
องค์หญิงอย่าคิดหนี
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจ ยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนาง เพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี!

ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้
เสี่ยวจิ่วฮวา นางได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่มีจิตใจริษยา มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่เห็นหัวใคร รังแกแม้กระทั่งพี่สาวของตนเอง จนกระทั่งวันที่นางตายอย่างน่าเวทนาทำให้นางได้รู้สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี รู้ถึงสัจธรรมของชีวิต ทว่าสวรรค์ยังมีเมตตาให้นางย้อนเวลากลับมาในร่างของตนเองตอนที่มีอายุเพียงสิบสี่ปี เสี่ยวจิ่วฮวารู้ว่าการจะเปลี่ยนสันดานเดิมนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ถือว่ายากเสียทีเดียว นางจึงปรับเปลี่ยนนิสัยตนเองเสียใหม่ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปในทางที่ดี ชั่วชีวิตนี้ไม่ขอแต่งงาน เพียงเสพสุขกับอาหารตรงหน้าก็พอแล้ว แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้นางไปยุ่งเกี่ยวกับ เติ้งหมิงซี ท่านอ๋องบ้าใบ้ผู้หนึ่งเข้า เรื่องราวจึงวุ่นวายไม่น้อย ไหนจะเรื่องที่ต้องแก้ไข เรื่องการเมือง เรื่องการกบฏ และการเอาตัวรอดจากฮ่องเต้จอมบ้าอำนาจ จึงเกิดขึ้น

ชาตินี้ไม่ขอเป็นฮองเฮาอีก
เขาปล่อยให้นางฆ่าสตรีวังหลังมากมายโดยไม่เคยถามไถ่หรือลงโทษ เขาปล่อยให้นางหมกมุ่นอยู่กับความรัก อำนาจ ราคะ จนหลงลืมว่าตนเองเคยเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจ จากนั้นก็ค่อยๆ ยึดอำนาจทหารในมือของนาง และที่โหดร้ายที่สุด คือเขาซ่อนสตรีอันเป็นที่รักไว้อย่างมิดชิด ทั้งยังแอบให้กำเนิดโอรส รอจนวันที่เสวียนฮองเฮาไม่เหลืออำนาจ เขาถึงได้แต่งตั้งสตรีนางนั้นเป็นหวงกุ้ยเฟย พร้อมทั้งแต่งตั้งลูกของนางเป็นองค์รัชทายาท แต่เสวียนฮองเฮามีหรือจะยอมให้ผู้ใดมาเสวยสุขบนหยาดเหงื่อของตัวเอง นางวางยาจนหวงกุ้ยเฟยมิอาจตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต ทั้งยังสังหารโอรสเพียงคนเดียวของเขา สุดท้ายเขาก็มอบสุราจอกนั้นให้นาง

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก
“เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของ เราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด

วุ่นนักรักข้ามภพ
แม่หมอดูดวงผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการปราบผีได้พบกับรองแม่ทัพหน้านิ่งสุดหล่อผู้มองเห็นผีที่หน้าเหมือนรักแรก จนนางเอกหลงรักหัวปักหัวปำต้องตามจีบกว่าจะได้มาเป็นสามี สามีก็จะมี ผีก็จะต้องไล่!!!

บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม
ข้ามิหมายหมั่นเป็นหนึ่งเหนือสตรีใดในตำหนักบูรพา หวังเพียงชั่วชีวิตที่มิอาจเลือกชะตาตนเองนี้ ตัวข้าที่มิอาจหลุดพ้นกรงทอง ใจแท้จริงจะหลุดพ้นเป็นอิสระชั่วกาล ***************************************************************** เพราะความฝันบอกเหตุร้ายที่กำลังกล้ำกลายถึงชีวิต นางจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตตนไว้ ซ้ำร้ายนางยังถูกราชโองการโยนเข้าตำหนักบูรพาที่มีแต่การแย่งชิง ทำให้ต้องระแวดระวังยิ่งขึ้นทุกฝีก้าว สงครามการแย่งชิงความโปรดปรานจากองค์ไท่จื่อ ใครอยากจะเข้าร่วมก็ตามสบาย นางของนั่งจิบชาดูเฉย ๆ ดีกว่า จะไม่ขอแกว่งเท้าหาเสี้ยนเร่งเวลาตายให้ตนเองเป็นเด็ดขาด แต่ดูเหมือน องค์ไท่จื่อ ผู้ชื่นชมความครื้นเครงนั้นจะไม่อยากปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขยืนยาวนี่สิ ***************************************************************** “เจ้า…กำลังทำสิ่งใด” นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอ้างตอบกลับไป “อุ่นผ้าห่มให้พระองค์ไงเพคะ” “พระชายารองของข้าช่างใส่ใจนัก” “เป็นเรื่องที่หม่อมฉันควรใส่ใจเพคะ” “ได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ก็แสดงว่าเป็นผู้ที่รู้จักหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีใช่หรือไม่” คราวนี้ชายหนุ่มตรัสออกมาด้วยพระสุรเสียงที่จริงจัง พระพักตร์คมเข้มน่ามองยามนี้ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าเอ่ยว่ารู้ชัดเจนทุกเรื่อง” “เช่นนั้นในฐานะที่เจ้าเป็นชายารองของข้าหน้าที่สำคัญหลัก ของเจ้าคือสิ่งใด” โม่หลงอวี้ตรัสถาม สายพระพักตร์ยังคงจับจ้องไปที่เจ้าของร่างบางที่ยามนี้ยังคงนั่งห่อตัวเป็นเม่นน้อยอยู่ด้านในเตียงใหญ่ “หน้าที่ของหม่อมฉัน แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นการตั้งใจดูแล ปรนนิบัติพระองค์เพคะ” เจ้าของใบหน้าอ่อนหวานเอ่ยตอบกลับไป “ปรนนิบัติอย่างไร” “เวลาเสวยหม่อมฉันคอยดูแล ยามพระองค์อ่านหนังสือหม่อม ฉันก็ควรคอยรินชาแก้กระหาย หากทรงอักษรหม่อมก็ควรคอยฝนหมึก เพคะ” “ที่เจ้าเอ่ยมาล้วนเป็นการปรนนิบัติข้าก็จริง แต่กลับเป็นเพียง การปรนนิบัติบนโต๊ะ การปรนนิบัติจริง ๆ กลับยังขาดอยู่”

ร่านรักฮองเฮา
ข่าวใหญ่ของแคว้นเหลียว ตระกูลคังต้องโทษกบฏ กว่าห้าร้อยชีวิต ตกตายภายในคืนเดียว แม้แต่หมูหมาก็ไม่เว้น ท่ามกลางแสงแดดในยามเที่ยงตรง สตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงในชุดกระโปรงสีขาว นั่งอยู่กลางลานประหาร ดวงตากลมโตทอดมองไปไกลอย่างไร้แวว หากสวรรค์ให้โอกาสแก่ข้าอีกครั้ง ข้าขอสาบานจะไม่อ่อนแอเยี่ยงนี้อีก อยู่ ๆ ก็เกิดเมฆดำทมึนปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้าเมืองหลวงแคว้นเหลียว พายุฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ประชาชนที่มารอดูการประหาร ต่างวิ่งหาที่หลบกันจ้าระหวั่น สายลมกรรโชกแรง จนธงที่ปักอยู่รอบๆ ล้มระเนระนาด เปรี้ยง ! ! กลางลานประหาร เสียงฟ้าผ่าสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมกับศีรษะของอดีตฮองเฮาหลุดออกจากร่างด้วยฝีมือเพชฌฆาต ศิลาจารึกห้าร้อยปี ราชโองการของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแคว้นเหลียวส่องแสงเจิดจ้า

ทรราชคลั่งรัก
ข้าโหด ข้าเหี้ยม ข้าเผด็จการ ข้าไบโพล่า แต่ข้าใจอ่อนกับนางเพียงคนเดียวเท่านั้น แนะนำตัวละคร เจิ้งหยางเจี๋ย ฮ่องเต้ต้าเจิ้ง เขาคือฮ่องเต้ผู้ได้รับสมญานามกับมีใบหน้าดุจเทพสวรรค์ ทั้งหล่อเหลาและงดงามในใบหน้าเดียวกัน แต่ทว่าภายใต้ใบหน้าดุจเทพสร้างนี้ เขากลับมีความเผด็จการและอำมหิตซ่อนอยู่ จนเหล่าขุนนางให้สมญานามเขาว่า ฮ่องเต้ทรราช แต่ทว่าเมื่ออยู่กับสตรีที่รัก เขากลับกลายเป็นบุรุษผู้อ่อนโยนในบางครา อีกทั้งยังหื่นเบาๆ ฟางเพ่ยเพ่ย สาวน้อยผู้ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของสตรีโบราณ นามว่า ฟางเพ่ยเพ่ย สตรีจากตระกูลฟาง ตระกูลบัณฑิตเลื่องชื่อ แต่เพราะวาสนาด้ายแดงทำให้นางได้พบกับเจิ้งหยางเจี๋ย และถูกเขาใช้เสน่ห์และความหื่นจนนางยอมเป็นสตรีของเขา #พระเอกเรื่องนี้เป็นไบโพล่าค่ะ อารมบ้าๆบอๆขึ้นๆลงๆ แต่รักความถูกต้อง และฮามากๆอีกด้วย เรื่องย่อ เมื่อวาสนาด้ายแดงมาบรรจบ ทำให้ฟางเพ่ยเพ่ยสตรีต่ำศักดิ์ได้พบกับเจิ้งหยางเจี๋ย ฮ่องเต้ผู้สูงส่ง เขาทำทุกวิถีทางเพื่อหวังเป็นบุรุษหนึ่งเดียวในใจนาง ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีในวังหลัง อีกทั้งไฟสงครามที่กลับมาปะทุอีกครา รวมถึงการทรยศจากคนใกล้ตัว นี่คือบทพิสูจน์รักแท้ของเจิ้งหยางเจี๋ยและฟางเพ่ยเพ่ย

บุตรสาวของทรราชจะขอพลิกชะตา
ถูกทรยศหักหลังจากคนไว้ใจ นางสิ้นใจอย่างทรมาน เป็นวิญญาณล่องลอยอยู่นานหลายปี ทว่าสวรรค์ให้โอกาส เข้ามาอยู่ในร่างบุตรสาวของหมอหลวง นางจึงขอเปิดบัญชีแค้น เอาคืนผู้ที่กระทำผิดต่อครอบครัวนางอย่างสาสม!

จอมนางล่มบัลลังก์หงส์
‘จอมนางล่มบัลลังก์หงส์’ เป็นเรื่องราวการชิงไหวชิงพริบของสตรีวังหลัง การดำเนินเรื่องค่อนข้างมีความลึกลับซับซ้อน เริ่มจากเจตนาในการเข้าไปคัดตัวเข้าวังของเวินเหยาหยาที่นำพาไปสู่เรื่องราวมากมาย ตัวละครหลัก เวินเหยาหยา : ธิดาตระกูลเวิน อายุ เข้าวัยปักปิ่น หลี่เฉียนเล่อ : ถังเจ๋อจงฮ่องเต้ อายุ 20 เอี้ยนหนี่หง : ฮองเฮาสกุลเอี้ยน อายุ 19 ต้ามี่เซี๊ย : ไทเฮาสกุลต้า พระมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้ อายุ 37 ต้าเหม่ยจวง : ธิดาเฉิงกั๋วกงต้าเส่า อายุเข้าวัยปักปิ่น

