มากกว่าเพื่อน ตั้งแต่แรก

117.0K · จบแล้ว
ดาวิเด
46
บท
11.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เมื่อผมโดนยัดเยียดตำแหน่งเพื่อนที่ดีที่สุดให้ ทั้งที่ใจผมคิดกับเธอมากกว่าเพื่อนตั้งแต่แรก วันนี้ผมต้องการจะข้ามเส้นจากเพื่อนไปเป็นคนรัก” เรย์ & วิริน นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ก้าวแรกที่เธอก้าวเท้าเข้าเขตมหาวิทยาลัยในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง รถยนต์คันหรูหักเลี้ยวเข้ามาในมหาวิทยาลัยและขับด้วยความเร็วจนเกือบชนเข้ากับ วาริน หญิงสาวที่กำลังเดินข้ามถนนมาฝั่งที่มีฟุตบาท คู่กรณีคนขับรถไม่แม้แต่จะลงมากล่าวขอโทษเธอเลยสักนิด เรย์ เอาแต่มองใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวจนรถที่ขับตามหลังมาจอดติดยาวหลายสิบคัน และก่อนที่เขาจะถูกสาปแช่งไปมากกว่านี้ควรต้องรีบขับรถออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด เขาหักพวงมาลัยเลี้ยวออกพร้อมกับเหยียบคันเร่งเร่งเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันและกลิ่นน้ำมันเหม็นคลุ้ง ลานกิจกรรมเป็นที่ที่ให้เรย์และวารินมาเจอหน้ากันเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มเริ่มวางแผนให้เธอมาอยู่ใกล้ตัวมากที่สุดนั่นก็คือ สถานะเพื่อน เพื่อนที่เขาไม่เคยคิดกับเธอแค่เพื่อนตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงตอนนี้ “เราสองคนมาช้า เดินมาด้านหน้าเลยค่ะ” เท้าเล็กเดินไปด้านหน้าตามคำสั่งของรุ่นพี่ มือสองข้างประสานกันแน่นอยู่หน้าขาเกิดอาการประหม่า “วันนี้เปิดเทอมวันแรกทำไมถึงมาสายคะ” “เอ่อคือ..คือหนูพึ่งเคยเดินทางในกรุงเทพฯ วันแรกค่ะเลยกะเวลาเดินทางไม่ถูก” วารินตอบกลับไปตามความจริงเพราะวันนี้มหาลัยต่าง ๆ ก็เริ่มเปิดเทอมรถจึงติดมากกว่าปกติ ขนาดวันนี้เธอเผื่อเวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงยังมาสาย “โอเคค่ะพี่เข้าใจ พวกเราหลายคนอาจจะเป็นเด็กต่างจังหวัดยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางในกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ วันหลังก็เผื่อเวลาเดินทางกันด้วยนะคะ เข้าไปนั่งรวมแถวกับเพื่อนได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากรุ่นพี่วารินและเพื่อนอีกคนก็ไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ มานั่งลงต่อจากเรย์ที่นั่งอยู่ท้ายแถว “เธอเราชื่อไนร่านะ เธอชื่ออะไรเหรอ” หญิงสาวที่นั่งถัดจากวารินสะกิดด้านหลัง “เราชื่อวารินน่ะ” วารินตอบกลับน้ำเสียงเป็นมิตร “นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อไนร่าส่วนนี่ชื่อวาริน” ไนร่าเอื้อมมือไปสะกิดแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าวาริน จนเจ้าของแผ่นหลังกว้างเอี้ยวตัวหันมา “สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม “อืม” ใบหน้าเรียบนิ่งตอบกลับสั้น ๆ สายตาคมเหลือบมองหน้าวารินแวบหนึ่ง สายตาทั้งสองประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่เรย์จะหันหน้ากลับไปทันที ทุกคนนั่งฟังรุ่นพี่ชี้แจงกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถูกปล่อยแยกย้ายไปตามสาขาของแต่ละคน “วารินเธอเรียนสาขาไหนเหรอ ฉันเรียนสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business)” ไนร่าเอ่ยถามวารินขณะที่ทั้งสองเดินแยกแถวออกมา “สองสาวเรียนคณะเดียวกันกับพวกเราเลย สนใจมาเป็นเพื่อนกับพวกเราไหมครับ” ยังไม่ทันที่วารินจะตอบคำถามของไนร่า เทมป์ที่เดินอยู่ด้านหลังก็พูดแทรกเข้ามาดื้อ ๆ “ได้สิ พวกเราก็ยังไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” ไนร่าตอบกลับพร้อมจูงมือวารินเดินไปทางสามหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ถ้างั้นขอแนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อเทมป์ คนนี้ชื่อโซน ส่วนไอ้นั่นชื่อเรย์” “ฉันชื่อไนร่า ส่วนนี่วาริน” สายตาเรียบนิ่งมองหน้าวาริน ทั้งสองมองหน้ากันอยู่นานและเป็นวารินที่ต้องเบนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น “อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าคลาสแรก พวกเราไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันดีกว่า” นี่คือความสัมพันธ์ที่ชายหนุ่มตั้งใจสร้างมันขึ้นมา คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ มากกว่าเพื่อน "นายทำแบบนี้ ฉันถามนายจริงๆ เถอะ นายเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนนายไหม" "ก็ไม่คิดอยากเป็นเพื่อนตั้งแต่แรก" "นายหมายความว่าไง" "หายโง่เมื่อไหร่ก็จะรู้เองแหละ" ระยะห่างที่พยายามรักษามานานหลายปีกำลังจะพังลงเพียงเพราะความหึงหวงที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน กำแพงที่สร้างไว้กำลังพังลง กำแพงคำว่าเพื่อนและจะกลายเป็นมากกว่าเพื่อน

