บทย่อ
“เธอเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ถ้าไม่มีเธออวัยวะทุกส่วนของร่างกายจะล้มเหลวรวมทั้งหัวใจของผมด้วย”
ตอนที่1 แชร์
ตอนที่1 แชร์
"สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับสู่รายการ Share the love experienceเป็นรายการที่ให้ทุกคนมาแชร์เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตรัก ใครมีประสบการณ์เรื่องความรักแบบไหนที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟัง สามารถโทรเข้ามาหาเราได้ค่ะ" เสียงพิธีกรสาวที่ทำหน้าที่ดำเนินรายการพูดอย่างคล่องแคล่ว
“วันนี้อยู่กับสองพิธีกร มะปรางและชมพู่เช่นเคยค่ะ” สลับกับพิธีอีกคนที่ดำเนินรายการคู่กัน
“เริ่มรายการวันนี้กับแขกรับเชิญสุดพิเศษที่มีเรื่องราวความรักที่สวยงามจนคนทั้งประเทศอิจฉา กว่าทางรายการจะติดต่อให้เธอมาร่วมรายการได้ก็ยากเอาการทีเดียวนะคะเพราะต้องขออนุญาตสามีของเธอด้วย และวันนี้เธอก็ยินดีจะมาแชร์เรื่องราวความรักของเธอให้เราฟังเธออยู่ในสายกับเราแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณแพรไหม”
"ก่อนอื่นรบกวนแขกรับเชิญแนะนำตัวกับทางบ้านอีกครั้งหน่อยค่ะ"
"สวัสดีค่ะชื่อแพรไหมค่ะ"
“สวัสดีคุณแพรไหมอีกครั้งนะคะ ทีมงานของเราได้มีโอกาสได้อ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของคุณกับสามีมันช่างเป็นความรักที่แสนวิเศษ วันนี้เราก็เลยเชิญคุณแพรมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ทางบ้านฟังหน่อยค่ะ “
“ได้ค่ะยินดีค่ะ”
“ต้องขออนุญาตลงรายละเอียดส่วนตัวนิดหนึ่งนะคะเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่งงกัน” มะปรางที่ทำหน้าที่พิธีกรเอ่ยขออนุญาตอย่างมีมารยาท
“เราทราบมาว่าคุณแพรแต่งงานมาแล้วสองครั้งและสามีคนปัจจุบันของคุณแพรคืออดีตคนรักเก่าด้วยใช่ไหมคะ" ประเด็นร้อนถูกถามขึ้นทีมงานในห้องส่งที่ไม่ทราบเรื่องราวของแขกรับเชิญมาก่อนถึงกับหน้าเหวอตกใจ
"ใช่ค่ะ"
“คุณแพรไหมกับสามีเคยเลิกกันไปถึง 14 ปีใช่ไหมคะค่อยกลับมาคบกันอีกครั้ง” และเป็นอีกครั้งที่ทุกคนมองหน้ากันและตั้งคำถามในหัวว่าจริงหรือ
“ใช่ค่ะ เราเลิกกันไปและแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง 14 ปีถึงได้กลับมาคบกันอีกครั้ง” แพรไหมตอบคำถามของพิธีกรขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่สามีของเธอ
“แต่ระยะเวลา 14 ปีนั้นคุณกับสามีของคุณก็ยังดูแลกันอยู่ตลอด แค่เพียงสถานะที่เปลี่ยนไปแค่นั้นใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ เราสองคนยังมีความปรารถนาดีต่อกันในฐานะพี่น้องที่หวังดีต่อกัน”
“และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือระยะเวลา 14 ปี คุณเซิร์ฟสามีของคุณเขาไม่ได้มีแฟนใหม่เลย ตลอดชีวิตของเขามีคุณเป็นรักแรกและรักเดียวใช่ไหมคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
"เป็นเรื่องราวความรักที่มหัศจรรย์แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะว่าเรื่องราวความรักของคุณทั้งสองเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำอย่างไรถึงได้กลับมาคบกันอีกครั้ง"
“ได้ค่ะ คือว่า….....”
