บทย่อ
“ไอ้ภีร์ สรุปมึงรู้ใจตัวเองหรือยังว่าคิดอย่างไรกับปลายฟ้า” ภาคย์ยังคงยิงคำถามไปยังคนที่นั่งหลับตานิ่งแต่สมองยังคงทำงานหนัก คำถามของภาคย์ทำให้ภีร์นิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะตอบภาคย์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามความรู้สึกที่มีในตอนนี้ “กูรู้สึกดีที่ได้เห็นและอยู่ใกล้ปลายฟ้า แต่กูไม่แน่ใจว่ามันคือความรักหรือเปล่า” ภาคย์ที่ได้ฟังคำตอบของภีร์จึงยกคำถามที่จะทำให้คนเป็นเพื่อนได้รู้ใจตัวเองเร็วขึ้น “งั้นกูขอถามอะไรมึงหน่อย” “อะไร” “มึงทนเห็นเขาเจ็บปวดหรือเสียใจอยู่ตรงหน้าโดยไม่รู้สึกอะไรได้หรือเปล่า” “ไม่” “เวลาเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะมึงมีความสุขใช่ไหม” “ใช่” “มึงอยากมีส่วนร่วมในทุก ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เขามีความสุขหรือเปล่า” “ใช่” “แล้วมึงทนเห็นเขาจูบกับคนอื่นได้ไหม” เวย์ที่นั่งฟังอยู่นานถามขึ้นทันทีที่ภาคย์พูดจบ “ไอ้ห่า..ใครจะไปทนได้วะ” สิ้นคำถามของเวย์ ภีร์ลืมตาขึ้นมามองเพื่อนทันทีพร้อมตอบกลับเสียงดังลั่น “มึงรักเขาไอ้ภีร์” เวย์สวนกลับคนไม่รู้ใจตนเองทันที
ตอนที่1 ภาพจำ
ณ โรงเรียนสอนดนตรี
“มินนี่ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี”
“ค่ะป่ะป๊ามินนี่จะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนค่ะ” สาวน้อยหน้าตาน่ารักยืนส่งยิ้มหวานให้ผู้ปกครองที่มาส่ง ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าไปด้านในโรงเรียน
“คุณครูปลายฟ้าสวัสดีค่ะ” เสียงใสกล่าวทักทายครูสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าพร้อมส่งรอยยิ้มหวานไปให้
“สวัสดีค่ะมินนี่คนสวย วันนี้มาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะคะ” ปลายฟ้าหันมาทักทายเด็กหญิงตัวเล็กที่สะพายกระเป๋าไวโอลินมาด้วย
“สวัสดีค่ะ คุณลุงเจสุดหล่อ” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสากล่าวทักทายชายหนุ่มที่ยืนคู่กับคุณครูสาวอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะคนสวย วันนี้ชุดน่ารักมากเลยนะครับ” เสียงทุ้มอบอุ่นกล่าวทักทายเด็กสาวตัวน้อย
“ขอบคุณค่ะ หนูขอเข้าไปด้านในก่อนนะคะ” เด็กน้อยโบกมือบ๋ายบายก่อนจะวิ่งหายเข้าไปด้านใน เหลือเพียงชายหนุ่มกับครูสาวสองคนที่ยังยืนคุยกันอย่างสนิทสนมอยู่ที่เดิม
“พี่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยเด็กดื้อของพี่” ทั้งสองกอดลากันก่อนจะผละออก และอยู่ ๆ ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาพูดแทรกขึ้น