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานรักแรกพบเศรษฐีโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกพระเอกเก่งนักศึกษาฟินๆ

ตอนที่1 จังหวะแรก

ตอนที่1 จังหวะแรก

ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด! เอี๊ยด…..

เสียงแตรดังลั่นพร้อมกับเสียงล้อรถครูดไปกับถนน เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินตัดหน้ารถสปอร์ตสีดำสัญชาติอิตาลีขณะกำลังเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย

“ว้าย! ขอโทษค่ะ” วาริน รีบยกมือขึ้นไหว้พร้อมกล่าวขอโทษสีหน้าตกใจไม่น้อยขณะที่รถหยุดห่างจากตัวเธอไม่ถึงสิบเซนติเมตร

สายตาคมมองทะลุกระจกที่ติดฟิล์มดำมืดออกไปก็เจอกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแต่ใบหน้าซีดเผือดกำลังยืนก้มหัวขอโทษเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องหน้าหญิงสาวอยู่สักพักก่อนจะได้ยินเสียงแตรดังมาจากทางด้านหลัง

ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด..

สายตาคมมองผ่านกระจกมองหลังก็เจอกับรถที่จอดติดกันเป็นทางยาวจึงรีบหักพวงมาลัยหลบและขับผ่านหน้าหญิงสาวไปไม่แม้แต่จะลดกระจกลงเพื่อรับคำขอโทษจากเธอ เหลือเพียงรอยสีดำของยางรถที่ครูดกับถนนคอนกรีตเป็นทางยาวเกือบหนึ่งฟุต

บรื๊น!

“เขตมหาวิทยาลัยยังจะขับรถเร็วอีก ถึงฉันจะเดินตัดหน้ารถคุณก็เถอะ ยังไงฉันก็รับผิดแค่ครึ่งเดียวคุณเองก็ควรเป็นฝ่ายขอโทษฉันด้วยที่ขับรถเร็ว” เสียงเล็กบ่นพึมพำคนเดียวขณะเดินสาวเท้าตรงไปยังคณะบริหารธุรกิจซึ่งอยู่ไกลจากประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัยพอสมควร

สายตาคมยังจับจ้องอยู่ที่กระจกมองหลังแม้จะขับรถห่างออกไปไกล ใบหน้าที่เรียวเล็กและริมฝีปากบางสีชมพูรวมถึงดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเข้ามารบกวนสมาธิของชายหนุ่มในเช้าวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย

“มึงมาสายนะไอ้เรย์ อีกแค่สิบนาทีก็ต้องไปรวมที่ลานกิจกรรมแล้ว” เทมป์เอ่ยทักทายเพื่อนเมื่อเรย์เดินเข้ามาตรงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เทมป์และโซนนั่งรออยู่ก่อน

“มาก่อนเวลาไม่เรียกว่าสาย แล้วพวกมึงจะถ่อมาทำห่าอะไรตั้งแต่เช้า” สะโพกสอบนั่งลงม้านั่งตัวที่ว่างพร้อมทอดสายตามองไปถนนด้านหน้ามหาลัย

“มึงมองหาใคร หรือว่ารอสาว” เทมป์เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่มองไปถนนด้านหน้า

“เปล่า”

“ประกาศ ขอให้นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีหนึ่งทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมของคณะในเวลานี้ด้วยค่ะ” เสียงประกาศตามสายดังขึ้นเทมป์และโซนลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินไปตามที่รุ่นพี่บอก แต่เรย์ยังไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นแม้แต่น้อย

“ไอ้เรย์ลุกสิมึงมัวนั่งทำห่าอะไรอยู่รุ่นพี่เรียกแล้ว กูไม่อยากโดนทำโทษตั้งแต่วันแรกนะเว้ย” เทมป์หันไปเรียกเพื่อน

“../..”

“ไอ้เรย์ เรย์!”

“../..” ไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของชื่อ เรย์ยังนั่งนิ่งสายตาจับจ้องไปที่ถนนเหมือนกำลังรอใครสักคนอยู่

“ไอ้เชี่ยเรย์” เสียงกร้าวตะโกนดังลั่นจนเจ้าของชื่อตวัดสายตามองตาขวาง

“เรียกทำห่าอะไรเสียงดัง” เสียงเรียบด่ากลับพร้อมสายตาไม่พอใจ

“ก็กูเรียกมึงตั้งหลายครั้งแม่งก็ยังนั่งนิ่ง เหม่อเชี่ยอะไรอยู่”

“มีอะไร” เสียงเรียบถามกลับ

“รุ่นพี่เรียกรวมที่ลานกิจกรรมแล้ว”

“ก็ไปสิ” เรย์ลุกขึ้นเต็มความสูงสาวเท้าเดินนำหน้าเพื่อนไป ไม่ถึงห้านาทีก็เดินมาถึงลานกิจกรรมที่เต็มไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่งและรุ่นพี่ที่จะทำกิจกรรมวันนี้ท่ามกลางเสียงที่ดังเจื้อยแจ้ว เรย์ทนยืนฟังอยู่นานก่อนจะหันหลังเดินออกห่างจากตรงนั้นสีหน้าหงุดหงิด

“น้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคนนั่งลงเป็นแถวเรียงหนึ่งค่ะ หัวแถวเริ่มจากด้านนี้ค่ะ” เสียงรุ่นพี่ปีสามตะโกนใส่โทรโข่งเสียงดัง ผ่านไปไม่นานทุกคนก็นั่งเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ

“น้อง ๆ สามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นนักศึกษาคณะบริหารหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ก็มาเข้าแถวรวมกับเพื่อนค่ะ” เสียงรุ่นพี่ดังขึ้นอีกครั้ง จนเทมป์ที่นั่งเล่นเกมอยู่ต้องสะดุ้งเฮือกรีบเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าลุกขึ้นสีหน้าลนลาน

“แม่งรุ่นพี่เรียกพวกเรา จะโดนทำโทษหรือเปล่าวะเนี่ย”

“มึงจะกลัวทำไม คนช้ากว่าเราก็มี” เรย์พูดขึ้นเมื่อมองเห็นหญิงสาวสองคนกำลังวิ่งหน้าตั้งมาทิศทางที่พวกเขายืนอยู่

"จริงด้วยว่ะ รีบไปเถอะไอ้ห่าจะได้ไม่ต้องโดนทำโทษ” ทั้งสามเดินไปนั่งต่อแถวสุดท้ายด้านหลัง