รักในวัยเด็ก (ย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน)
บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ในเขตชนบท เด็กสาววัย14ปีในชุดโรงเรียนเดินกลับมาบ้านหลังเลิกเรียนและพบว่าวันนี้ที่บ้านของเธอมีแขก
“เอ้า..น้องแพรกลับมาพอดี มานี่มาพ่อจะแนะนำให้รู้จัก” ชายวัยสี่สิบปลาย ๆ กวักมือเรียกลูกสาวขณะที่เด็กสาวกำลังจะก้าวเท้าเดินเลยประตูหน้าบ้านไป
“ค่ะ” เด็กสาวหน้าตาบึ้งตึงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างผู้เป็นพ่อ ด้วยความที่เธอไม่ชอบให้แขกมาบ้านสักเท่าไหร่เพราะทุกครั้งที่มีแขกมาบ้านเธอจะได้รับคำชมจอมปลอมจากปากคนเหล่านั้น ซึ่งเธอรู้สึกไม่ชอบเอาซะเลย
“คนนี้พี่เซิร์ฟลูกชายลุงสิน อายุน่าจะเยอะกว่าน้องแพร 2 ปีใช่ไหม” ธนินแนะนำลูกสาวพลางหันไปถามชายหนุ่มนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้กำลังจ้องมองมาที่เด็กสาว
“สวัสดีค่ะ แพรขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะคะ” หลังจากกล่าวทักทายตามมารยาทเด็กสาวก็รีบขอตัวออกมาจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคนมองตามแผ่นหลังจนเธอเดินลับหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว
แพรไหมกลับออกมาจากห้องอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หอบกระดาษและตำราเรียนเล่มหนาออกมานั่งทำบริเวณห้องรับแขกที่มีโต๊ะกระจกอันเล็กและโซฟาวางอยู่เพื่อใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ ตั้งอยู่ติดกับเฉลียงหน้าบ้านที่ผู้เป็นพ่อและแขกนั่งสนทนาถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่
“ผมขอเข้าไปช่วยสอนการบ้านน้องดีกว่านะครับ เผื่อน้องไม่เข้าใจตรงไหนจะได้ช่วยติวให้” เซิร์ฟที่แอบนั่งมองตั้งแต่แรกเห็นว่าเด็กสาวนั้นหอบกระดาษและตำราเรียนเดินออกมาจากห้องนอนแล้ว
“ไปสิ จะได้ช่วยน้องดูด้วยเผื่อน้องติดตรงไหนจะได้ช่วยสอน วันก่อนก็เห็นบ่น ๆ เรื่องภาษาอังกฤษว่าอาจารย์สั่งงานยากทำไม่ได้ไม่เข้าใจ” ธนินเจ้าของบ้านเอ่ยอนุญาต เซิร์ฟจึงไม่รีรอรีบลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปยังจุดที่หญิงสาวกำลังนั่งทำการบ้านอยู่
“น้องแพรทำการบ้านวิชาอะไรอยู่ครับ ทำได้ไหมมีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” เด็กหนุ่มวัย 16 ปีในชุดโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรขณะหย่อนสะโพกสอบนั่งลงข้าง ๆ อย่างถือวิสาสะตีสนิท
“วิชาภาษาอังกฤษค่ะ อาจารย์ให้แปลการละเล่นพื้นบ้านเป็นภาษาอังกฤษ นี่แพรต้องมานั่งเปิดดิกชันนารีทีละคำเที่ยงคืนวันนี้จะเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้” เด็กสาวบ่นยาวเหยียดถึงอาจารย์ประจำวิชาที่สั่งงานเกินขอบเขตความสามารถของเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับตำบลไม่ได้มีครูชาวต่างชาติสอน และต้องยอมรับอีกอย่างว่าเธอไม่ได้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีขนาดนั้น
