โฮสต์ในฝัน

106.0K · จบแล้ว
ดาวิเด
44
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

Intro… ผู้ชายที่ฉันหิ้วกลับห้องทุกครั้งที่ไปดื่ม ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเขาคือหนุ่มบาร์โฮสต์ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นหมอและหุ้นส่วนผับ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานบอดี้การ์ดรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่1

ตอนที่1 แรกพบ

เอี๊ยด!!!!

เสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นคอนกรีตเมื่อรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเบรกกะทันหันขณะที่รถไม่ได้ลดความเร็วลงในระดับปกติ ดีไซน์ที่กำลังนั่งคุยกับลูกสาวเจ้าของบ้านอยู่ห้องรับแขกถึงกับต้องตกใจมองไปยังหน้าบ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างจากซีไนซ์ที่ยังจดจ่ออยู่กับซีรีส์บนจอราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ

“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่ายัยซี เสียงเบรกรถดังขนาดนั้น” มือเล็กยื่นไปสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาพยายามมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนทุกคนในบ้านยังใช้ชีวิตปกติ แม้กระทั่งแม่บ้านก็ยังคงปัดกวาดเช็ดถูบ้านปกติไม่มีแสดงอาการตกอกตกใจหรือสนใจเลยแม้แต่น้อย

“ไม่มีอะไรหรอกน่าจะพี่ชายฉันมา เขาก็ขับรถปกติแบบนี้ทุกครั้ง” ซีไนซ์ตอบกลับหน้าตาเฉยเพราะรับรู้ได้ทันทีว่าเสียงเบรกที่ดังสนั่นเมื่อสักครู่คงจะเป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากลูกพี่ลูกน้องของเธอ

“แกมีพี่ชายด้วยเหรอ”

“ลูกพี่ลูกน้องนะ”

“งั้นเหรอ”

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าเร่งรีบเดินเข้ามาในบ้านผ่านห้องรับแขก สายตาคมหันไปสะดุดตากับหญิงสาวไม่คุ้นหน้าในชุดนักศึกษานั่งอยู่บนโซฟากำลังดูซีรีส์บนจอทีวีอย่างตั้งใจ ใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่เคลือบด้วยลิปกลอสมันวาวจนลุคค์เผลอยืนมองอยู่นานนับนาที

“อ้าวลุคค์มาแล้วเหรอลูก เข้าไปคุยกับน้าที่ห้องทำงานสิ” เสียงเรียกของกัมพลดังขึ้น ชายหนุ่มรีบหันขวับและเดินไปยังปลีกซ้ายของบ้านซึ่งเป็นห้องทำงานของเจ้าของบ้าน

“นั่นพี่ชายแกเหรอซี” แผ่นหลังกว้างร่างกายสมส่วนกับส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทยโดนสายตาของดีไซน์จับจ้องจนเดินหายลับสายตาไป

“ใช่ น่าจะมาคุยธุระกับคุณพ่อมั้ง”

หลังจากทั้งสองนั่งดูซีรีส์เรื่องโปรดด้วยกันจนเลยเวลามาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ก็กลายเป็นว่าซีรีส์สลับมาดูคนแทน ลุคค์ที่เดินกลับออกมาหลังจากคุยงานเสร็จก็เห็นหญิงสาวในชุดนักศึกษากับกระโปรงตัวสั้นนอนหลับอยู่ที่โซฟาในท่าล่อแหลมจึงเดินเข้าไปดู

เสื้อสูทสีดำแบรนด์ดังถูกถอดออกและคลุมร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟา ชายกระโปรงร่นขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นต้นขาเนียนขาว นิ้วเรียวยาวยื่นไปเกลี่ยกลุ่มผมที่หลุดลุ่ยลงมาปกคลุมใบหน้าไปทัดไว้ที่ข้างใบหู และเดินถัดไปหยิบเสื้อคลุมไหมพรมขึ้นมาคลุมให้น้องสาวจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

