บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ขายข่าวแลกเงิน

"ข้า... ข้าสอบถามคนแถวนี้มา" เพ่ยเหวินจวินพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เบือนหน้าหนีสายตาของเขาไปอีกทาง

"แล้วเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าห้องของโม่เสว่ชงต้องขึ้นบันไดทางฝั่งปีกตะวันออก"

เพ่ยเหวินจวินชะงักไปเล็กน้อย ครุ่นคิดกับวาจาของเขา ไม่นานดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้น

'แย่แล้ว นางขึ้นบันไดผิดฝั่ง!'

"ละ แล้วทะท่านเป็นผู้ใดกัน" นางถามอย่างละล่ำละลัก ก่อนที่ขนเกรียวจะลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อเห็นริมฝีปากหนาหยักโค้งขึ้น แววตาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทดั่งนิลกาฬของเขา

"ข้าก็คือ เกาเหรินหมิงอย่างไรเล่า" 

'โอย อยากจะเป็นลมยิ่งนัก' หากเลือกได้ เพ่ยเหวินจวินอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ และวิ่งออกไปร้องกรี๊ดดังๆเหลือเกิน เข้าห้องของใครไม่เข้า ดันมาเข้าห้องของพระรองที่ควบตำแหน่งตัวร้ายซะได้

งานแรกก็ดันทำพลาดเสียแล้ว! ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าบันไดร้านโยวโฉ่วจะมีสองฝั่ง แถมตัวร้ายก็รูปโฉมงดงามจนแทบลืมหายใจ ก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพระเอกโม่เสว่ชงไปได้

"เอ่อ... ขอประทานอภัยเกาอ๋อง หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ" ร่างบางผุดลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว รีบวิ่งไปที่ประตู ทว่าเกาเหรินหมิงก็ไม่รอช้าอยู่เช่นกัน เขาตามไปคว้าแขนนางอย่างรวดเร็ว

หมั่บ! 

ใบหน้าหล่อเหลาแปรเปลี่ยนเป็นเหยเก มองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าใช้ฟันกัดแขนของเขาจนจมเขี้ยว ความเจ็บแล่นปรี่ขึ้นมาจนต้องปล่อยมือออกจากนาง

ปัง! 

ประตูห้องเปิดออก เถียนหยวนมองคนตัวเล็กที่วิ่งออกมาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงแหบห้าวของเจ้านายดังขึ้น

"จับนาง!" 

"กรี๊ดด! คุณชายโม่ช่วยข้าด้วย" เพ่ยเหวินจวินตะโกนเสียงดังลั่น ไม่หวั่นสายตาของคนที่มองมา เถียนหยวนกับคนติดตามของเกาเหรินหมิงวิ่งตามนางมาติดๆ แต่พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรมาก เพราะในตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเพ่ยเหวินจวินจะว่องไวสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหนีขายาวๆของเถียนหยวนได้ทัน ร่างบางลอยหวือขึ้นเหนือพื้นดินเพราะในตอนนี้เถียนหยวนจับคอเสื้อของนางยกขึ้น

"เงียบเดี๋ยวนี้!" เถียนหยวนกระซิบเสียงเหี้ยม กว่าจะจับตัวนางได้ทำให้พวกเขาถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว

"คุณชายโม่ช่วยข้าด้วย ข้ามีเรื่องคุณหนูจ้าวฉิงจะมาบอกท่าน หากท่านไม่ช่วยข้า ท่านต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่" เพ่ยเหวินจวินอ้าปากร้องตะโกน ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะในตอนนี้เบื้องหน้าของนางปรากฏร่างกำยำของบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหา

"นางเป็นคนของข้า ปล่อยนางเดี๋ยวนี้" น้ำเสียงนุ่มทุ้มกล่าวขึ้น เพ่ยเหวินจวินถึงกับยิ้มกว้าง มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าคนตรงหน้าคือโม่เสว่ชงไม่ผิดแน่ ถึงแม้ว่าจะแอบขัดใจกับนักเขียนอยู่บ้าง เหตุใดถึงเขียนให้ตัวร้ายหน้าตาดีกว่าพระเอก

"ขออภัยคุณชายโม่ด้วย ท่านอ๋องมีรับสั่งให้ข้าพาตัวนางไปพบขอรับ"

"ข้าคงปล่อยนางไปไม่ได้หรอก เพราะนางเป็นคนของข้า" 

"เช่นนั้นคุณชายก็ไปบอกท่านอ๋องเองเถอะขอรับ" เถียนหยวนกล่าวอย่างนอบน้อม ทว่าแววตากลับมั่นคงไม่หวั่นไหว