“ไหนพี่ขอดูหน่อย” เซิร์ฟหยิบกระดาษที่ถูกถ่ายเอกสารมาจากหนังสืออีกที ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นบรรยายถึงการละเล่น มอญซ่อนผ้า เซิร์ฟใช้เวลาอ่านสักพักก็เขียนอะไรบางอย่างลงกระดาษแผ่นนั้น
“คำนี้แปลว่าสั้น ส่วนคำนี้แปลว่ายาว อันนี้แปลว่าผ้า และคำนี้แปลว่าวงกลม ลองแปลประโยคบรรทัดนี้ให้พี่ดูหน่อย” เซิร์ฟค่อย ๆ สอนโดยเริ่มจากคำศัพท์ที่มีอยู่ในการละเล่น และให้แพรไหมหัดแปลประโยคและเอาคำศัพท์ที่เขาเขียนให้มาแปลรวมกัน
“แล้วคำว่าระยะห่างภาษาอังกฤษเขียนยังไงคะ” เมื่อแพรไหมแปลมาได้ครึ่งประโยคก็เงยหน้าขึ้นถามอีกครั้งถึงคำว่าระยะห่างที่เธอไม่รู้จัก
“Distance แปลว่าระยะห่าง..เขียนแบบนี้” มือหนาจับดินสอในมือเด็กสาวเขียนคำว่า distance ลงในกระดาษทำเหมือนกับว่าพาเธอหัดเขียนหนังสือเพราะจับมือเขียนเหมือนเด็ก
เซิร์ฟช่วยสอนและคอยแนะนำจนแพรไหมสามารถแปลการละเล่นพื้นบ้านแล้วเสร็จในเวลาแค่สองชั่วโมง ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าน่าจะใช้เวลาในการทำทั้งคืน
“เสร็จแล้ว ขอบคุณพี่เซิร์ฟมากนะคะ” เด็กสาวยิ้มแป้นด้วยความดีใจเมื่อการบ้านที่ยากแสนยากนั้นเธอสามารถทำจนแล้วเสร็จได้ในเวลาไม่นาน
“ต่อไปหลังเลิกเรียนพี่มาช่วยสอนการบ้านให้เอาไหม จะได้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้ด้วย” ชายหนุ่มเสนอตัวเป็นติวเตอร์หนุ่มที่ต้องการค่าจ้างเป็นความได้ใกล้ชิดเด็กสาวเพียงแค่นั้น
“พี่เซิร์ฟมาได้เหรอคะ บ้านพี่เซิร์ฟอยู่ที่ไหน” ความสนิทสนมที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วโดยแพรไหมเองก็ไม่รู้ตัว
“บ้านพี่อยู่หมู่บ้านถัดจากบ้านแพรแค่ 13 กิโลเอง หลังเลิกเรียนพี่แวะบ้านแพรก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ เพราะกลับไปพี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี” เซิร์ฟสวมบทบาทรุ่นพี่ใจดีเรียกรอยยิ้มจากเด็กสาวได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่างนั้นก็ดีเลยสิคะ แพรจะได้มีคนช่วยสอนการบ้านด้วย” เด็กสาวแสดงอาการดีใจเมื่อวันนี้ฟ้าเหวี่ยงความโชคดีก้อนใหญ่มาให้เธอ
“อืม..แล้วที่โรงเรียนพี่เซิร์ฟมีแต่คนพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ กันทั้งนั้นใช่ไหมคะ” แพรที่สังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่ปักอยู่บนเสื้อของชายหนุ่มก็พอรู้ว่าโรงเรียนที่ชายหนุ่มกำลังเรียนอยู่นั้นเป็นโรงเรียนที่สอนหลักสูตรสองภาษาและส่วนมากเด็กที่เรียนที่นั่นก็จะใช้ภาษาอังกฤษกันส่วนใหญ่
“ก็พูดกันได้ทุกคนนะ เพราะโรงเรียนพี่เป็น English program สื่อการเรียนทั้งหมดจะเป็นภาษาอังกฤษรวมถึงอาจารย์สอนก็เป็นชาวต่างชาติด้วย”