ซีไนซ์และดีไซน์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาช่วงเกือบ 6 โมงเย็นเพราะแม่บ้านเข้ามาปลุก ร่างบางงัวเงียตื่น ฝ่ามือเล็กปัดกลุ่มผมที่ฟูฟ่องไปรวบไว้ด้านหลังพอลวกๆ

“เอ๊ะ! เสื้อใคร” เมื่อสายตาปรับโฟกัสกับแสงได้ก็ก้มไปเห็นเสื้อสูทตัวใหญ่ที่กองอยู่บนหน้าตักของตัวเองจึงถามขึ้นน้ำเสียงแปลกใจปนตกใจเล็กน้อย

“ไม่น่าจะใช่เสื้อของคุณผู้ชายนะคะเพราะคุณผู้ชายใส่ไซซ์เล็กกว่านี้ค่ะ” แม่บ้านวัย 40 ต้นๆ ซึ่งเป็นแม่บ้านประจำของที่นี่เอ่ยพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็น

“ขออนุญาตนะคะ” แม่บ้านหยิบเสื้อสูทไปดูยี่ห้อเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ไม่ใช่ของคุณผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะเพราะคุณผู้ชายไม่ได้ใส่แบรนด์นี้” แม่บ้านยืนยันหนักแน่น

“น่าจะของพี่ชายฉันแหละเขาตัวสูงใหญ่กว่าพ่อฉันมาก” ซีไนซ์จำกลิ่นน้ำหอมของพี่ชายตัวเองได้จึงเอ่ยพูดขึ้น

“พี่ชายแกอย่างนั้นเหรอ”

“อือ..อย่าไปใส่ใจเลย ทิ้งไว้นี่แหละให้พี่ปูซักแล้วค่อยคืนพี่เขา” ซีไนซ์ตอบกลับ

“มาค่ะเดี๋ยวพี่ปูเอาไปซักให้ คุณผู้หญิงฝากบอกว่าให้คุณหนูดีไซน์อยู่ทานมื้อเย็นก่อนนะคะค่อยกลับ”

“ขอบคุณค่ะ”

หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จซีไนซ์และดีไซน์ก็ออกมาเดินรับลมที่สวนข้างบ้าน ลมพัดโชยกลิ่นหอมของดอกไม้ชวนให้หญิงสาวนึกถึงบ้านเกิดของเธอที่เชียงราย ทุกเย็นเธอจะออกมานั่งรับลมเย็นๆ กับแม่เพื่อรอพ่อเลิกงานกลับบ้าน แต่วันนี้เหลือเพียงความทรงจำเพราะท่านทั้งสองได้จากเธอไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อนทิ้งให้เธอสู้ชีวิตบนโลกกว้างเพียงลำพัง แต่ดีที่สมบัติของพ่อและแม่มีมากพอที่เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้โดยที่ไม่ต้องลำบาก

“เป็นอะไรหรือเปล่าไซน์” ซีไนซ์มานั่งลงข้างๆ ยื่นมือมากุมมือเล็กเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“เปล่าหรอกฉันแค่คิดถึงพ่อกับแม่น่ะ”

“เธอคิดถึงพวกท่านได้มันไม่ผิดหรอก แต่ขอแค่เธอปล่อยวางและยอมรับมันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่ใช่ของเรา มีพบก็ต้องมีจาก เมื่อหมดเวรหมดกรรมต่อกันถึงเวลาก็ต้องจากกันไม่จากเป็นก็จากตายนะ” ซีไนซ์พูดปลอบและเตือนสติเพื่อนไม่ให้เศร้ามากเกินไป เธอเองถึงจะเป็นลูกคุณหนูแต่ก็เข้าวัดปฏิบัติธรรมศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็กตามผู้เป็นแม่

“ฉันรู้ ขอบใจแกนะ”

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จดีไซน์ก็ขอตัวกลับคอนโดโดยคนขับรถที่บ้านของซีไนซ์เป็นคนมาส่งเพราะดีไซน์ไม่กล้าขับรถเองตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคราวก่อนก็จำฝังใจ

