ตอนที่1 จังหวะแรก
ตอนที่1 จังหวะแรก
ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด! เอี๊ยด…..
เสียงแตรดังลั่นพร้อมกับเสียงล้อรถครูดไปกับถนน เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินตัดหน้ารถสปอร์ตสีดำสัญชาติอิตาลีขณะกำลังเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย
“ว้าย! ขอโทษค่ะ” วาริน รีบยกมือขึ้นไหว้พร้อมกล่าวขอโทษสีหน้าตกใจไม่น้อยขณะที่รถหยุดห่างจากตัวเธอไม่ถึงสิบเซนติเมตร
สายตาคมมองทะลุกระจกที่ติดฟิล์มดำมืดออกไปก็เจอกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแต่ใบหน้าซีดเผือดกำลังยืนก้มหัวขอโทษเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องหน้าหญิงสาวอยู่สักพักก่อนจะได้ยินเสียงแตรดังมาจากทางด้านหลัง
ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด..
สายตาคมมองผ่านกระจกมองหลังก็เจอกับรถที่จอดติดกันเป็นทางยาวจึงรีบหักพวงมาลัยหลบและขับผ่านหน้าหญิงสาวไปไม่แม้แต่จะลดกระจกลงเพื่อรับคำขอโทษจากเธอ เหลือเพียงรอยสีดำของยางรถที่ครูดกับถนนคอนกรีตเป็นทางยาวเกือบหนึ่งฟุต
บรื๊น!
“เขตมหาวิทยาลัยยังจะขับรถเร็วอีก ถึงฉันจะเดินตัดหน้ารถคุณก็เถอะ ยังไงฉันก็รับผิดแค่ครึ่งเดียวคุณเองก็ควรเป็นฝ่ายขอโทษฉันด้วยที่ขับรถเร็ว” เสียงเล็กบ่นพึมพำคนเดียวขณะเดินสาวเท้าตรงไปยังคณะบริหารธุรกิจซึ่งอยู่ไกลจากประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัยพอสมควร
สายตาคมยังจับจ้องอยู่ที่กระจกมองหลังแม้จะขับรถห่างออกไปไกล ใบหน้าที่เรียวเล็กและริมฝีปากบางสีชมพูรวมถึงดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเข้ามารบกวนสมาธิของชายหนุ่มในเช้าวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย
“มึงมาสายนะไอ้เรย์ อีกแค่สิบนาทีก็ต้องไปรวมที่ลานกิจกรรมแล้ว” เทมป์เอ่ยทักทายเพื่อนเมื่อเรย์เดินเข้ามาตรงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เทมป์และโซนนั่งรออยู่ก่อน
“มาก่อนเวลาไม่เรียกว่าสาย แล้วพวกมึงจะถ่อมาทำห่าอะไรตั้งแต่เช้า” สะโพกสอบนั่งลงม้านั่งตัวที่ว่างพร้อมทอดสายตามองไปถนนด้านหน้ามหาลัย
“มึงมองหาใคร หรือว่ารอสาว” เทมป์เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่มองไปถนนด้านหน้า
“เปล่า”
“ประกาศ ขอให้นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีหนึ่งทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมของคณะในเวลานี้ด้วยค่ะ” เสียงประกาศตามสายดังขึ้นเทมป์และโซนลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินไปตามที่รุ่นพี่บอก แต่เรย์ยังไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นแม้แต่น้อย
“ไอ้เรย์ลุกสิมึงมัวนั่งทำห่าอะไรอยู่รุ่นพี่เรียกแล้ว กูไม่อยากโดนทำโทษตั้งแต่วันแรกนะเว้ย” เทมป์หันไปเรียกเพื่อน
“../..”
“ไอ้เรย์ เรย์!”