“ภาษาอังกฤษยากไหมคะ”
“ไม่อยากหรอกแค่เราต้องเรียนรู้ให้ถูกวิธีเราถึงจะเข้าใจง่าย พูดบ่อย ๆ ใช้มันบ่อย ๆ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะพูดผิดเดี๋ยวเราก็จะเก่งขึ้นเอง”
ทั้งสองนั่งคุยกันต่อจนพระอาทิตย์เริ่มตกดินแสงจากดวงอาทิตย์หายไปมีแสงไฟจากหลอดนีออนเข้ามาแทน การสนทนาส่วนมากจะเป็นแพรไหมมากกว่าที่ถามโน่นถามนี่และเซิร์ฟเองนอกจากจะเป็นติวเตอร์ที่ดียังเป็นผู้ตอบคำถามที่ดีอีกด้วย
“เซิร์ฟ..สอนการบ้านน้องเสร็จยังลูก แม่แกโทรตามให้กลับบ้านแล้วถึงเวลาอาหารเย็นแล้วลูก” เสียงผู้เป็นพ่อตะโกนเรียกลูกชายเมื่อตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วคือหนึ่งทุ่มของทุกวัน
“ครับพ่อ พี่กลับก่อนนะพรุ่งนี้ตอนเย็นเลิกเรียนแล้วพี่จะรีบมาหา” เสียงทุ้มแตกหนุ่มนิด ๆ ตะโกนบอกผู้เป็นพ่อและหันกลับมาบอกหญิงสาวตรงหน้าน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ กลับบ้านดี ๆ นะคะ” รอยยิ้มสดใสไร้การปรุงแต่งเผยขึ้นบนใบหน้าเรียวเล็ก ปากอวบอมชมพูเผยอยิ้มจนเห็นฟันขาว รอยบุ๋มตรงร่องแก้วทั้งสองข้างส่งให้ชายหนุ่มอีกครั้ง
“ลักยิ้มน่ารักจัง พี่ไปก่อนนะครับคนเก่ง” มือเรียวยกขึ้นบีบแก้มเนียนอย่างมันเขี้ยว สายตาคมไม่อยากละสายตาจากเด็กสาวตรงหน้าแต่ต้องตัดใจเพราะเสียงผู้เป็นพ่อตะโกนเรียกเป็นรอบที่สอง
“เซิร์ฟ ยังไม่เสร็จเหรอลูก ให้พ่อโทรบอกแม่ก่อนไหมว่าลูกยังสอนการบ้านน้องไม่เสร็จ” วสินตะโกนเข้ามาอีกครั้งเพราะตัวเองก็ติดลมยังไม่อยากกลับเช่นกันเลยเอาลูกชายมาเป็นข้ออ้าง
“เสร็จแล้วครับพ่อกลับกันครับ สวัสดีครับคุณลุง” ชายหนุ่มวัย16 กับส่วนสูง 185 เซนติเมตรเดินดุ่ม ๆ ไปหยุดข้างผู้เป็นพ่อและยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างมีมารยาทก่อนเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน
“ยิ้มอะไรของแก ดูมีความสุขแปลก ๆ” ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นลูกชายคนเดียวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่ออกจากบ้านหลังเล็กจนตอนนี้ขับรถมาจนหน้าบ้านแล้ว
“คนมีความสุขต้องดูแปลก ๆ ด้วยเหรอพ่อ”
“ก็ปกติแกยิ้มแบบนี้ที่ไหน มีอะไรที่พ่อต้องรู้ไหม” ด้วยความสนิทสนมของสองคนพ่อลูกจึงไม่แปลกที่คนเป็นพ่อจะดูออกถึงอาการแปลก ๆ ที่เปลี่ยนไปของลูกชาย
“พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยสอนการบ้านให้น้องแพรนะครับ” เซิร์ฟไม่ตอบคำถามผู้เป็นพ่อแต่เลือกที่จะบอกความต้องการของตัวเองออกไป
“นี่สินะต้นเหตุรอยยิ้มของแก..ไอ้ลูกชาย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยแซวลูกชายขณะที่เลี้ยวรถเข้าจอดบริเวณโรงจอดรถ
">“ลูกสาวที่พ่ออยากได้ไงครับได้ทั้งลูกสาวได้ทั้งลูกสะใภ้ แถมยังได้ดองกับเพื่อนรักอีกต่างหาก”