ตึก ตึก ตึก

เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบกับพื้นตามจังหวะการวิ่งที่เร่งรีบก่อนจะมาหยุดที่ลานกิจกรรม สายตานับร้อยมองไปยังหญิงสาวสองคนที่ยืนหอบเหนื่อยอยู่ด้วยใบหน้าแดงเลือดฝาดกับเม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาตรงหน้าผากมน มือเล็กยกขึ้นเช็ดเหงื่อพอลวก ๆ สายตามองไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งกันเป็นระเบียบ

“เราสองคนมาช้า เดินมาด้านหน้าเลยค่ะ” เท้าเล็กเดินไปด้านหน้าตามคำสั่งของรุ่นพี่ มือสองข้างประสานกันแน่นอยู่หน้าขาเกิดอาการประหม่า

“วันนี้เปิดเทอมวันแรกทำไมถึงมาสายคะ”

“เอ่อคือ..คือหนูพึ่งเคยเดินทางในกรุงเทพฯ วันแรกค่ะเลยกะเวลาเดินทางไม่ถูก” วารินตอบกลับไปตามความจริงเพราะวันนี้มหาลัยต่าง ๆ ก็เริ่มเปิดเทอมรถจึงติดมากกว่าปกติ ขนาดวันนี้เธอเผื่อเวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงยังมาสาย

“โอเคค่ะพี่เข้าใจ พวกเราหลายคนอาจจะเป็นเด็กต่างจังหวัดยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางในกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ วันหลังก็เผื่อเวลาเดินทางกันด้วยนะคะ เข้าไปนั่งรวมแถวกับเพื่อนได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากรุ่นพี่วารินและเพื่อนอีกคนก็ไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ มานั่งลงต่อจากเรย์ที่นั่งอยู่ท้ายแถว

“เธอเราชื่อไนร่านะ เธอชื่ออะไรเหรอ” หญิงสาวที่นั่งถัดจากวารินสะกิดด้านหลัง

“เราชื่อวารินน่ะ” วารินตอบกลับน้ำเสียงเป็นมิตร

“นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อไนร่าส่วนนี่ชื่อวาริน” ไนร่าเอื้อมมือไปสะกิดแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าวาริน จนเจ้าของแผ่นหลังกว้างเอี้ยวตัวหันมา

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม

“อืม” ใบหน้าเรียบนิ่งตอบกลับสั้น ๆ สายตาคมเหลือบมองหน้าวารินแวบหนึ่ง สายตาทั้งสองประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่เรย์จะหันหน้ากลับไปทันที

ทุกคนนั่งฟังรุ่นพี่ชี้แจงกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถูกปล่อยแยกย้ายไปตามสาขาของแต่ละคน

“วารินเธอเรียนสาขาไหนเหรอ ฉันเรียนสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business)” ไนร่าเอ่ยถามวารินขณะที่ทั้งสองเดินแยกแถวออกมา

“สองสาวเรียนคณะเดียวกันกับพวกเราเลย สนใจมาเป็นเพื่อนกับพวกเราไหมครับ” ยังไม่ทันที่วารินจะตอบคำถามของไนร่า เทมป์ที่เดินอยู่ด้านหลังก็พูดแทรกเข้ามาดื้อ ๆ

“ได้สิ พวกเราก็ยังไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” ไนร่าตอบกลับพร้อมจูงมือวารินเดินไปทางสามหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“ถ้างั้นขอแนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อเทมป์ คนนี้ชื่อโซน ส่วนไอ้นั่นชื่อเรย์”

“ฉันชื่อไนร่า ส่วนนี่วาริน” สายตาเรียบนิ่งมองหน้าวาริน ทั้งสองมองหน้ากันอยู่นานและเป็นวารินที่ต้องเบนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น

“อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าคลาสแรก พวกเราไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันดีกว่า”

โรงอาหาร

“พวกเธออยากกินอะไรเดี๋ยวฉันไปซื้อให้” สุภาพบุรุษอย่างเทมป์เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อทั้งหมดเดินเข้ามาภายในบริเวณโรงอาหาร

“ฉันเอานมชมพูหวานห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“ฉันขอเป็นนมสดปั่นไม่ใส่น้ำตาล กี่บาทเดี๋ยวฉันเอาตังค์ให้” วารินเอ่ยบอกพร้อมควานหากระเป๋าตังค์ในกระเป๋าสะพาย