“../..” ไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของชื่อ เรย์ยังนั่งนิ่งสายตาจับจ้องไปที่ถนนเหมือนกำลังรอใครสักคนอยู่
“ไอ้เชี่ยเรย์” เสียงกร้าวตะโกนดังลั่นจนเจ้าของชื่อตวัดสายตามองตาขวาง
“เรียกทำห่าอะไรเสียงดัง” เสียงเรียบด่ากลับพร้อมสายตาไม่พอใจ
“ก็กูเรียกมึงตั้งหลายครั้งแม่งก็ยังนั่งนิ่ง เหม่อเชี่ยอะไรอยู่”
“มีอะไร” เสียงเรียบถามกลับ
“รุ่นพี่เรียกรวมที่ลานกิจกรรมแล้ว”
“ก็ไปสิ” เรย์ลุกขึ้นเต็มความสูงสาวเท้าเดินนำหน้าเพื่อนไป ไม่ถึงห้านาทีก็เดินมาถึงลานกิจกรรมที่เต็มไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่งและรุ่นพี่ที่จะทำกิจกรรมวันนี้ท่ามกลางเสียงที่ดังเจื้อยแจ้ว เรย์ทนยืนฟังอยู่นานก่อนจะหันหลังเดินออกห่างจากตรงนั้นสีหน้าหงุดหงิด
“น้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคนนั่งลงเป็นแถวเรียงหนึ่งค่ะ หัวแถวเริ่มจากด้านนี้ค่ะ” เสียงรุ่นพี่ปีสามตะโกนใส่โทรโข่งเสียงดัง ผ่านไปไม่นานทุกคนก็นั่งเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
“น้อง ๆ สามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นนักศึกษาคณะบริหารหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ก็มาเข้าแถวรวมกับเพื่อนค่ะ” เสียงรุ่นพี่ดังขึ้นอีกครั้ง จนเทมป์ที่นั่งเล่นเกมอยู่ต้องสะดุ้งเฮือกรีบเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าลุกขึ้นสีหน้าลนลาน
“แม่งรุ่นพี่เรียกพวกเรา จะโดนทำโทษหรือเปล่าวะเนี่ย”
“มึงจะกลัวทำไม คนช้ากว่าเราก็มี” เรย์พูดขึ้นเมื่อมองเห็นหญิงสาวสองคนกำลังวิ่งหน้าตั้งมาทิศทางที่พวกเขายืนอยู่
"จริงด้วยว่ะ รีบไปเถอะไอ้ห่าจะได้ไม่ต้องโดนทำโทษ” ทั้งสามเดินไปนั่งต่อแถวสุดท้ายด้านหลัง
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบกับพื้นตามจังหวะการวิ่งที่เร่งรีบก่อนจะมาหยุดที่ลานกิจกรรม สายตานับร้อยมองไปยังหญิงสาวสองคนที่ยืนหอบเหนื่อยอยู่ด้วยใบหน้าแดงเลือดฝาดกับเม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาตรงหน้าผากมน มือเล็กยกขึ้นเช็ดเหงื่อพอลวก ๆ สายตามองไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งกันเป็นระเบียบ
“เราสองคนมาช้า เดินมาด้านหน้าเลยค่ะ” เท้าเล็กเดินไปด้านหน้าตามคำสั่งของรุ่นพี่ มือสองข้างประสานกันแน่นอยู่หน้าขาเกิดอาการประหม่า
“วันนี้เปิดเทอมวันแรกทำไมถึงมาสายคะ”
“เอ่อคือ..คือหนูพึ่งเคยเดินทางในกรุงเทพฯ วันแรกค่ะเลยกะเวลาเดินทางไม่ถูก” วารินตอบกลับไปตามความจริงเพราะวันนี้มหาลัยต่าง ๆ ก็เริ่มเปิดเทอมรถจึงติดมากกว่าปกติ ขนาดวันนี้เธอเผื่อเวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงยังมาสาย
“โอเคค่ะพี่เข้าใจ พวกเราหลายคนอาจจะเป็นเด็กต่างจังหวัดยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางในกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ วันหลังก็เผื่อเวลาเดินทางกันด้วยนะคะ เข้าไปนั่งรวมแถวกับเพื่อนได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากรุ่นพี่วารินและเพื่อนอีกคนก็ไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ มานั่งลงต่อจากเรย์ที่นั่งอยู่ท้ายแถว
“เธอเราชื่อไนร่านะ เธอชื่ออะไรเหรอ” หญิงสาวที่นั่งถัดจากวารินสะกิดด้านหลัง
“เราชื่อวารินน่ะ” วารินตอบกลับน้ำเสียงเป็นมิตร
“นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อไนร่าส่วนนี่ชื่อวาริน” ไนร่าเอื้อมมือไปสะกิดแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าวาริน จนเจ้าของแผ่นหลังกว้างเอี้ยวตัวหันมา
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
“อืม” ใบหน้าเรียบนิ่งตอบกลับสั้น ๆ สายตาคมเหลือบมองหน้าวารินแวบหนึ่ง สายตาทั้งสองประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่เรย์จะหันหน้ากลับไปทันที
ทุกคนนั่งฟังรุ่นพี่ชี้แจงกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถูกปล่อยแยกย้ายไปตามสาขาของแต่ละคน
“วารินเธอเรียนสาขาไหนเหรอ ฉันเรียนสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business)” ไนร่าเอ่ยถามวารินขณะที่ทั้งสองเดินแยกแถวออกมา
“สองสาวเรียนคณะเดียวกันกับพวกเราเลย สนใจมาเป็นเพื่อนกับพวกเราไหมครับ” ยังไม่ทันที่วารินจะตอบคำถามของไนร่า เทมป์ที่เดินอยู่ด้านหลังก็พูดแทรกเข้ามาดื้อ ๆ
