บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 หนทางสู่ความร่ำรวย

ยามนี้เพ่ยเหวินจวินอยู่ในห้องนอนตามลำพัง นางหยิบเงินส่วนที่เหลือออกมาจากกระเป๋าลับที่ปักซ่อนอยู่ภายใต้อกเสื้อออกมา ก่อนจะเก็บลงไปในหีบและซ่อนมันไว้ใต้เตียงอย่างดี ชั่วครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงครวญครางของชายหญิงคู่หนึ่งดังแว่วมา พวงแก้มสองข้างร้อนผ่าวขึ้น นางไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร

มือบางยกมือขึ้นปิดหู ยามนึกถึงสายตาของตงอู่คนรักใหม่ของแม่เลี้ยงที่มองนางแต่ละครั้งก็รู้สึกขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ เพ่ยเหวินจวินคิดว่ายามนี้นางต้องเร่งหาเงินให้ได้เยอะๆ โดยไว และรีบย้ายออกไปจากเรือนโกโรโกโสแห่งนี้จะเป็นการดีกว่า ในเมื่อคนที่รักนางอย่างท่านพ่อก็จากไปแล้ว เพ่ยเหวินจวินก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นใดที่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เมื่อนึกถึงวิธีหาเงิน ริมฝีปากบางก็หยักโค้งขึ้นเล็กน้อย นับว่าในความโชคร้ายที่ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะก่อนที่จะจากมาจากยุคปัจจุบัน เพ่ยเหวินจวินได้อ่านนิยายเรื่องนี้จบไปแล้ว นางย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวละครในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง

เพ่ยเหวินจวินคิดไปพลางหัวเราะด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ การพบเจอกับจ้าวฉิงในวันนี้ทำให้นางพบหนทางหาเงินที่จะพานางไปสู่ความร่ำรวย ก่อนจะเปิดสมุดไม้ไผ่ขึ้นมา ใช้พู่กันขีดเขียนลงไป

อีกสามวันข้างหน้าจะมีงานประลองเพื่อค้นหายอดฝีมือที่จัดขึ้นเป็นประจำปีของแคว้นหวงหลง เกาเหรินหมิง พระรองที่ควบตำแหน่งตัวร้ายจะร่วมการประลองในครั้งนี้ด้วย และแน่นอนว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระเอกของเรื่อง โม่เสว่ชง ทว่าในนิยายตัวร้ายมีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจกว่าพระเอก ท้ายที่สุดตัวร้ายของเรื่องได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้และได้ของรางวัลเป็นถุงหอมจากสาวงามนามว่า จ้าวฉิง นางเอกนิยายนั่นเอง

แต่เพ่ยเหวินจวินวางแผนจะชิงเข้าไปส่งข่าวให้โม่เสว่ชงทราบเสียก่อน นางจะบอกเขาเรื่องอาวุธและท่าประลองที่ตัวร้ายใช้ในงานเพื่อให้ได้รับความดีความชอบจากเขา และจากนั้นนางก็จะคิดค่าตอบแทนในการทำความดีครั้งนี้เป็นจำนวนเงินห้าสิบตำลึงทอง

เพ่ยเหวินจวินนึกถึงเม็ดเงินห้าสิบตำลึงทองที่ต่อให้ขายผักทั้งเดือนก็ไม่สามารถหาเงินจำนวนเท่านี้มาได้ ลางทีมันอาจจะมากกว่าเงินขายผักทั้งปีของนางเสียด้วยซ้ำ และหากโม่เสว่ชงไว้ใจนางแล้ว นางก็จะขายข่าวอื่นๆ ให้แก่เขาและเรียกเงินมากขึ้นตามจำนวนความสำคัญของความลับ เพ่ยเหวินจวินคิดอย่างมีความสุขเมื่อเห็นหนทางหาเงินที่แสนง่ายดายของนาง

วันต่อมา เพ่ยเหวินจวินค่อยๆ แง้มประตูห้องเปิดออก เมื่อเห็นว่าภายนอกไม่มีผู้ใด นางจึงค่อยๆ ย่องออกมา อาจเป็นเพราะเวลานี้ยังเช้าอยู่มาก ซ่งจื่อมารดาเลี้ยงของนางยังไม่ตื่น นางตั้งใจออกจากเรือนเวลานี้ หาไม่เช่นนั้น ซ่งจื่อก็จะใช้ให้นางไปขายผักที่ตลาดอีกเหมือนเดิม

ร่างบางระหงก้าวเดินอย่างระมัดระวัง อาศัยแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องผ่านประตูไม้ที่เกิดเป็นรูผุพังตามกาลเวลาแต่ไม่มีเงินซ่อมเข้ามาภายใน ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูเรือน ในขณะที่มือบางกำลังยื่นออกไปหมายจะผลักประตูเปิดออก เพ่ยเหวินจวินก็ต้องสะดุ้งโหยงขึ้นอย่างสุดตัว เพราะมีมือหนาของใครบางคนรวบร่างบางเข้าไปกอดไว้แน่น!

