ราชวงศ์/ชนชั้นเจ้า

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี้ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก
ชาติที่แล้วนางรักเขาสุดหัวใจแต่กลับต้องเจ็บปวดจนชีวิตพังทลาย ครานี้เหยียนซือเหยียนย้อนเวลากลับมา จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ขอรักเขาอีกแล้ว! แต่ผู้ใดจะคิดเล่า ว่าสุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่ตามนางไม่ปล่อย ต่อให้หนีก็ไม่พ้น ต่อให้หลบก็ไม่รอด บอกไว้เลยว่า... ชาตินี้นางไม่ขอรักเขาอีกแล้วจริงๆ!

ชาตินี้ข้าขอเป็นชายาองค์ชายจอมโฉด
องค์ชายเก้าจอมโฉดผู้นั้นข้าจะให้เขาเป็นสามี! หวนคืนกลับมาครานี้ข้าขอตัดวาสนากับสามีเก่า เดินหน้าแก้ไขชีวิตไปพร้อมๆ กับยั่วยวนว่าที่สามีใหม่ ทว่า...เหตุใดจึงกลายเป็นนางที่ถูกเขายั่วยวนเล่า! ++++++ “ให้ตายเถอะเจ้าตัวแสบ!” องค์ชายเก้าถานซีหยางใช้มือข้างหนึ่งประคองร่างบางที่ถูกสกัดจุดจนสลบให้นอนลงบนฟูก ก่อนจะหันไปมองมือเล็กที่ยังคงกำกระบอกไม้ไผ่ของเขาเอาไว้แน่น “ยุ่งยากแล้ว” องค์ชายหนุ่มมีสีหน้าปั้นยาก ค่อยๆ แกะนิ้วมือที่เหนียวดั่งตีนตุ๊กแกของเจ้าลิงน้อยทีละนิ้ว ความอุ่นนุ่มของมือที่กุมแท่งหยกของเขานั้นยิ่งทำให้เอ็นอุ่นขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม ปวดตุบๆ หน่วงไปทั้งหน้าขาด้วยต้องการปลดปล่อย ใบหน้าของเขาเหยเก ลมหายใจติดขัด ลอบมองคนเมาที่ยังคงหลับตาพริ้มเป็นระยะ “ให้ตายเถอะ! เจ้าคิดว่าแท่งหยกของข้าเป็นกระบอกไม้ไผ่ไปได้อย่างไรกัน” คิดแล้วก็ถึงกับเผลอหลุดหัวเราะออกมา ไม่คิดเลยว่าเฟิ่งเยว่สือยามเมามายจะทำเรื่องตลกน่าขบขันถึงเพียงนี้ แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องบิดเบี้ยวใบหน้าเหยเกเมื่อนิ้วชี้และนิ้วกลางที่แกะออกไปแล้วดีดกลับมากำรอบแท่งหยกของเขาเอาไว้อีกครา “อา...” องค์ชายถานซีหยางหน้าแดงก่ำ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง พยายามควบคุมหัวใจไม่ให้เต้นกระโจนแรงไปมากกว่านี้ เขาตั้งใจแกะนิ้วตุ๊กแกออกอีกครั้งอย่างระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่เช่นนั้นคืนนี้ทั้งคืนเขาอาจต้องนั่งให้นางกุมกระบอกไม้ไผ่จนถึงรุ่งสาง ครานี้เรื่องที่เขาปลอมเป็นสตรีคงได้ถูกเปิดโปงเป็นแน่! แล้วในที่สุดเขาก็แกะนิ้วสุดท้ายของนางออก ทันทีที่แท่งหยกเป็นอิสระชายหนุ่มผงะถอยหลังไปหลายก้าวราวกับต้องการเวลาตั้งตัว เขายกมือลูบหน้าตนเองหลายๆ ครั้งเพื่อเรียกสติ จากนั้นจึงเดินวนไปวนมาในห้องจนแท่งหยกแข็งขึงค่อยๆ สงบลง เมื่อแน่ใจว่านางจะไม่ตื่นขึ้นมาแน่ๆ แล้ว จึงได้เดินกลับเข้าไปหาแล้วห่มผ้าให้นางอย่างเบามือ “ขยันทำให้ข้าเป็นห่วงเสียจริง” ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยไปตามเส้นผมที่ระกรอบหน้าหวาน ก่อนจะสัมผัสเบาที่ใต้ตาแดงช้ำ หยาดน้ำตาของนางทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก ชาติก่อนนางลำบากมากเหลือเกินแล้ว ชาตินี้เขาจะไม่ให้นางต้องพบเจอกับความลำบากอีก “เจ้าลิงน้อย เจ้าจับแท่งหยกของข้าแล้ว อย่างไรเจ้าก็ต้องรับผิดชอบตัวข้า ต้องเป็นเจ้าสาวของข้า เข้าใจหรือไม่...” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป สัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวน อยากจะ ‘จูบ’ มากกว่าแค่ประกบปากสัมผัส แต่ก็จำต้องหักห้ามใจ “ฝันดีนะเจ้าลิงน้อย”