“ได้สิ พวกเราก็ยังไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” ไนร่าตอบกลับพร้อมจูงมือวารินเดินไปทางสามหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ถ้างั้นขอแนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อเทมป์ คนนี้ชื่อโซน ส่วนไอ้นั่นชื่อเรย์”
“ฉันชื่อไนร่า ส่วนนี่วาริน” สายตาเรียบนิ่งมองหน้าวาริน ทั้งสองมองหน้ากันอยู่นานและเป็นวารินที่ต้องเบนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น
“อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าคลาสแรก พวกเราไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันดีกว่า”
โรงอาหาร
“พวกเธออยากกินอะไรเดี๋ยวฉันไปซื้อให้” สุภาพบุรุษอย่างเทมป์เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อทั้งหมดเดินเข้ามาภายในบริเวณโรงอาหาร
“ฉันเอานมชมพูหวานห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“ฉันขอเป็นนมสดปั่นไม่ใส่น้ำตาล กี่บาทเดี๋ยวฉันเอาตังค์ให้” วารินเอ่ยบอกพร้อมควานหากระเป๋าตังค์ในกระเป๋าสะพาย
“ไม่เป็นไรฉันเลี้ยงพวกเธอเองถือซะว่าต้อนรับเพื่อนใหม่ ไอ้โซนมึงลุกไปช่วยกูถือเลยไอ้ห่า” ประโยคแรกพูดกับวารินเสียงทุ้มนุ่ม ประโยคหลังเอ่ยเรียกโซนเสียงแข็ง
วารินนั่งคู่กับไนร่า ส่วนเรย์นั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับวาริน ขณะที่ทุกคนนั่งรอเครื่องดื่มสายตาคมก็จดจ้องไปที่ใบหน้าเรียวเล็กจนวารินต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบสายตาของชายหนุ่ม ไม่นานเทมป์และโซนก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่ม
“นี่นมสดปั่นของวาริน ส่วนนี่ของมึงไอ้เรย์” นมสดปั่นแก้วที่สองถูกวางลงตรงหน้าของเรย์ พร้อมสีหน้าแปลกใจของวารินไม่คิดว่าเรย์จะชอบดื่มเครื่องดื่มเหมือนกับเธอ
“ขอบใจนะ”
“ไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีคนกินเหมือนไอ้เรย์ พรหมลิขิตชัด ๆ” เทมป์พูดขึ้น สายตาคมของเรย์ตวัดมอง
“พูดมาก” เสียงเรียบตำหนิเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะหยิบนมสดปั่นขึ้นมาดูด
“ฉันไม่ชอบเครื่องดื่มหวานน่ะ เลยชอบสั่งนมสดไม่ใส่น้ำตาล” วารินเอ่ยบอกออกไป
“เอ้อ! เมื่อกี้ตรงลานกิจกรรมเห็นวารินบอกว่าพึ่งเคยมากรุงเทพฯ เป็นคนจังหวัดไหนเหรอ” เทมป์ที่คุยเก่งอยู่แล้วก็ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด
“เราเป็นคนเชียงใหม่น่ะ ไม่เคยมากรุงเทพฯ มาครั้งแรกก็ตอนสอบสัมภาษณ์ที่นี่แหละ”
“มีอะไรถามพวกฉันได้พวกฉันเกิดและโตที่นี่ แค่กรุงเทพฯ หลับตาเดินยังได้เลย”
“ขนาดลืมตาทั้งสองข้างมึงยังขับรถชนฟุตบาทเลย แล้วหลับตามึงไม่เดินตกท่อระบายน้ำเลยหรือไง” โซนโพล่งขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ยกเว้นเรย์ที่ยังนั่งทำหน้าเรียบนิ่งดูดน้ำปั่นในมือเงียบ ๆ ราวอยู่ในโลกส่วนตัว
“เชียงใหม่อากาศดี ปีใหม่พาพวกฉันไปเที่ยวบ้านเธอบ้างสิ วาริน”
“ได้ ๆ แต่บ้านฉันหลังเล็กอาจไม่สะดวกกับพวกเธอสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็มีทำโฮมสเตย์อยู่พวกเธอสามารถไปพักที่นั่นได้”
พรวด!
“ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว” อยู่ ๆ เรย์ก็ลุกพรวดพราดและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเดินสาวเท้ายาวออกไปจากโรงอาหาร
“เฮ้ ๆ ไอ้เรย์รอพวกกูด้วย” เทมป์ตะโกนตามหลังรีบลุกขึ้นเดินตามเรย์ออกไป วารินได้แต่แอบมองการกระทำของชายหนุ่มและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ
ห้องเรียน
“ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมฉันอยากนั่งริมห้อง” สะโพกกลมมนต้องหยุดชะงักขณะกำลังนั่งลงเก้าอี้เมื่อเสียงของไนร่าพูดขึ้น
“เอ่อ..ได้สิ” วารินตอบกลับเมื่อหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งติดกับเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ที่เธอต้องไปนั่ง
“รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงขยับไปนั่งชิดขอบเก้าอี้ขนาดนั้น” เสียงเรียบพูดขึ้นลอย ๆ แต่เป้าหมายชัดเจนคือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ฉันกลัวนายอึดอัดน่ะ” วารินรีบตอบกลับไปทันที
“อย่าคิดแทนฉัน”