“ไม่เป็นไรฉันเลี้ยงพวกเธอเองถือซะว่าต้อนรับเพื่อนใหม่ ไอ้โซนมึงลุกไปช่วยกูถือเลยไอ้ห่า” ประโยคแรกพูดกับวารินเสียงทุ้มนุ่ม ประโยคหลังเอ่ยเรียกโซนเสียงแข็ง

วารินนั่งคู่กับไนร่า ส่วนเรย์นั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับวาริน ขณะที่ทุกคนนั่งรอเครื่องดื่มสายตาคมก็จดจ้องไปที่ใบหน้าเรียวเล็กจนวารินต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบสายตาของชายหนุ่ม ไม่นานเทมป์และโซนก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่ม

“นี่นมสดปั่นของวาริน ส่วนนี่ของมึงไอ้เรย์” นมสดปั่นแก้วที่สองถูกวางลงตรงหน้าของเรย์ พร้อมสีหน้าแปลกใจของวารินไม่คิดว่าเรย์จะชอบดื่มเครื่องดื่มเหมือนกับเธอ

“ขอบใจนะ”

“ไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีคนกินเหมือนไอ้เรย์ พรหมลิขิตชัด ๆ” เทมป์พูดขึ้น สายตาคมของเรย์ตวัดมอง

“พูดมาก” เสียงเรียบตำหนิเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะหยิบนมสดปั่นขึ้นมาดูด

“ฉันไม่ชอบเครื่องดื่มหวานน่ะ เลยชอบสั่งนมสดไม่ใส่น้ำตาล” วารินเอ่ยบอกออกไป

“เอ้อ! เมื่อกี้ตรงลานกิจกรรมเห็นวารินบอกว่าพึ่งเคยมากรุงเทพฯ เป็นคนจังหวัดไหนเหรอ” เทมป์ที่คุยเก่งอยู่แล้วก็ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด

“เราเป็นคนเชียงใหม่น่ะ ไม่เคยมากรุงเทพฯ มาครั้งแรกก็ตอนสอบสัมภาษณ์ที่นี่แหละ”

“มีอะไรถามพวกฉันได้พวกฉันเกิดและโตที่นี่ แค่กรุงเทพฯ หลับตาเดินยังได้เลย”

“ขนาดลืมตาทั้งสองข้างมึงยังขับรถชนฟุตบาทเลย แล้วหลับตามึงไม่เดินตกท่อระบายน้ำเลยหรือไง” โซนโพล่งขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ยกเว้นเรย์ที่ยังนั่งทำหน้าเรียบนิ่งดูดน้ำปั่นในมือเงียบ ๆ ราวอยู่ในโลกส่วนตัว

“เชียงใหม่อากาศดี ปีใหม่พาพวกฉันไปเที่ยวบ้านเธอบ้างสิ วาริน”

“ได้ ๆ แต่บ้านฉันหลังเล็กอาจไม่สะดวกกับพวกเธอสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็มีทำโฮมสเตย์อยู่พวกเธอสามารถไปพักที่นั่นได้”

พรวด!

“ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว” อยู่ ๆ เรย์ก็ลุกพรวดพราดและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเดินสาวเท้ายาวออกไปจากโรงอาหาร

“เฮ้ ๆ ไอ้เรย์รอพวกกูด้วย” เทมป์ตะโกนตามหลังรีบลุกขึ้นเดินตามเรย์ออกไป วารินได้แต่แอบมองการกระทำของชายหนุ่มและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ

ห้องเรียน

“ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมฉันอยากนั่งริมห้อง” สะโพกกลมมนต้องหยุดชะงักขณะกำลังนั่งลงเก้าอี้เมื่อเสียงของไนร่าพูดขึ้น

“เอ่อ..ได้สิ” วารินตอบกลับเมื่อหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งติดกับเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ที่เธอต้องไปนั่ง

“รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงขยับไปนั่งชิดขอบเก้าอี้ขนาดนั้น” เสียงเรียบพูดขึ้นลอย ๆ แต่เป้าหมายชัดเจนคือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ฉันกลัวนายอึดอัดน่ะ” วารินรีบตอบกลับไปทันที

“อย่าคิดแทนฉัน”