ท่านร้ายข้าก็ร้าย...มีสิ่งใดไม่เหมาะสม
ครั้นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นอันเนี่ยนฉีพบว่าตนเองได้รับโอกาสให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง สวรรค์ส่งให้นางย้อนเวลากลับมา แต่เหตุใดจึงไม่ให้นางย้อนเวลาไปก่อนหน้านั้นสักสองถึงสามชั่วยาม อย่างน้อยก็ควรจะเป็นก่อนที่นางจะกระทำเรื่องโง่เง่าอย่างการวางยาพิษกับบุรุษที่นอนร่วมเตียงกับนางในเวลานี้ เมื่อได้รับโอกาสก็ต้องลองดู เป้าหมายของนางคือการแก้แค้นครอบครัวที่เคยทอดทิ้ง แก้แค้นทุกคนที่กระทำเรื่องชั่วช้าต่อนาง แต่ไฉนเลยเมื่อนางยิ่งแก้ทุกอย่างยิ่งกลับตาลปัตรเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม ทุกอย่างดำเนินไปราวกับผีเสื้อขยับปีก เมื่อเดินไปเส้นทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งก็ย่อมเปลี่ยน ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางคาดเดาล้วนแล้วแต่เปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกฝ่ามือ หรือจริง ๆ สาเหตุที่สวรรค์ส่งนางมาอีกครั้งก็เพื่อให้เผชิญกับความยากลำบากอีกครั้ง หรือสวรรค์ก็เพียงแค่ต้องการกลั่นแกล้งเล่นสนุกกับชีวิตมนุษย์ที่ไร้ค่าของนางแค่เพียงเท่านั้นงั้นเหรอ?

ข้ามภพมาเป็นที่ปรึกษาขององค์ชาย
“เดี๋ยวก่อน หรงเว่ยอิง นี่เจ้า” “ถอดเสื้อผ้าออก ไม่ต้องห่วง ข้ารับผิดชอบท่านเอง ข้าจะไม่ทิ้งท่านหรอก วางใจได้แต่ตอนนี้ช่วยข้าก่อน ....” มาแล้วจ้าเรื่องใหม่พร้อมเสิร์ฟค่ะ ครั้งนี้มาพร้อมกับเรื่องแนวทะลุมิติมานะคะ เรื่องของบุตรสาวของท่านแม่ทัพและองค์ชายที่เก่งกาจด้านกลยุทธ์การศึกและออกรบ แต่กลับอ่อนหัดเรื่องสตรีชนิดที่เด็กอนุบาลยังเก่งกว่า มาตามลุ้นกับเรื่องราวของที่ปรึกษาและองค์ชายกันนะคะ “แม่นางหรง!! นี่เจ้า….มาทำอะไรอยู่ในป่านี้” “ท่าน….ท่านเป็นใครกัน” เสียงแหบพร่าถามออกไป ใบหน้านางเริ่มเปลี่ยนสี ปากแดงจัดราวลูกเชอร์รี่สุกทำเอาคนตรงหน้าลอบกลืนน้ำลายลงไป “ข้าหมิงตงหยาง ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเจ้าก็ลืมข้าแล้ว……อืม” เว่ยอิงกระโจนใส่เขาทันที ปากบางนั้นกำลังบดขยี้เขาอย่างจงใจ ร่างน้อยๆ เบียดไปมาบนร่างแกร่งของเขาที่ตกใจกับการกระทำนี้ “เดี๋ยวก่อน หรงเว่ยอิง นี่เจ้า” “ถอดเสื้อผ้าออก ไม่ต้องห่วง ข้ารับผิดชอบท่านเอง ข้าจะไม่ทิ้งท่านหรอกวางใจได้ แต่ตอนนี้ช่วยข้าก่อน อืมม..” ** นิยายเรื่องนี้แต่งมาจากจินตนาการของนักเขียนล้วนๆ ตัวละครและสถานที่เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาทั้งหมด อาจจะมีซ้ำหรือใกล้เคียงกับเรื่องอื่นๆ ได้บ้าง เนื้อหาและพลอตเรื่องนี้เน้นเรื่องรักตามชื่อเรื่องค่ะ ปมมีนิดหน่อย แต่ตอนเขียนไรต์แอบมีน้ำตาเล็กน้อยนะ อิอิ เหมาะสำหรับผู้อ่านอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป อาจจะมีการบรรยายฉากอีโรติกและการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพนะคะ

ท่านอ๋องเย็นชากับพระชายาจำเป็น
ตกลงจะเป็นแค่พระชายาจำเป็นให้เพียงหกเดือน แต่ทำไมจ้องแต่จะกินข้าเช่นนี้เล่าเพคะท่านอ๋อง....ทั้งตามหึง ทั้งรุกหนักขนาดนี้ แล้วข้าจะรอดหรือไม่ ไหนบอกว่าท่านอ๋องผู้นี้เย็นชาไง!! นี่มันหื่นเกินไปแล้ว!! "หมิงอันเฟย" ศิษย์สาวอันดับหนึ่งของสำนักเทียนซู หนีลงเขาเพราะจดหมายจากบิดาที่จะจับนางหมั้นหมายกับบุรุษที่นางไม่พึ่งใจ ด้วยนิสัยรักสนุก ชอบท่องเที่ยว ดื้อดึง นางจึงหนีมายังเมืองฉินโจว แคว้นฉิน จนได้พบกับเขาโดยบังเอิญ "เซียวฟู่เฉิน" ชินอ๋องแห่งฉินโจวที่ถูกคนรักและพี่ชายแท้ ๆ หักหลัง เขากลายเป็นคนเย็นชา ไม่ไว้ใจผู้ใดอีกเลยแต่เมื่อพบกับนาง เขากลับเริ่มถูกละลายพฤติกรรมไปทีละน้อยจนต้องตามหานางไปถึง "หอต้าหรง" หรือองค์กรลับที่ทำงานเป็นสายสืบทั่วทุกแคว้น มาสาขาตามที่ต่าง ๆ ถึงสิบกว่าแห่ง เขายื่นเงื่อนไขให้นางเป็น "พระชายา" ให้เขา ที่หอต้าหรง หากอยากได้เงิน ที่พักและอาหาร ต้องทำงานแลก อันเฟยจึงยอมตอบรับเงื่อนไขของท่านอ๋องผู้นี้แต่ว่าใครจะรู้.... "ยิ่งใกล้ ยิ่งอยากสัมผัส...." "ยิ่งอยู่ห่างสายตา กลับยิ่งมองหา" "ยิ่งเห็นคนอื่นเข้าใกล้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด" หึหึสุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์จนเผอทำร้ายคนจนได้ เอ๊า!!....พระเอกผู้เย็นชาของชั้น จะไม่ทน "จากไม่สนใจกับเริ่มรุก.....และรุกหนักขึ้น" "จากพระชายาปลอม ๆ กลับไม่ยอมทำตามข้อตกลงเสียแล้ว" "จู่ ๆ ท่านอ๋องก็อยากกินพระชายาปลอม ๆ ผู้นี้ขึ้นมา เอาอย่างไรล่ะ จะรอดหรือไม่กันนะ....... ตามไปดูความคลั่งรักพระชายาปลอม ๆ ของท่านอ๋องที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง จะถูกสาวน้อยเช่นอันเฟยละลายหัวใจจนกลายเป็นโบ้น้อยได้หรือไม่.... เหตุการณ์ในนิยายเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มีถ้อยคำและการบรรยายเรื่องเพศค่อนข้างละเอียด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี ชื่อคน สถานที่และอื่น ๆ ล้วนสมมุติขึ้น โดยมิได้อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ อ่านเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น