"จวินจวิน จะออกไปไหนหรือ"

"ปล่อยข้านะ!" นางพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวงแขนของเขา ทว่ายิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดนางแน่นขึ้น

"อย่าดีดดิ้นไปหน่อยเลยน่า มาเป็นเมียข้าอีกคนเถอะ ข้าสาบานว่าจะไม่ให้น้องจื่อรังแกทำร้ายเจ้าได้"

เพ่ยเหวินจวินได้กลิ่นสุราหึ่งออกมาจากกายของเขา นางรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่รอมร่อ ทว่าก็พยายามตั้งสติ และกระทืบเท้าใส่หลังเท้าของตงอู่อย่างแรง

"โอ๊ย!" เขาร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บ มือหนาปล่อยออกจากคนตัวเล็กทันที กระโดดเหยงๆ ใช้มือกุมเท้าของตนเองด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

เพ่ยเหวินจวินไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูอีกหน ทว่าตงอู่ก็ยังคงไม่ละความพยายาม เขาใช้มือคว้าแขนเรียวของนางเข้ามาหาตัว

"ข้าจะฟ้องท่านแม่"

"เอาสิ! ฟ้องเลย คิดว่าน้องจื่อจะเชื่อใครระหว่างเจ้ากับข้า" เขาพูดอย่างเป็นต่อ รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอย่างไรซ่งจื่อก็ต้องเชื่อเขา เพราะนางรักและหลงเขาอย่างมาก

ตงอู่เห็นคนตรงหน้าเงียบก็ได้ใจ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หมายจะชิมความหวานจากริมฝีปากบางของลูกเลี้ยงสาว ทว่า...

ปั้ก!

"โอ๊ย!" ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ โลหิตสีแดงฉานไหลลงมาอาบเปื้อนใบหน้า มือหนาสั่นระริก อ้าปากพะงาบๆ ไม่นึกว่าดรุณีน้อยตรงหน้าจะกล้าทำร้ายเขาถึงเพียงนี้

"สมน้ำหน้า ไอ้คนชั่ว!" เพ่ยเหวินจวินเหยียดยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ก่อนจะโยนกระถางธูปในมือทิ้งและวิ่งออกไปจากเรือนด้วยความรวดเร็ว

ร้านโยวโฉ่วเป็นร้านสุราชื่อดังประจำเมืองชินหลง เป็นที่นิยมพบปะสังสรรค์ของบรรดาบุรุษชั้นสูง ในนิยายกล่าวเอาไว้ว่าโม่เสว่ชงจะแวะเวียนมาที่นี่ทุกๆ กลางสัปดาห์เพื่อมาพบปะเพื่อนฝูงและร่ำสุราตามประสาชายหนุ่ม

ร่างเล็กของเพ่ยเหวินจวินเดินเข้ามาในร้าน เห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันพลุกพล่าน ซึ่งส่วนมากจะเป็นบุรุษ พวกเขาแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราราคาแพง นางไม่รอช้าก้าวเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง

ห้องทรงสี่เหลี่ยม มีม่านสีน้ำเงินติดอยู่หน้าประตู อยู่ภายในมุมสุดของทางเดินฝั่งทางด้านขวา

เพ่ยเหวินจวินท่องจำประโยคนี้ได้อย่างขึ้นใจ ดวงตากลมโตมองหาห้องที่เป็นเป้าหมายในการมาครั้งนี้ ครั้นเมื่อเห็นจุดหมายก็แย้มยิ้มกว้างตรงดิ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ

ที่บริเวณหน้าประตูมีชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนยืนอยู่ ดูจากการแต่งกายและท่าทางองอาจผึ่งผายของพวกเขาแล้ว เพ่ยเหวินจวินคิดว่าพวกเขาต้องเป็นผู้ติดตามของโม่เสว่ชงเป็นแน่

"พี่ชาย ข้าขอเข้าไปพบคุณชายโม่ได้หรือไม่" เพ่ยเหวินจวินกล่าวเสียงหวาน พลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มสองคนตรงหน้าของนาง