"หากเจ้าไม่ปล่อยนาง ข้าจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทูลแก่ฮ่องเต้ ลองไตร่ตรองดูเถิด สตรีตัวเล็กๆอย่างนางโดยท่านอ๋องสูงศักดิ์รังแก รู้ไปถึงไหนก็อับอายไปถึงนั่น" โม่เสว่ชงเลือกใช้วิธีตีกระบอกไม้ไผ่ เขารู้จุดอ่อนของเกาเหรินหมิงจึงแกล้งนำเรื่องนี้ขึ้นมาขู่

แววตาของเถียนหยวนวูบไหวไปชั่วขณะหนึ่ง รู้ว่าความสัมพันธ์ของพ่อลูกไม่ค่อยดีนัก หากเขายังคิดจะดันทุรังดื้อรั้นต่อไป มีแต่จะทำให้ท่านอ๋องของเขาตกที่นั่งลำบาก

ท้ายที่สุดเถียนหยวนก็ปล่อยร่างเล็กของเพ่ยเหวินจวิน ทันทีที่เท้าแตะพื้น นางก็รีบวิ่งไปหลบหลังของโม่เสว่ชงทันที

"ห้าสิบตำลึงทอง ไม่มากไปหน่อยหรือ" ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อยมองเพ่ยเหวินจวินอย่างไม่ไว้ใจนัก โม่เสว่ชงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เขาแวะมาที่ร้านโยวโฉ่วเพื่อกินดื่มสังสรรค์ตามปกติ แต่ไม่นึกว่าขณะที่กำลังนั่งสนทนาอยู่ในห้องส่วนตัวของสหายจะได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาดังลั่นไปทั่วร้าน

คราแรกเขาไม่สนใจนัก แต่เมื่อได้ยินชื่อของจ้าวฉิง คนรักของเขาจึงรีบเดินออกมาหาต้นตอของเสียง และได้พบกับดรุณีน้อยผู้หนึ่งเข้า นางแนะนำตัวว่านางชื่อ เพ่ยเหวินจวิน และมีเรื่องสำคัญของจ้าวฉิงจะบอกเขา

"ข้าคิดว่าสำหรับท่านแล้วเรื่องของคุณหนูจ้าวฉิงมีค่ามากกว่าห้าสิบตำลึงทองเสียอีก"

โม่เสว่ชงแค่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ มองคนช่างเจรจาตรงหน้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่นางจะบอกเป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่มาหลอกเอาเงินของเขากันแน่

เพ่ยเหวินจวินเห็นสีหน้าลังเลของเขาก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยโน้มน้าวต่อทันที

"คุณชายโม่ ข้าได้ยินมาว่าจวนของท่านใหญ่โต สกุลโม่ร่ำรวยเงินทองไม่แพ้ผู้ใดในแคว้นหวงหลง ท่านจะคิดมากกับเงินเพียงแค่ห้าสิบตำลึงทองไปทำไมกัน"

ขณะที่เอ่ยก็ลอบสังเกตสีหน้าของคนตัวโตไปพลาง ทว่าโม่เสว่ชงยังคงเงียบ เพ่ยเหวินจวินเริ่มหงุดหงิด สุดท้ายจึงผุดลุกขึ้นยืนเก็บหนังสือไม้ไผ่ใส่ย่ามสีหม่นกลับคืน

"เอาเถอะ หากท่านไม่เชื่อข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปพบเกาอ๋องและบอกเรื่องนี้กับเขาแทนก็แล้วกัน" เพ่ยเหวินจวินไม่ง้องอนคนคิดเยอะอีกต่อไป ในเมื่อโม่เสว่ชงไม่ยอมรับข้อเสนอของนาง นางก็จะไปบอกเกาเหรินหมิงเรื่องการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าเขาจะเป็นผู้ชนะและเรียกเงินจากเขาแทน

"แม่นางเพ่ยหยุดก่อน!"

มือที่กำลังจะผลักบานประตูเปิดชะงักไปเล็กน้อยพร้อมคลี่ริมฝีปากยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะแสร้งตีหน้าขรึมหันมาหาเจ้าของเสียงเรียก

"ตกลง ข้าจะยอมจ่ายให้เจ้าห้าสิบตำลึงทอง แลกกับข้อมูลที่เจ้าจะบอกข้า"

"ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ท่านทำให้ข้าเสียเวลาอยู่นานทีเดียว ขอคิดเพิ่มอีกสิบตำลึงทองเป็นค่าเสียเวลาก็แล้วกัน"

โม่เสว่ชงถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด เพ่ยเหวินจวินเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ทว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือกจึงตกลงจ่ายให้นาง

"ได้ หกสิบก็หกสิบ" ไม่เป็นไรหรอก เงินทองแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงหรอกหนา

เพ่ยเหวินจวินยิ้มกว้างส่งหนังสือไม้ไผ่ในมือให้เขา ก่อนที่มืออีกข้างจะคว้าเอาถุงเงินที่เขายื่นมาให้พลางเหน็บใส่เอวอย่างดี

"รู้ใช่หรือไม่ว่าหากเจ้าพูดจาโกหกหลอกลวงข้าจะเป็นอย่างไร"

เพ่ยเหวินจวินผงกศีรษะรับ กล่าวอย่างอารมณ์ดี

"อีกสามวันข้างหน้า ข้าจะไปพบท่านที่จวนสกุลโม่ หากในยามนั้น ข่าวที่ข้าบอกท่านไม่เป็นความจริง ข้าจะยอมให้ท่านลงโทษแต่โดยดี" เพ่ยเหวินจวินตอบด้วยความมั่นใจ นางกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าอย่างไรความลับที่นางขายให้เขาไปก็จะเป็นจริงและเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"ลี่หาน ส่งคนไปบอกเสี่ยวฉิงภายในสามวันนี้ห้ามออกจากจวน ไม่ต้องไปร่วมงานประลองในปีนี้และส่งคนไปอารักขานางที่จวนให้แน่นหนาขึ้น" โม่เสว่ชงมองตามแผ่นหลังบางของเพ่ยเหวินจวินไปจนลับสายตา จากนั้นก็ออกคำสั่งกับคนติดตามข้างกาย

"ขอรับคุณชายโม่" ชุยลี่หานรับคำเสียงหนักแน่น จากนั้นก็เดินออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง

เพ่ยเหวินจวินเดินกลับมาที่เรือนอย่างอารมณ์ดี นางยกมือขึ้นหมายจะเปิดประตูแต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้า

นางมองหารูที่ปรากฏอยู่ตรงบานประตู ก่อนจะมองลอดเข้าไปด้านใน เผยให้เห็นว่าตอนนี้ซ่งจื่อกำลังหวดแส้ไม่ไผ่ในมือไปมา ข้างกายของนางมีตงอู่นั่งกุมศีรษะอยู่

"หากจวินจวินกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะตีนางให้ตายคามือ กล้าดีอย่างถึงทำร้ายพี่อู่ของข้าจนเลือดตกยางออกถึงเพียงนี้"

"จวินจวินคงจะเกลียดข้ามาก ข้าเพียงเข้าไปถามไถ่นางด้วยความเป็นห่วง เห็นว่าฟ้ายังไม่ทันจะสว่างเต็มที่นางก็ย่องออกจากเรือน แต่ไม่นึกเลยจริงๆ ว่านางจะทำร้ายข้าจนถึงขนาดนี้" ตงอู่แสร้งตีหน้าเศร้า สักพักก็ร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ

"ร้ายกาจนัก! เห็นทีว่าข้ากับนางคงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!" ซ่งจื่อเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเคือง พลางหวดแม้ไม้ไผ่ในมือไปมา

เพ่ยเหวินจวินรู้ได้ทันทีว่านางไม่อาจอยู่ที่เรือนหลังนี้ได้อีกต่อไปแล้ว คิดได้ดังนั้น คนตัวเล็กก็ถอนสายตาออกและวิ่งไปที่หน้าต่างห้องนอน ปีนเข้าไปข้างใน นางเปิดหีบใส่เงินที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมาใส่ย่ามของตนเอาไว้ และรีบหนีออกมาจากที่นั่นทันที

เพ่ยเหวินจวินส่งสายตามองเรือนหลังเล็กที่เริ่มผุพังไปตามกาลเวลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนท่านพ่อจะสิ้นชีพ เขาได้ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องดูแลเรือนหลังนี้ให้ดี ทว่าตอนนี้นางกลับไม่อาจทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านพ่อได้ เอาเถอะ... ท่านพ่อเจ้าขา หากข้ามีวาสนา จะกลับมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ข้าขอไปใช้ชีวิตตามใจชอบก่อนก็แล้วกัน เพ่ยเหวินจวินยิ้มแป้น นางไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใจหรอกหนา มีเงินซะอย่างจะไปที่ไหนก็ได้ มือบางล้วงถุงเงินหกสิบตำลึงทองที่โม่เสว่ชงมอบให้นาง ก่อนจะเดินฮัมเพลงจากไปอย่างอารมณ์ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel