลที่ผมมาเป็นเฮดว๊ากเพราะผมอยากอยู่ในทุกๆช่วงเวลาของเธอ ผมอยากเดินและใช้ชีวิตในทุกๆ วันไปพร้อมกับเธอ คนสำคัญของผมคนนั้น..เธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ เวลานี้เช่นกัน" เชน หนุ่มวิศวะปี3 พ่วงตำแหน่งเฮดว๊าก หญ้าสาวน้อยน่ารักเฟรชชี่ปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์แฟนสาวของเชน พ่วงด้วยตำแหน่งดาวคณะและดาวมหาวิทยาลัย เอ แลคซีน เชนและหญ้า เป็นพี่น้องที่รักกันมากถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ หญ้าน้องเล็กที่สุดในกลุ่มและเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มทั้ง4คน เจอกันที่สนามแข่งรถ พัฒนาความสัมพันธ์พันจนกลายเป็นพี่น้องที่รักกันมาก คอยช่วยเหลือ สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้กันในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะหญ้าที่โดนตามใจประคบประหงมราวกับไข่ในหิน เชนเริ่มหลงหญ้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรก แต่ก็พยายามรักษาระยะห่างความสัมพันธ์เพียงแค่พี่น้องเสมอมาเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งทุกคนต่างรับรู้ความรู้สึกของเชนที่มีต่อหญ้าตั้งแต่ต้นรวมทั้งหญ้าเองก็มีความรู้สึกพิเศษให้เชนเช่นกัน แต่ด้วยความที่ยังเด็กการที่จะมีความรักแบบหนุ่มสาวคงยังไม่เหมาะสม ทุกคนต่างดำเนินชีวิตในฐานะพี่น้องมาตลอด6ปี จนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเมื่อหญ้าอายุครบ18ปีบริบูรณ์ และกำลังจะจบชั้นม.ปลาย เชนจึงขอหญ้าเป็นแฟน และขอนุญาตเอและแลคซีนซึ่งทั้งสองอนุญาต เพราะเชนให้เหตุผลว่า "น้องจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วต้องพบเจอผู้คนมากมาย ถ้าวันหนึ่งน้องเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเชนคงใช้ชีวิตต่อไปไม่ไหวถ้าไม่มีหญ้าเดินอยู่ข้างๆ
ผู้หญิงของมาเฟีย
"เธอเป็นของฉัน..ไม่มีสิทธิ์มองผู้ชายคนอื่น" ลีออนประกาศกร้าวเสียงดังให้หญิงสาวที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงรับรู้ถึงสถานะของตัวเอง "แต่หนูเป็นน้องคุณนะ คุณจะทำแบบนี้กับหนูไม่ได้" "แม่ฉันมีลูกคนเดียว" "ผู้หญิงของมาเฟีย" เป็นเรื่องราวของลีออนกับอิงดาว ชายหนุ่มผู้ได้รับฉายาว่าเป็นคนไร้หัวใจ บัดนี้กำลังตกหลุมรักเด็กสาวผู้ที่พึ่งเคยพบหน้าเพียงครั้งเดียว แต่ด้วยชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีความรักจึงไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร เขาจึงปฏิบัติต่อเด็กสาวที่ตนหลงรักอย่างเผด็จการและป่าเถื่อน การแสดงความเป็นเจ้าของแบบไม่มีสถานะที่ชัดเจนให้หญิงสาว เมื่อมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากคนใจร้ายเธอจึงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยที่จะเดินออกไป..ไปให้ไกลจากคนใจร้ายคนนี้ ชายหนุ่มกว่าจะรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้..วันนี้ก็ไม่มีเธออยู่ข้างๆ แล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นเมื่อเด็กสาวที่ตนหลงรักเธอกลับมีสถานะเป็นน้องสาวของเขาเพราะพ่อของชายหนุ่มได้แต่งงานใหม่กับแม่ของอิงดาว "พ่อเอาเธอไปไว้ไหน" มาเฟียหนุ่มกำลังตะโกนใส่หน้าผู้เป็นบิดาเสียงดังเมื่อเด็กสาวที่เคยนอนกอดทุกคืน บัดนี้ได้หายไปอย่างไร้วี่แวว "แกหมายถึงใคร ฉันไม่เคยยุ่งกับคนของแก" ลาครอสยังเล่นละครตีบทแตกได้อย่างดีเยี่ยม "อิงดาว พ่อเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน คืนเธอมาให้ผม" ใบหน้าทรุดโทรมหนวดเครารุงรังไร้การดูแลมาเป็นระยะเวลานานลาครอสถึงกับส่ายหัวให้กับบุตรชาย อาการหนักขนาดนี้ยังจะปากแข็งอยู่อีก "น้องสาวแกนะเหรอ พ่อส่งเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก..ปกติไม่เห็นสนใจ" ลาครอสยังปั่นประสาทลูกชายไม่หยุด ล่วงเกินลูกสาวเขาไม่คิดจะขออนุญาตแม่เขาสักคำทำเหมือนตนและดารินเป็นหัวหลักหัวตอ "เธอเป็นเมียผม พ่อจะเอาเธอไปไหนไม่ได้เธอต้องอยู่กับผม"