เถียนหยวนส่งสายตามองสตรีร่างเล็กที่เดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะตอบเสียงแข็ง

"เจ้ามาผิดห้องแล้ว คุณชายโม่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้"

เพ่ยเหวินจวินก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว มองสำรวจประตูห้องอีกหน นางจะมาผิดห้องได้อย่างไร ในเมื่อห้องนี้ตรงตามกับที่บรรยายในนิยายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

"พี่ชาย ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกคุณชายโม่จริงๆ หากท่านไม่ยอมให้ข้าเข้าพบเขา ท่านจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่"

"เจ้าเด็กนี่! ฟังไม่รู้เรื่องหรือก็ข้าบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องคุณชายโม่อย่างไรเล่า" น้ำเสียงแข็งกระด้างกล่าวขึ้นอีกหน ใบหน้าเรียบเฉยหล่อเหลาขมวดคิ้วถมึงทึง หากใจไม่แข็งพอคงจะตกใจร้องไห้วิ่งหนีไปแล้ว

เพ่ยเหวินจวินมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจนัก นางอุตส่าห์ดิ้นรนมาถึงที่นี่แล้ว อย่างไรก็ต้องได้พบโม่เสว่ชง นางจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน

ทว่าดูเหมือนว่าความพยายามของเพ่ยเหวินจวินจะบังเกิดผล เพราะในตอนนี้ประตูห้องที่ปิดสนิทในตอนแรกค่อยๆ เปิดออก ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งเดินออกมา เพ่ยเหวินจวินอ้าปากค้าง มองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง

เขาคนนี้หน้าตาหล่อเหลาสมกับเป็นพระเอกของเรื่อง ใบหน้าคมสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูปงดงาม คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเล็กน้อยรับกับดวงตาดุดันนุ่มลึก รูปโฉมของคนผู้นี้สง่างามประหนึ่งจิตรกรวาดรังสรรค์ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีบริเวณไหนมีที่ติเลย หล่อขนาดนี้เขาต้องเป็นพระเอกโม่เสว่ชงไม่ผิดแน่

"ท่าน..." เถียนหยวนขานเรียกเจ้านายยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหุบปากลง เมื่อเห็นมือหนายกขึ้นเป็นสัญญาณให้เขาเงียบ

"เจ้ามาพบคุณชายโม่มีเรื่องอะไรงั้นหรือ"

"ข้ามีเรื่องคุณหนูจ้าวฉิงจะมาบอกท่าน" เพ่ยเหวินจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"คุณหนูจ้าวฉิงงั้นหรือ เช่นนั้นเชิญเจ้าเข้ามานั่งสนทนากับข้าข้างในเถิด" ชายหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน เพ่ยเหวินจวินรีบผงกศีรษะรับ พลางคิดชื่นชมคนตรงหน้าในใจ โม่เสว่ชงเป็นคนดีสมกับเป็นพระเอกจริงๆ ทั้งสุภาพ อ่อนโยน อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลา สมแล้วที่เป็นที่รักใคร่ของทุกคนไม่เว้นแม้แต่เกาฮ่องเต้ที่รักเขาประหนึ่งบุตรชายคนหนึ่ง ลางทีอาจจะรักเขามากกว่าเกาเหรินหมิงโอรสแท้ๆ ของพระองค์เสียอีก และเพราะเหตุนี้ทำให้ตัวร้ายเกาเหรินหมิงเกิดความริษยา บุรุษทั้งสองต่างชิงดีชิงเด่นกันเรื่อยมา ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของหัวใจ

เพ่ยเหวินจวินทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา เบื้องหน้ามีโต๊ะไม้ทรงกลมขวางกั้นคนทั้งคู่เอาไว้อยู่

"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือห้องของคุณชายโม่"

เพ่ยเหวินจวินชะงักไปเล็กน้อย หากนางบอกความจริงไป เขาคงไม่เชื่อนางอย่างแน่นอน

คนร่างสูงเห็นเจ้าของร่างเล็กเงียบไปก็ใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ ดวงตาคมกริบกวาดมองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงหน้าของนางเกลี้ยงเกลา อิ่มเอิบมีชีวิตชีวา คิ้วตาสะท้อนถึงความอบอุ่น ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องแต้มชาด

ณ เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาเห็นท่าทางประหม่าเขินอายของนาง แม้จะไม่งดงามสะคราญหยาดฟ้าเท่ากับจ้าวฉิง แต่เขากลับรู้สึกชื่นชมดวงตาราวกับเมล็ดซิ่งที่ทอประกายสดใสร่าเริงของนางยิ่งนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel