ตัวประกอบเช่นข้าคือสตรีที่ตัวร้ายหวงแหน

101.0K · จบแล้ว
หย่งเอ๋อร์
41
บท
7.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความฝันของนางคือการเป็นคนร่ำรวยจึงคิดวิธีหาเงินโดยการขายข่าวของตัวละคร ทว่าไปๆมาๆกลับโดนตัวร้ายหมายหัว เพราะเขารู้ว่านางขายข่าวเขาให้กับพระเอก เพ่ยเหวินจวินจึงต้องหาวิธีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของตัวร้าย

นิยายจีนโบราณเกิดใหม่ในนิยายนางเอกเก่งท่านอ๋องข้ามมิติพระชายาวังหลังจีนโบราณโรแมนติกนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 อยากเป็นคนร่ำรวย

กลางตลาดวุ่นวายในเมืองหลวง ยามนี้เป็นเวลาบ่ายคล้อย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่เพื่อจับจ่ายซื้อขายสินค้า สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของ เสียงพ่อค้าแม่ขายต่างพากันตะโกนแข่งกันเรียกลูกค้าเสียงดัง 

บริเวณริมสุดทางเดิน มีดรุณีน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังคนหนึ่งนั่งอยู่ นางอยู่ในอาภรณ์เรียบง่ายถึงแม้จะไม่ได้ดูหรูหรางดงามแต่ก็ดูสะอาดตา

"ฮ้าวว" มือบางยกมือขึ้นปิดปากพลางอ้าปากกว้างหาวออกมาอย่างอดไม่อยู่ ขอบตาคู่งามปริ่มไปด้วยหยดน้ำที่เกิดจากการหาวเมื่อครู่นี้

เพ่ยเหวินจวินมองผักสีเขียวที่วางเรียงรายอยู่เต็มแผงด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ นางนั่งอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วยามแล้ว แต่ขายผักได้เพียงไม่กี่กำเท่านั้น นางหันไปมองแผงผักอีกสี่ห้าแผงที่วางเรียงรายกันอยู่ข้างๆ อย่างละเหี่ยใจ ก็เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า นางถึงขายของไม่ออกสักที

ดวงตากวางเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ บัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม สายลมกรรโชกพัดผ่านมาจนฝุ่นตลบ ก่อนที่จะทอดถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะคิดว่าวันนี้คงขายของไม่ออกเสียแล้ว

"แจกผักจ้า เอาไปได้เลย ข้าไม่คิดเงิน" เพ่ยเหวินจวินคิดว่าวันนี้อย่างไรนางก็คงขายผักไม่ได้หรอกจึงยอมเทกระจาดแจกฟรีไปเสียเลย เพียงแค่สิ้นประโยคนั้น เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็กรูกันวิ่งเข้ามาที่แผงขายผักของนาง ชั่วพริบตาเดียวผักหลายกำที่วางอยู่เต็มแผงก็หายไปจนหมดเกลี้ยง

นางลุกขึ้นปัดเศษดินที่ติดเปื้อนกระโปรงออก ไม่สนใจต่อแววตาขุ่นเคืองของพ่อค้าแม่ค้าขายผักที่อยู่รายล้อมที่กำลังมองมาด้วยความโกรธ เพราะนางแจกของไม่คิดเงินจนทำให้พวกเขาขายผักไม่ได้ ก่อนจะหยิบผ้าเก่าๆสีหม่นมาสะพายเป็นย่ามและเดินจากไป 

"หลีกทางให้รถม้าคุณหนูจ้าวด้วย!" เสียงห้าวของชายผู้หนึ่งดังขึ้น เรียกความสนใจให้ทุกคนหันไปมอง พลันไม่นานก็เห็นรถม้าคันใหญ่ตกแต่งอย่างหรูหรากำลังวิ่งเข้ามายังถนนกลางตลาด

เพ่ยเหวินจวินเงยหน้าขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าขับผ่านมา สายลมพัดเอื่อยๆ ทำให้ผ้าม่านปลิวไสวไปตามแรงลมเผยให้เห็นสตรีหน้าตางดงามผู้หนึ่งนั่งอยู่ภายใน

"เหอะ!" นางแค่นเสียงเหอะออกมาในลำคอเล็กน้อย คุณหนูสกุลจ้าวงั้นหรือ งั้นนางผู้นี้ก็คือจ้าวฉิงไม่ผิดแน่

น่าอิจฉาวาสนาของนางเอกยิ่งนัก เกิดมาในชาติสกุลสูงส่ง มีแต่ผู้คนมารุมล้อมให้ความรัก ไม่เหมือนกับนาง...

เพ่ยเหวินจวินหวนนึกไปถึงชีวิตอันสุขสบายของตนก่อนตาย ในตอนนั้นนางเป็นถึงคุณหนูไฮโซลูกสาวเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลชื่อดังของประเทศ แต่เพราะมัวแต่ติดซีรี่ย์ อ่านนิยายจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืน จวบจนวันหนึ่งทนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไป ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้เข้ามาอยู่ในร่างของเพ่ยเหวินจวิน ตัวประกอบไร้ชื่อในนิยายที่ดันมีชื่อเหมือนตนเองเรื่องล่าสุดที่ตนเคยอ่าน ซึ่งมีมารดาเลี้ยงเป็นเพียงคนขายผักธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น

เวรกรรมอันใดหนอ! อุตส่าห์ได้เข้ามามีชีวิตอยู่ในนิยายเรื่องนี้ เหตุใดนางถึงไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เหมือนในนิยายบางเรื่องที่เคยอ่านบ้างเล่า!

ทว่าเรื่องราวไม่ได้มีแค่เพียงเท่านั้น เพราะชีวิตของนางในภพชาตินี้น่าสงสารยิ่งนัก หลังจากที่บิดาสิ้นชีพจากไปเมื่อปีก่อน นางก็ต้องอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายตามลำพัง อีกทั้งยังโดนใช้ให้มาขายผักหาเลี้ยงชีพ แต่เงินที่ได้กลับต้องยอมมอบให้ยัยแม่เลี้ยงนั่นไปจนหมด

เดิมทีเพ่ยเหวินจวินรู้สึกเวทนาในวาสนาอันต่ำต้อยก็ตนยิ่งนัก แต่ทว่าหลังจากทำใจได้ก็พบว่าตนเองชินเสียแล้ว คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งเพ่ยเหวินจวินผู้นี้จะเป็นหนึ่งในสตรีที่ร่ำรวยของแคว้นหวงหลงให้จงได้! 

เพ่ยเหวินจวินเดินเตร็ดเตร่มาจนถึงท้ายตลาด เดินผ่านป่าไผ่ไปอีกไม่ไกลก็จะถึงเรือนแล้ว ทว่าขณะที่กำลังเดินเล่นชมนกชมไม้อยู่นั้นก็มีวัตถุบางอย่างทิ่มแทงเข้ามาที่ต้นคอของนางเบาๆ

"อะ!" นางน้องออกมาด้วยความเจ็บ เพราะรับรู้ได้ถึงความแหลมคมของมันที่โดนผิวกายอันบอบบางของตน

"มีทรัพย์สินมีค่าอะไรส่งมาให้หมด" 

โจรปล้นสินะ! เฮ้ออออ 

"พี่ชายข้าจะเอาเงินให้ท่าน แต่ท่านช่วยขยับมีดออกไปจากข้าก่อนได้หรือไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกเกร็งจนเมื่อยคอไปหมดแล้ว" 

"ค่อยๆหันหน้ามาอย่าคิดตุกติกหาไม่ข้าจะสังหารเจ้าเสีย" 

เพ่ยเหวินจวินยอมทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อหันกลับมาก็เห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาแต่งกายซอมซ่อบนศีรษะสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้าเองไว้

"ไหนล่ะของมีค่ารีบเอาออกมาได้แล้ว!" น้ำเสียงแหบห้าวเดาได้ว่าคงอยู่ในวัยกลางคนตะคอกเสียงดัง

เพ่ยเหวินจวินจึงส่งย่ามใบเก่าไปให้เขา ชายผู้นั้นเห็นก็รีบคว้าเอาไว้และใช้มือล้วงเข้าไปค้นหาของมีค่าอย่างรวดเร็ว

"มีเท่านี้เองหรือ" เขามองเงินสองอีแปะในมือด้วยความไม่พอใจ

"ก็มีแค่นี้แหละ ท่านเห็นข้าร่ำรวยมากหรืออย่างไรกัน ขายผักก็ไม่ได้ขายยังมาโดนโจรปล้นอีก เฮ้อออ กลับไปต้องโดนท่านแม่ตีตายแน่เลย" นางบ่นพึมพำ แต่กระนั้นก็ดังพอให้ชายตรงหน้าได้ยิน เขาส่งสายตามองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เห็นว่านางเป็นเด็กสาวคนหนึ่งร่างกายผอมบาง เสี้ยววินาทีหนึ่งก็บังเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาในใจ 

"เงินสองอีแปะไม่พอซื้อซาลาเปาไส้หมูด้วยซ้ำไป"

"ก็ใช่น่ะสิ แต่ข้าไม่มีเงินถึงสี่อีแปะให้ท่านไปซื้อกินหรอกหนา เอาไปแค่นี้แหละ มาปล้นเขาแล้วก็อย่าเรื่องมาก เอาเงินไปแล้วก็ปล่อยข้าไปเสีย" เพ่ยเหวินจวินเอ่ยก่อนจะคว้าย่ามของตนคืนเมื่อเห็นว่าเขาได้เงินไปแล้ว จากนั้นก็หมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินจากไป

"เดี๋ยวสิเจ้าเด็กน้อย"

"อะไรอีกเล่า" 

"ข้าให้เอาไปซื้อซาลาเปาไส้หมูกินเถิดหนา" เขาจับมือของนางขึ้นมาและยัดของบางอย่างใส่มืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งจากไป

เพ่ยเหวินจวินแบมือออกเห็นเงินจำนวนสี่อีแปะก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ นางน่าสงสารแม้กระทั่งโจรยังเอาเงินให้นางเลยหรือ

เพียงแค่ประตูเรือนเปิดออก ร่างท้วมของคนผู้หนึ่งก็ปรี่เข้ามาหา ดวงหน้างามของเพ่ยเหวินจวินแปรเปลี่ยนเป็นเหยเกรู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นแขนจากแรงกระชาก

"จวินจวิน เหตุใดถึงกลับเร็วนัก เงินขายผักอยู่ที่ใดรีบส่งมาให้ข้า"

"ท่านแม่ ปล่อยข้าก่อน ข้าเจ็บ" เพ่ยเหวินจวินดึงแขนของตนออกจากมือของซ่งจื่อ ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากเอวส่งให้นาง

"อะไรกัน! ให้ผักไปขายตั้งเยอะ แต่ขายได้เพียงเท่านี้เองหรอกหรือ" ซ่งจื่อมองเงินสี่อีแปะด้วยความไม่พอใจ

"ก็ได้เท่านี้แหละเจ้าค่ะ หากท่านแม่ไม่เชื่อวันหลังก็ไปขายเองดูสิ"

"เอ๊ะ! ข้าถามดีๆ เหตุใดต้องยอกย้อนด้วยเล่า เดี๋ยวก็โดนตบปากฉีกหรอก" ซ่งจื่อเอ่ยพลางยกมือขึ้นสูง หมายจะตบสั่งสอนลูกเลี้ยงปากดี

"ไม่เอาน่า น้องจื่อ ปล่อยนางไปเถอะ นางยังเด็กนัก" เสียงห้าวของคนผู้หนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกมาจากห้อง เพ่ยเหวินจวินส่งสายตามองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ชายผู้นี้มีนามว่าตงอู่ เป็นคนรักใหม่ของซ่งจื่อ

"เด็กอะไรกัน นางพ้นวัยปักปิ่นมาหลายเดือนแล้วนะ" น้ำเสียงแข็งกระด้างในคราแรกของซ่งจื่ออ่อนลง

"อย่ามายุ่งกับข้า!" เพ่ยเหวินจวินตวัดเสียงใส่ด้วยความโกรธ บิดาของนางเพิ่งจากไปได้ไม่นาน แม่เลี้ยงของนางก็แต่งงานใหม่ เขามีอายุมากกว่านางเกือบเจ็ดปี อีกทั้งยังพามาอาศัยอยู่ที่เรือนของนางอีกด้วย

เพ่ยเหวินจวินเห็นสายตาโลมเลียของตงอู่ที่มองมาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมาอยู่รอมร่อ

"พูดกับท่านลุงดีๆ นะจวินจวิน อย่างไรเขาก็อายุมากกว่าเจ้า เป็นผู้น้อยต้องมีสัมมาคารวะหาไม่คนเขาจะว่าเอาได้ว่าข้าไม่สั่งไม่สอนเจ้า"

เพ่ยเหวินจวินลอบเบะปาก ก่อนจะเถียงกลับด้วยน้ำเสียงยียวน

"ใครว่าท่านแม่ไม่สั่งไม่สอนข้ากันเจ้าคะ ท่านแม่อบรมสั่งสอนข้าเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องการใช้มารยาจับบุรุษร่ำรวย"

"เอ๊ะ! นี่เจ้า!" ความอดทนของซ่งจื่อขาดสะบั้นลง นางปรี่เข้าไปหาเพ่ยเหวินจวินพลางเงื้อมมือขึ้นหมายจะตบลงบนหน้าขาวๆ เป็นการสั่งสอน ทว่าเพ่ยเหวินจวินตั้งท่ารับอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ร่างท้วมพุ่งเข้ามาหา นางก็เอี้ยวตัวหลบและรีบวิ่งหนีเข้าห้องไป

"จวินจวินกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ข้าจะเอาเลือดปากของเจ้าออกให้ได้!"

"ไม่เอาน่า น้องจื่ออย่าอารมณ์เสียไปเลย มามะเข้าไปในห้องกันเถอะ วันนี้พี่อู่จะตามใจน้องจื่อทุกอย่างเลย" ตงอู่พยายามพูดเอาใจซ่งจื่อ แทนตัวเองว่าพี่ ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่านางก็ตาม

ซ่งจื่อแกล้งทำท่าทางกระเง้ากระงอด โทสะที่มีหายไปเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะยอมเดินตามการจับจูงของบุรุษรุ่นลูกที่อายุห่างกันเกือบสิบห้าปีเข้าไปในห้อง