“นี่เหรอครูปลายฟ้าที่มินนี่บอกน่ารักและนิสัยดี มายืนกอดกับผู้ชายอยู่หน้าโรงเรียนไม่รู้จักอายเด็กมันบ้างเลย” ภีร์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองและพูดขึ้นเสียงดังพอที่ทั้งสองจะได้ยินชัดเจนทุกคำ
“ที่นี่โรงเรียนและเด็กค่อนข้างเยอะ ผู้ใหญ่ที่ดีไม่ควรมายืนแสดงความรักในที่สาธารณะแบบนี้เพราะเด็กจะเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างได้ ผมว่าไม่ดีสักเท่าไหร่นะครับ ถ้าจะแสดงความรักกันรบกวนไปในที่ที่ลับสายตาคนจะดีกว่า” เมื่อพูดจบภีร์ก็เดินหันหลังกลับขึ้นรถและขับออกไปทันที
“เขาเป็นอะไรของเขา มาถึงก็ด่า ๆ ๆ แล้วก็เดินหนีไป” เจพูดขึ้นสีหน้างุนงงที่จู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาต่อว่าโดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอะไร
“ช่างเขาเถอะค่ะ เขาอาจจะพึ่งเจอเรื่องร้าย ๆ มาก็ได้ถือซะว่าเราได้ช่วยเป็นที่ระบายให้เขาแล้วกันค่ะ” ปลายฟ้าผู้ที่อ่อนโยนทั้งนิสัยและจิตใจและมักจะคิดบวกเสมอเอ่ยบอกกับคนเป็นพี่ เพราะอย่างนี้เธอจึงเป็นที่รักใคร่ของใครหลายต่อหลายคน
“ครับนางฟ้าของพี่ ไว้ถึงแล้วพี่จะโทรหานะ อยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองดี ๆ ดูแลคุณลุงกับคุณป้าให้ท่านแข็งแรง ไว้พี่จะรีบกลับมานะครับ” ชายหนุ่มผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงสมส่วนกำลังโอบกอดร่างบางอีกครั้ง ฝ่ามือยกขึ้นลูบศีรษะทุยเล็กอย่างเอ็นดูเป็นภาพที่น่ารักและมีสายตาอีกหลายคู่ที่มองมาอย่างชื่นชม
“รับทราบค่ะ ฟ้าจะดูแลคุณพ่อคุณแม่รวมถึงคุณป้าเป็นอย่างดี สัญญาด้วยเกียรติของคุณครูเลยค่ะ” มือขวายกขึ้นตะเบ๊ะทำความเคารพ รอยยิ้มสดใสของทั้งคู่ที่กำลังยิ้มให้กันนั้นเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์
หนุ่มสาวทั้งสองแยกย้ายจากกันหลังจากที่ร่ำลากันอยู่นาน ปลายฟ้าเดินเข้ามาในห้องเมื่อตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องเข้าสอนเด็ก ๆ แล้ว
ห้องเรียน
“สวัสดีค่ะเด็ก ๆ พร้อมเรียนกันหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ทุกคนนั้นเตรียมพร้อมเรียนกันทุกคนแล้ว
“พร้อมแล้วค่ะครูปลายฟ้า” เสียงเจื้อยแจ้วของมินนี่ตอบกลับตามมาด้วยเสียงเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ในคลาส
“ถ้าพร้อมแล้ว ครูขอชมฝีมือนักเรียนคนเก่งของครูหน่อยนะคะว่าที่ครูสอนไปเมื่อวาน…ลืมหรือยังเอ่ย ใครน๊า..จะอาสาเล่นให้ครูฟัง”
“หนูค่ะ” เด็กหญิงในชุดกระโปรงสีขาวลุกขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจพร้อมกับรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวซี่เล็ก ในมือถือไวโอลินคู่ใจ
“ว้าว! น้องมินนี่คนสวย วันนี้จะเล่นเพลงอะไรให้ครูฟ้าและเพื่อน ๆ ฟังคะ”
“เพลงคริสต์มาสค่ะ ใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้วหนูเลยฝึกเล่นเพลงนี้เอาไว้ไปเฉลิมฉลองกับป่ะป๊าและคุณแม่ค่ะ” เสียงไวโอลินที่สดใสบริสุทธิ์ถูกบรรเลงอย่างตั้งใจโดยฝีมือนักเรียนตัวน้อย เสียงเพลงที่ไพเราะผสมผสานกับความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม เสียงเพลงที่บรรเลงออกมาจากความรักที่บริสุทธิ์ทุกคนต่างตั้งใจฟังและเคลิ้มไปกับเสียงนั้น
แปะ ๆๆๆๆๆ เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อนักดนตรีตัวน้อยบรรเลงเพลงจบ และตามมาด้วยเสียงชื่นชมจากเพื่อร่วมคลาส
เวลาเลิกเรียน
ปลายฟ้าเก็บของเสร็จและเดินออกจากห้องเพื่อจะกลับบ้านระหว่างนั้นก็หันไปเจอเด็กสาวตัวน้อยนั่งหน้าเศร้าอยู่กับเจ้าหน้าที่ตรงโซนต้อนรับด้านหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถามไถ่
“น้องมินนี่ วันนี้ใครมารับคะ”
“ปะป๊าบอกว่าจะมารับค่ะ แต่ตอนนี้ก็เลยเวลานัดแล้วยังไม่เห็นมาเลยค่ะ” เสียงสดใสก่อนหน้าตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเศร้าสร้อย แววตาที่สดใสก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
“ลองโทรหาหรือยังคะ”
“โทรแล้วค่ะแต่ว่าปะป๊าไม่รับสาย น่าจะติดรักษาคนไข้อยู่น่ะค่ะ” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาถึงจะรู้สึกเสียใจแต่ก็ยังพยายามทำความเข้าใจว่าคนเป็นพ่อนั้นคงกำลังติดธุระสำคัญถึงยังมารับเธอไม่ได้
“โถ..คนเก่ง งั้นครูฟ้าพาไปกินไอศกรีมรอดีไหมคะ ไว้คุณพ่อเสร็จธุระแล้วคงรีบมารับนางฟ้าคนสวยแน่นอนค่ะ” ร่างบางนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ มือเรียวเล็กยกขึ้นลูบหัวลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างรักใคร่เอ็นดู
“แล้วถ้าปะป๊ามารับจะไม่เจอหนูเอานะคะ” ถึงจะอยากไปตามคำเชิญชวนของครูสาวแต่ก็กังวลว่าผู้เป็นพ่อมารับแล้วจะไม่เจอ
“อือ..งั้นเอาอย่างงี้นะคะ น้องมินนี่เอาโทรศัพท์ครูฟ้าส่งข้อความบอกคุณพ่อนะคะว่าเราจะไปกินไอศกรีมกัน ถ้าคุณพ่อมาถึงแล้วให้โทรหาน้องมินนี่ที่เบอร์ครูฟ้าดีไหมคะ” โทรศัพท์สีขาวถูกยื่นไปตรงหน้าเด็กน้อย
“ดีค่ะ” นิ้วเล็กกดพิมพ์ข้อความอย่างตั้งใจ ข้อความภาษาอังกฤษประโยคยาวเหยียดถูกกดส่งไปยังเบอร์ปลายทาง เมื่อแล้วเสร็จก็ส่งโทรศัพท์กลับคืนให้ปลายฟ้า
“เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นเราไปกันเลยนะคะ พี่น้ำคะถ้าคุณพ่อของน้องมินนี่มาฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าฟ้าพาน้องไปทานไอศกรีมที่ห้างข้าง ๆ นี้ ให้เขาโทรหาฟ้าได้เลยนะค่ะ” ประโยคแรกพูดกับเด็กหญิงตัวน้อยประโยคหลังหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับของโรงเรียน
“ได้ค่ะคุณฟ้า”
ทั้งสองคนเดินตามฟุตบาทที่เชื่อมไปยังห้างที่อยู่ติดกัน ใช้เวลาห้านาทีก็มาถึงร้านไอศกรีมตั้งอยู่ด้านในห้าง
“ครูฟ้าอนุญาตให้เลือกได้หนึ่งอย่างนะคะ น้องมินนี่อยากทานรสอะไรคะ”
“อยากทานรสสตอเบอรี่ค่ะ” เด็กหญิงตอบกลับเสียงใส
“งั้นเอารสสตอเบอรี่หนึ่งถ้วยและวานิลลาหนึ่งถ้วยค่ะ”
ระหว่างที่นั่งรอไอศกรีมปลายฟ้าก็ชวนลูกศิษย์ตัวน้อยคุยเรื่องดนตรีและเปิดคลิปการแสดงต่าง ๆ ให้ดูเพลิน ๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อ
“ขออนุญาตเสิร์ฟไอศกรีมครับ ทานให้อร่อยนะครับ” ไอศกรีมหน้าตาน่ารับประทานสองถ้วยถูกยกมาเสิร์ฟ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงทั้งสองที่นั่งทานไอศกรีมรสโปรดอย่างเอร็ดอร่อยก็พากันเดินออกจากร้านเพื่อไปดูการแสดงดนตรีที่ลานกิจกรรมชั้นล่างเพื่อรอเวลาผู้ปกครองมารับ
ทางด้านหมอภีร์
หลังจากที่ผ่าตัดคนไข้เคสด่วนเสร็จแล้วก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา ปรากฏว่าตอนนี้เลยเวลานัดกับลูกสาวมาชั่วโมงกว่า ๆ แล้ว เท้ายาวรีบเดินฉับ ฉับ ฉับ กลับไปยังห้องพักเพื่อเก็บของ หยิบโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูก็เจอกับข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จักส่งเข้ามา นิ้วเรียวยาวเลื่อนไปกดเพื่อเปิดอ่าน
[Father, Minnie went to eat ice cream with Teacher Plaifah at the department store. Father arrives, father can call Teacher Plaifah's number. "Minnie"] คุณพ่อคะมินนี่ไปทานไอศกรีมกับครูปลายฟ้าที่ห้าง คุณพ่อมาถึงโทรหามินนี่ที่เบอร์ครูปลายฟ้าได้เลยค่ะ “มินนี่”
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อยนึกว่าจะงอแงร้องไห้ซะแล้ว เก่งขึ้นทุกวันนะลูกสาวพ่อ” เบอร์โทรศัพท์สิบหลักถูกบันทึกไปยังรายชื่อติดต่อใหม่ (Plaifah) หลังจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะคว้ากุญแจรถและตรงบึ่งไปยังลิฟต์เพื่อจะลงไปยังลานจอดรถด้านล่าง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถยนต์คันหรูเข้ามาจอดที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังแทนที่จะเป็นโรงเรียนสอนดนตรีที่ตั้งอยู่ติดกันแทน
กริ๊ง ๆ ๆ เสียงแจ้งเตือนสายเข้า
“สวัสดีค่ะ” ปลายฟ้ากดรับสายเบอร์ที่ไม่รู้จัก
“สวัสดีครับผมเป็นพ่อของมินนี่ ตอนนี้คุณพาลูกผมไปไหนเมื่อสักครู่นี้ผมเดินไปหาที่ร้านไอศกรีมแล้วไม่เจอ” เสียงทุ้มดูหงุดหงิดยิงคำถามใส่ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวจึงเผลอพูดจาน้ำเสียงไม่ดีใส่
“ตอนนี้เราอยู่ที่ลานดนตรีค่ะ” ปลายฟ้าตอบกลับน้ำเสียงสุภาพและจูงมือลูกศิษย์ตัวน้อยออกมารอตรงลานกว้างที่สามารถมองเห็นได้ชัด
“มินนี่ปะป๊าขอโทษนะครับที่มารับช้า วันนี้คนไข้ปะป๊าเยอะมากเลยครับ มินนี่ไม่โกรธปะป๊าใช่ไหมครับ” ร่างสูงหุ่นนายแบบโผลเข้ากอดบุตรสาวและอุ้มขึ้นมาไว้บนแขน มือเล็กทั้งสองข้างโอบรอบลำคอหนา
“ไม่โกรธค่ะมินนี่เข้าใจ ปะป๊าต้องช่วยรักษาคนไข้ก่อนเพราะชีวิตคนไข้รอไม่ได้ค่ะ” เด็กน้อยตอบกลับอย่างรู้ความ ความคิดช่างสวนทางกับอายุซะเหลือเกิน เด็กที่อายุพึ่งจะแปดขวบแต่แนวความคิดราวกับผู้ใหญ่
“ครูฟ้าคะ นี่ปะป๊าของมินนี่ค่ะ ชื่อปะป๊าภีร์ ปะป๊าคะส่วนนี่ครูปลายฟ้าคนสวยที่มินนี่เล่าให้ฟังบ่อย ๆ ค่ะ” เด็กหญิงทำหน้าที่เป็นทูตตัวน้อยแนะนำผู้ใหญ่ทั้งสองให้รู้จักกัน
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลมินนี่ให้” เสียงทุ้มกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายแต่สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่วันหลังถ้าผู้ปกครองไม่สามารถมารับเด็กได้ตรงเวลารบกวนโทรแจ้งทางโรงเรียนด้วยนะคะ ทางโรงเรียนจะได้ช่วยดูแลให้ระหว่างรอ หรือถ้าผู้ปกครองคิดว่าตัวเองมารับไม่ได้ก็สามารถให้คนอื่นมารับแทนได้ค่ะ แต่ขอให้แจ้งทางโรงเรียนให้ทราบก่อนค่ะ” ปลายฟ้าบอกออกไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นเพราะนักเรียนในคลาสของเขานั้นเป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบขวบทั้งนั้นและเด็กเหล่านี้ก็ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ไม่สามารถเดินทางหรือไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง
“ครับครั้งต่อไปผมจะโทรแจ้งก่อนล่วงหน้า ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเสียเวลาไปจู๋จี๋กับแฟน ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบภีร์ก็เดินอุ้มเด็กน้อยเดินออกไปทันทีทิ้งให้ปลายฟ้ายืนงงอยู่กับประโยคเมื่อครู่อยู่คนเดียว
“เมื่อเช้าก็ว่าฉันไปครั้งหนึ่งแล้ว มาตอนเย็นคุณก็ยังมาว่าฉันอีก อาชีพหมอทำงานหนักถึงขั้นเก็บกดขนาดนี้เลยหรือไง” ปลายฟ้าบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่สักพักและเมื่อรับรู้ว่ากำลังมีสายตาหลายคู่นั้นกำลังมองมาที่ตนก็รีบเดินออกจากบริเวณนั้นโดยเร็ว
“เมื่อกี้ที่ปะป๊าคุยกับครูปลายฟ้ามินนี่ได้ยินปะป๊าพูดว่าแฟน..ใครมีแฟนเหรอคะ” เด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เห็นอะไรได้ยินอะไรมักจะเอามาตั้งคำถามเสมอและมินนี่ก็จัดอยู่ในกลุ่มนั้น
“ก็ครูปลายฟ้าของมินนี่ไงคะ”
“ครูปลายฟ้าเปล่ามีแฟนนะคะ” เด็กน้อยยืนยันเสียงแข็งว่าครูปลายฟ้าแสนสวยเธอนั้นยังไม่มีแฟน
“เมื่อเช้าปะป๊ายังเห็นยืนคุยกับแฟนอยู่เลยค่ะ”
“คุณลุงสุดหล่อคนเมื่อเช้าชื่อลุงเจค่ะ แต่ปะป๊าเข้าใจผิดนะคะลุงเจยังไม่ได้เป็นแฟนครูปลายฟ้าค่ะ ปะป๊ายังพอมีหวังค่ะ”