ใต้เงารักทรราช
"เขา" คือ ทรราชที่โลกจารึก ส่วน "นาง" คือวิญญาณหลงยุคที่ย้อนอดีตกลับมาเกิดในร่างใหม่ ตัวอย่าง บางตอน ในที่สุดชิวเยี่ยก็กระจ่าง ที่แท้ตนอยู่ในยุคจ้านกว๋อ ยุคสงครามแย่งชิงดินแดน ยุคของฉินสื่อหวงตี้ ทรราชที่โลกจารึกนั่นเอง พอคิดไปถึงว่าตนย้อนกลับมาเกิดยุคเดียวกับฉินสื่อหวงตี้ ชิวเยี่ยพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที อดคิดไม่ได้ว่า หากมีโอกาสได้เห็นฉินสื่อหวงตี้ตัวเป็นๆ คงจะดีไม่น้อย “แล้วตอนนี้ ผู้ใดคือผู้ครองแคว้นฉินหรือ” ชิวเยี่ยเงยหน้าถามมู่ตงด้วยท่าทางกระตือรือร้น “ฉินจวงเซียงหวาง” มู่ตงตอบ นั่นมิใช่พระบิดาของฉินสื่อหวงตี้หรือ ชิวเยี่ยคิด นางมิได้เรียนประวัติศาสตร์มาเสียด้วย ชิวเยี่ยถามต่อไปอีกว่า “ฉินจวงเซียงหวางผู้นี้ ก่อนหน้านั้น ใช่องค์ประกันของแคว้นเจ้าหรือไม่” “โอ้ เจ้ารู้เรื่องนั้นด้วยหรือ” มู่ตงมีท่าทางแปลกใจเป็นคำรบสอง ทว่ายังคงตอบไปตามจริง “ใช่แล้วฉินจวงเซียงหวางเคยเป็นองค์ประกันแคว้นเจ้า พึ่งจะได้ขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นฉินเมื่อเดือนก่อน” ชิวเยี่ยพยักหน้าหลายคราติด ใช่จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นฉินสื่อหวงตี้ย่อมต้องถือกำเนิดมาแล้ว แล้วเขาอยู่ที่ใดกัน ไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาสักครั้งไหมหนอ

ต้าหวางอย่ามารักข้าเลย
OMG! ฉันจะกลับไปยังโลกปัจจุบันได้อย่างไร?

ตัวประกอบเช่นข้าคือสตรีที่ตัวร้ายหวงแหน
ความฝันของนางคือการเป็นคนร่ำรวยจึงคิดวิธีหาเงินโดยการขายข่าวของตัวละคร ทว่าไปๆมาๆกลับโดนตัวร้ายหมายหัว เพราะเขารู้ว่านางขายข่าวเขาให้กับพระเอก เพ่ยเหวินจวินจึงต้องหาวิธีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของตัวร้าย

เจียงชินเฟย จันทราตำหนักเย็น
สนมที่แม้แต่ชื่อฮ่องเต้ยังจำไม่ได้ แต่รสพิศวาสคืนแรกคืนเดียวของนางช่างตรึงใจ เจียงซินเฟยสนมที่ถูกลืมฝ่าบาทผู้ที่วันๆสนใจแต่เรื่องในราชสำนักไม่ใช่คืนเหน็บหนาวของฮ่องเต้แต่เป็นเพราะแววตาเศร้าสร้อยของนาง

ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’

ฮองเฮาเขย่าบัลลังก์
หลินหลิน เด็กหญิงกำพร้าถูกนำมาวางทิ้งไว้หน้าบ้าน อาม่าเฉินเมตตาเลี้ยงดูนางและคอยเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อโตขึ้นนางจึงยึดอาชีพเขียนบทละครตามความใฝ่ฝัน ชีวิตของหลินหลินต้องพลิกผันเมื่อซุปตาร์คนดังปฏิเสธบทที่นางเขียนขึ้น และส่งนางย้อนกลับไปในยุคต้าชิง เพื่อแก้ไขทั้งบทละครและเรื่องราวบางอย่าง ที่นั่นหลินหลิน ได้พบกับบุรุษรูปงามที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ท่านอ๋องเก้า ฉินจิ้นเหอ โอ้สวรรค์ ไยต้องแกล้งกัน ส่งนางลงมายืนงงๆ ในดงคนหื่นเช่นเขา! “หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้วเพคะ อยู่ที่บ้านเกิดต้องนั่งเขียนบทกว่าจะได้เงินแต่ละครั้งเมื่อยจะตาย มารับจ้างเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทดีกว่า รายได้คงดีกว่ามาก” “กล้าล้อเล่นกับข้าเหรอ ข้าเป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้า มองข้าแบบนี้หรืออยาก...” “อยากเพคะ มาครั้งนี้ หม่อมฉันมีแผนการ” “เจ้ามันร้ายนัก คิดจะมาเขย่าบัลลังก์ข้าหรืออย่างไร” “ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่ดี นำพาแผ่นดินสู่ความเจริญ หม่อมฉันจะทำแบบนั้นทำไม” “แล้วเจ้ามีแผนการอะไร จงบอกข้ามา” เสียงหวานสดใสมีเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลงก้มลงกระซิบเบาๆ ฉินจิ้นเหอมุ่นคิ้วพักเดียวก็หน้าแดงไปหมด “จริงหรือ เจ้าจะกลับมาเขย่าแท่นบรรทมของข้า” “เพคะ” นางออดอ้อนเสียงหวาน กล่าวจบแล้วซบลงบนแผ่นอกกำยำที่อบอุ่นจนนางไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนความรักแม้แต่น้อย “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอดูฝีมือของเจ้าหน่อยว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหนกัน ขาเตียงของข้าแข็งแรงยิ่งนัก สงสัยเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยมากทีเดียว”

องค์หญิงกาลกิณี
"ข้ามิใช่สตรีที่อ่อนแอ ไม่ว่าผู้ใดมายุ่งกับคนของข้า ข้าจัดการไม่เว้นหน้าไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าก็ตาม" หนิงเอ๋อ องค์หญิงกาลกิณีที่ถือกำเนิดในค่ำคืนแห่งความโศกเศร้า นางถูกตราหน้าว่าเกิดมาทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียเป็นเหตุให้มารดาของตนเองต้องมาตายหลังจากที่คลอดนางมาได้ไม่กี่ชั่วยาม นางมิเคยได้รับความรักความเมตตาจากบิดาที่เป็นฮ่องเต้แม้แต่น้อย แต่นางมิใช่สตรีที่อ่อนแอการที่นางโดนเนรเทศออกมาอยู่นอกวังทำให้นางมีจิตใจแข็งแกร่งและมิเคยยอมผู้ใด ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นตัวซวยนางจึงใช้ชีวิตไม่สนฐานะองค์หญิงเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่งนางได้พบเจอกับ หางเฟิง นายโลมรูปงามที่สุดแห่งหอนายโลมและเขายังเป็นเด็กน้อยที่เคยพูดคุยกับนางเมื่อยังเยาว์วัยทำให้นางพอคลายเหงาได้บ้าง แต่ทว่าการที่นางพบเจอกับหางเฟิงและเลี้ยงดูเขานั้นถึงหูของฝ่าบาท เพื่อไม่ให้ราชวงศ์เสื่อมเสียไปมากกว่านี้ฝ่าบาทจึงได้เขียนราชโองการให้องค์หญิงหนิงเอ๋อได้เข้าพิธีแต่งงานกับ แม่ทัพหลิวอี้เฟย เรื่องวุ่นวายก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นเพราะแม่ทัพหลิวอี้เฟยนั้นมีสตรีที่อยู่ในดวงใจของเขาอยู่แล้ว

เฟิ่งหวง
นางรับงานสังหารรัชทายาทต้าฉินเพราะรู้มาว่าเขาเป็นชายรักชาย แม้จะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขานางก็ได้หาอับอายไม่ แล้วไฉนเขาถึงทำราวกับว่ารู้จักสนิทสนมกับพี่ชายนางดีเช่นนี้

ท่านแม่ทัพโปรดมีลูกกับข้าเถอะ (ซีรี่ส์ชุด บุปผาสะท้านรัก)
เต้าเฟย ธิดาสายรองหัวหน้าเผ่าเออเค่อร์ซิน ถูกบิดาส่งมาเป็นสตรีบรรณาการแด่องค์จักรพรรดิแห่งต้าชิง ความฝันของบิดาที่อยากเห็นธิดาเป็นพระสนมต้องพังทลายเมื่อนางถูกส่งต่อให้เป็นฮูหยินพระราชทานแก่ ลู่เคอตัว แม่ทัพไร้พ่ายคู่พระทัย ก่อนวันแต่งงาน นางขอคำมั่นจากองค์จักรพรรดิ หากนางมีลูกชายเมื่อไร ขอให้นางมีสิทธิ์พาสายเลือดของนางกลับไปยังบ้านเกิด เป็นการสิ้นสุดพันธนาการที่มีต่อกัน ‘ลูกชายเท่านั้น!’ แต่บุรุษผู้ช่ำชองในสนามรบกลับหนีการเข้าหอตั้งแต่วันแรก ในเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่ใจเสาะไม่ยอมยกทัพมาประชิด นางก็จะยกทัพออกไล่ล่าสู้ศึกกับแม่ทัพใหญ่ไปจนสุดขอบเตียง! ไร้ยางอาย ปีศาจตนใดเสกคาถาใส่ สติเจ้าถึงได้ฟั่นเฟือนถึงเพียงนี้" "ท่านแม่ทัพ ท่านเปลี่ยนใจยอมร่วมเตียงกับข้าแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ" เต้าเฟยร้องถามด้วยน้ำเสียงมีจริตจะก้านกว่าเคย "เจ้าใจกล้าเทียมฟ้าจริงๆ ถึงได้คิดจะปล้ำข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำสำเร็จหรือไงกัน" "ทำสำเร็จหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ท่านเป็นสามีของข้า ในเมื่อท่านไม่ไปหาข้า ข้าก็จะมาหาท่านเอง ผิดตรงไหน ท่านต่างหากที่ไม่ยอมทำหน้าที่สามีแก่ข้า" ตอนนี้นี่เองที่ลู่เคอตัวไม่รู้แล้วว่า ที่นางเป็นอยู่ตอนนี้คือจิตสำนึกของนางเอง หรือเพราะมนตร์สะกดใดครอบงำอยู่กันแน่ "นี่เจ้า" ลู่เคอตัวเปล่งเสียงออกมาได้แค่นั้น คาถาที่เขาเคยเล่าเรียนมาจากอาจารย์ถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ แล้วใช้พละกำลังที่เหนือกว่าพลิกร่างเต้าเฟยที่ไม่ทันตั้งตัวให้นอนลงกับเตียง นางหวีดร้องออกมาคำหนึ่ง "โอ้ย!" จากนั้นร่างบอบบางที่มีเพียงแค่เอี๊ยมกับกางเกงนอนก็เป็นฝ่ายเสียท่านอนหงาย สายตาประสานกัน เป็นนางที่ถูกเขาทาบทับไว้จนหมดตัว "เจ้าทำให้ข้าลืมคาถา แล้วข้าจะช่วยเจ้าได้เยี่ยงไร" "ท่านลืมคาถาก็ไม่ต้องท่องสิเจ้าคะ แค่ทับขึ้นมาบนร่างของข้าก็พอ" "ไร้ยางอาย ปีศาจตนใดเสกคาถาใส่เจ้า สติเจ้าถึงได้ฟั่นเฟือนเพียงนี้" "ท่านแม่ทัพ ท่านเปลี่ยนใจยอมร่วมเตียงกับข้าแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ" เต้าเฟยร้องถามด้วยน้ำเสียงมีจริตจะก้านกว่าเคย "เจ้าใจกล้าเทียมฟ้าจริงๆ ถึงได้คิดจะปล้ำข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำสำเร็จหรือไรกัน" "ทำสำเร็จหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ท่านเป็นสามีของข้า ในเมื่อท่านไม่ไปหาข้า ข้าก็จะมาหาท่านเอง ผิดตรงไหน ท่านต่างหากทีไม่ยอมทำหน้าที่สามีแก่ข้า" (เรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับ สนพ ไลต์ออฟเลิฟ)