“กลิ่นน้ำหอมหอมจังเลย” กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของชายหนุ่มยังติดอยู่ที่ตัวของหญิงสาวพานให้คิดถึงเจ้าของแผ่นหลังกว้างเมื่อตอนกลางวัน ดีไซน์ตกอยู่ในภวังค์ความคิดไม่นานก็มีสายเรียกเข้า

ครืด ครืด ครืด

‘ว่าไงโย’

‘ไซน์กลับถึงคอนโดหรือยังทำไมไม่ส่งข้อความบอกโยเลยโยเป็นห่วงเลยโทรหา’ เสียงห้าวแตกหนุ่มดังมาตามสายพร้อมกับเสียงเพลงดังกระหึ่มแข่งกับเสียงพูดจนต้องยกโทรศัพท์ออกให้ห่างจากใบหู

‘ไซน์กลับถึงคอนโดแล้ว แล้วนี่โยอยู่ไหน’

‘โยออกมาดื่มกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะเดี๋ยวก็กลับแล้วครับ’

‘โอเค มันเสียงดังมากไซน์ไม่ค่อยได้ยินเลย แค่นี้ก่อนนะคะ’ พูดจบดีไซน์ก็กดวางสายทันที จากนั้นก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เช้าวันต่อมา

เอี๊ยด!!!!

เสียงเบรกที่คุ้นเคยดังสนั่นบ้านแต่เช้าตรู่ ซีไนซ์ที่กำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่ได้ยินถึงกลับถอนหายใจเมื่อต้องเจอหน้าพี่ชายจอมเย็นชาของเธอในเช้าวันนี้

“กำลังจะไปเรียนใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ร่างสูงกำยำในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงสแลกสีดำเดินดุ่มดุ่ม เข้ามาในบ้าน

“พี่ตกงานเหรอคะถึงได้มีเวลามารับซีไปเรียนแต่เช้าแบบนี้”

“พี่จะทำหน้าที่พี่ชายที่ดีบ้างไม่ได้เหรอ นี่อิ่มหรือยัง”

“อิ่มพอดีค่ะ ได้ยินแบบนี้กินอะไรไม่ลงเลยรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ” ซีไนซ์ตอบกลับไปพร้อมวางแก้วนมในมือลงทำสีหน้าเอือมระอาเล็กน้อย

แก๊ก!

“คุณลุคค์รับข้าวต้มด้วยไหมคะ” กาแฟดำที่ยังมีควันลอยฟุ้งขึ้นจากแก้ววางลงตรงหน้าชายหนุ่ม

“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”

บนรถ

“เพื่อนเราเหรอคนเมื่อวาน” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบกันมานาน

“ค่ะ”

“ชื่ออะไร”

“ชื่อดีไซน์ค่ะ แต่เขามีแฟนแล้วนะคะเสียใจด้วยถ้าพี่คิดจะจีบ” ได้ยินคำตอบถึงกลับสีหน้าเปลี่ยนทันทีจนซีไนซ์สังเกตได้

“ตอนแรกซีว่าจะแนะนำให้พี่ลุคค์ แต่พอรู้ว่าพี่ลุคค์ลาออกจากโรงพยาบาลแล้วไปทำงานที่นั่นซีเลยคิดว่าไม่เหมาะกลัวเพื่อนซีจะเป็นอันตราย

“พี่ก็แค่ทำงานที่พี่รัก งานที่โรงพยาบาลพี่ก็ยังทำอยู่แค่ไม่ได้ทำฟลูไทม์เหมือนแต่ก่อน”

“แล้วถ้าไม่ได้รักอาชีพหมอจะไปเรียนหมอทำไมตั้งเกือบสิบปี หมอเก่งๆ แบบพี่มันมีเยอะนักหรือไงในเมืองไทยพี่จึงกล้าทิ้งอาชีพนี้ไปง่ายๆ โดยที่ไม่สนใจว่าคนไข้ที่รอรักษาจะเป็นยังไง” ซีไนซ์ถามกลับเสียงดังเล็กน้อยบวกกับอาการไม่พอใจพี่ชายอยู่ก่อนจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

“ชีวิตเป็นของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการไม่ใช่เหรอซี พี่คิดว่าพี่ทำทุกอย่างดีที่ที่สุดแล้วนะในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง”

“ซีขอโทษค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอโทษเสียงอ่อยเมื่อรู้ตัวว่ากำลังล้ำเส้นคนเป็นพี่ชาย

“พี่เข้าใจว่าเราเป็นห่วงพี่ แต่เชื่อพี่ว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด ที่นั่นก็คือผับทั่วไปไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอะไร”

“ซีจะเชื่อพี่ลุคค์แล้วกันค่ะ”

“แล้วดีไซน์มีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ” ลุคค์วนกลับมาเรื่องเพื่อนน้องสาวอีกครั้งบ่งบอกว่ากำลังสนใจเธออยู่ไม่น้อย

“มีแล้วค่ะ คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง”

“แล้วผู้ชายคนนั้นดูแลดีไซน์ดีไหม เธอไม่ได้มีญาติที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ” ลุคค์ที่แอบสืบประวัติหญิงสาวมาคร่าวๆ เอ่ยพูดขึ้นอย่างลืมตัว

“นี่พี่แอบค้นประวัติเพื่อนหนูเหรอคะ เป็นมือซ้ายมาเฟียแล้วคิดจะทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ใบหน้าเรียวเล็กหันขวับจ้องหน้าคมสีหน้าไม่พอใจ

“ใจเย็นก่อน พี่แค่ทราบจากคุณน้าว่าพ่อแม่ของเธอจากไปจากอุบัติเหตุ” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะทุยเล็กของน้องสาวเพื่อให้ใจเย็นลง

“อย่าให้ซีรู้นะว่าพี่คิดที่จะทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนซี” นิ้วเรียวเล็กชี้หน้าคาดโทษสีหน้าจริงจังตามที่พูด

“เห็นพี่เป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอหืม..”

“ซีแค่เตือนพี่ไว้ก่อน แต่ถ้ายัยไซน์เลิกกับแฟนเมื่อไหร่ซีจะบอกพี่ลุคค์แล้วกันค่ะ” เสียงแข็งอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ปกติไซน์มาเรียนยังไง”

“รถไฟฟ้าหรือไม่ก็แท็กซี่ค่ะ”

“ปกติมากี่โมง”

“เช้าค่ะ พี่ลุคค์ไปส่งซีก็จะเจอไซน์ แต่แฟนไซน์อาจจะนั่งอยู่ด้วยนะคะ” ซีไนซ์บอกพี่ชายไปตามความจริงเพราะรู้ดีว่าพี่ชายเธอนั้นกำลังสนใจเพื่อนเธออยู่ไม่น้อย ถึงขั้นอดหลับอดนอนยอมขับรถจากอีกฟากของกรุงเทพฯ มาเพื่อที่จะเจอเพื่อนของเธอ

“หยิบถุงขนมตรงหน้ารถไปด้วยนะ ร้านนี้อร่อย”

“ถ้าไม่เพราะยัยไซน์ซีคงไม่มีโอกาสได้กินหรอกใช่ไหมคะ” ซีไนซ์หันไปพูดกับพี่ชายก่อนจะลงจากรถและเดินไปเปิดกระโปรงหน้ารถแล้วหยิบถุงขนมเจ้าดังแล้วเดินไปหาดีไซน์ที่นั่งรออยู่โต๊ะม้าหินกับโยธาที่เดิม ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารถยนต์คันหรูสีดำขับออกจากตรงนั้นไม่ไกลแล้วหยุดรถอีกครั้ง กระจกฝั่งคนขับถูกลดกระจกลง สายตาคมของคนด้านในโฟกัสไปยังกลุ่มน้องสาวที่พึ่งลงจากรถเขาไป