กลับมาครั้งนี้ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม
สิ่งที่ข้าต้องการมันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ? เพียงเพื่อเอาใจชายคนรัก ถึงขนาดลากตระกูลหลินทั้งตระกูลและตระกูลเสวี่ยต้องลงเหวไปพร้อม ๆ กัน หากไม่เป็นเพราะข้าดึงดัน ทุกอย่างมันจะดำเนินมาถึงจุดนี้ไหมนะ ‘ลูกจะแต่งกับเขา!’ ‘หากเจ้าเป็นเด็กดียอมเชื่อฟัง ข้าจะให้ทุกอย่างกับเจ้า...’ ‘วางใจเถอะ! ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน’ ‘ตระกูลหลินและตระกูลเสวี่ยมีโทษฐานก่อกบฏ ประหารเก้าชั่วโคตร!’ ‘ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ตระกูลของเราจะมีจุดจบเช่นนี้เหรอ!’ ‘ทั้งหมด มันก็เป็นเพราะความโง่งมของเจ้า!’ ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ซูเอ๋อร์ผิดต่อพวกท่าน ซูเอ๋อร์ไม่หวังให้พวกท่านให้อภัย แต่ซูเอ๋อร์จะตามพวกท่านไป’ ถ้าหากข้า สามารถกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง...ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม!!

ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์
เพื่อนและแฟนที่รักจงใจปั่นหัวดั่งเธอโง่งม ท่ามกลางไฟสลัวกลับมีมือคู่หนึ่งยื่นบางอย่างมาให้ พร้อมแสงสุดท้ายในโลกใบเดิม ทว่าเธอกลับได้เกิดใหม่ในร่างสตรีตัวร้าย ซ้ำยังถูกตราหน้าว่าอัปลักษณ์ทั้งกายและใจ

เกิดมาชาตินี้ ข้าจะผูกด้ายแดงเส้นใหม่
เพราะลุ่มหลงในรัก จึงมิรู้ว่าตนถูกพี่สาวและสวามีหลอกใช้ ร่วมมือกันแทงข้างหลังจนตระกูลต้องโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร เมื่อได้ย้อนกลับมาครานี้ นางจะเอาคืนให้สาสม ไม่มีทางผูกด้ายแดงกับคนชั่วผู้นั้นอีกเด็ดขาด เรื่องย่อ : ฟ่านลี่จวิน บุตรีสกุลแม่ทัพ เก่งกาจห้าวหาญไม่แพ้ชาย ทว่าเรื่องรักกลับอ่อนหัด ถูกองค์ชายที่เกิดจากคณิกาหลอกให้รัก เพื่อใช้อำนาจทางการทหารในการแย่งชิงบัลลังก์ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว คนผู้นั้นกลับใส่ร้ายสกุลนางจนต้องโทษประหาร หนำซ้ำยังร่วมมือกับพี่สาวต่างสายเลือดของฟ่านลี่จวิน ป้อนยาพิษให้นางกับมือของพวกเขา ถึงอย่างนั้นสวรรค์ก็พอจะเมตตาอยู่บ้าง ชาตินี้นางจะไม่มีทางยอมให้พวกมันทำลายครอบครัวของนางได้อีก ฟ่านลี่จวินผู้นี้จะเอาแค้นนี้กลับคืนให้พวกมัน แล้วจะผูกด้ายแดงเส้นใหม่ แม้ใครต่อใครจะเอ่ยว่านางโง่เง่า ที่เลือกองค์ชายตาบอดมาเป็นสวามีก็เถิด ชีวิตนี้นางมิขอเดินทางผิดอีก ทว่าเหตุใดสวามีตาบอดผู้นี้จึงมิคิดจะให้ความร่วมมือกับนางเลยสักนิด! เหรินเทียนเล่อ x ฟ่านลี่จวิน “ข้าไม่แต่งกับเจ้า!” “พระองค์มีสตรีในใจอยู่แล้วหรือ” “ข้า ข้า-” เสียงตะกุกตะกัก ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด “องค์ชายอย่าได้เป็นกังวล อีกไม่นานก็จะหย่าขาดกับพระองค์ หลังจากนั้นจะแต่งนางเป็นชายาเอกก็ย่อมได้ หรือจะให้นางแต่งเข้าพร้อมข้าก็ตามแต่ใจท่าน” “จะเป็นไปได้อย่างไร! โง่เง่า หากข้าหย่าน้องแล้วแต่งพี่ หรือแต่งพี่น้องเข้ามาพร้อมกัน มันเหมาะอย่างนั้นหรือ” “พระองค์หมายถึง หงชินฮวา สตรีชั่วนางนั้นหรือ” หึ เหตุใดนะเหตุใด นังสตรีชั่วผู้นั้นจึงมีแต่คนชื่นชอบ คิดจะต่อด้ายแดงเส้นใหม่ บุรุษผู้นี้ก็ดันมีใจรักกับพี่สาวสารเลวของนางอีกหรือ ลี่จวินนะลี่จวิน...ช่างโชคร้ายเหลือเกิน

สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง
เกริ่น อดีตสายลับอย่างนางความอดทนอดกลั้นไม่เป็นสองรองผู้ใดอยู่แล้ว ...ถูกทิ้งหรือ ? ทนได้ชิว ๆ ...ถูกกลั่นแกล้งหรือ ? นางย่อมทนได้ ...แต่การอดทนของ เฟยเมี่ยว ผู้นี้ย่อมไม่เหมือนใคร ! ต่อหน้านางจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่โต้ตอบ แต่ลับหลังนั้นใครทำอัันใดไว้ย่อมต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนอง สำหรับสายลับหน่วยงานราชการเก่าอย่างนาง วังหลวงก็แค่สนามเด็กเล่นแหละน่า ขนาดองค์รัชทายาทยังเป็นสหายคนสนิท ฮองเฮาก็เอ็นดูราวเป็นลูกแท้ ๆ แต่กับชินอ๋องผู้นั้นไยเข้าถึงได้ยากยิ่ง สายลับก็เถอะนางขอถอยห่างเสียดีกว่า... ถูกทิ้งแล้วอย่างไร คุณหนูเฟยเมี่ยวผู้นี้จะยืนหยัดด้วยขาของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งใครให้ดู !!!

หวนคืนครานี้ข้าขอเป็นเพียงนางร้ายปลดระวางผู้หนึ่ง
จุดจบของนางร้ายนั้นคือความตาย ภพชาติใหม่นี้ขอเป็นเพียงนางร้ายปลดระวางผู้หนึ่งแต่ดูเหมือนเรื่องราวกลับตาลปัตร ทั้งพระเอกและตัวร้ายทำเหมือนมีใจให้นางร้าย นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน ฉู่ไจ๋ไจ๋งงไปหมดแล้ว!

ต้องทำเช่นไร ให้พวกท่านลุ่มหลง
(3P) เรื่องย่อ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณ รักสำหรับผู้ใหญ เน้นฉาก NC พล็อตเบามากมีบทบนเตียงตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป โปรดใช้พิจารณาในการอ่านค่ะ เมื่อน้องชายต้องกลายเป็นฮ่องเต้น้อยตั้งแต่อายุเพียงสี่ขวบ องค์หญิงใหญ่รั่วเสียนจึงต้องช่วยปกป้องฝ่าบาทน้อยเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ ด้วยการใช้ความงามหลอกล่อสองฝาแฝดผู้มากอิทธิพลแห่งวังหลวงให้ลุ่มหลง!

กลับมาครานี้ขอใช้ชีวิตแบบสงบ
ซูเหมยฮวา ใช้อำนาจของบิดาเสนาบดีซูเหลียง ขอพระราชทานสมรสระหว่างแม่ทัพใหญ่เซี่ยซีฮั่น ด้วยความรักที่นางมีคิดว่าแต่งไปแล้วท่านแม่ทัพจะสนใจตัวนางบ้าง แต่นางคิดผิด ท่านแม่ทัพไม่แม้แต่จะเข้าหอ ไม่เคยก้าวเท้าไปที่เรือนของนางเลย เพราะท่านแม่ทัพมีหญิงในดวงใจอยู่แล้วคือ แม่นาง หลันเฟยหย่า สาวงามผู้เพียบพร้อมแห่งเมืองหลวง หลันเฟยหย่ามักจะตั้งโรงทานบ่อยครั้ง จนชาวบ้านทั่วเมืองเรียกขานว่าคุณหนูใหญ่หลันผู้ใจบุญ ซูเหมยฮวา แต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพได้เพียงเดือนเดียว เซี่ยซีฮั่นก็แต่งหลันเฟยหย่ามาเป็นฮูหยินรองที่ใช้เกี้ยวแปดคนหามเทียบเท่าซูเหมยฮวา งานแต่งครั้งนี้เป็นการตบหน้าจวนเสนาบดีซูอย่างแรง ซูเหมยฮวา ได้แต่เก็บความเจ็บช้ำเพราะทุกสิ่งที่นางได้รับนางเป็นคนเลือกเอง ในเมื่อไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านแม่ทัพบ่าวไพร่ก็ไร้การเหลียวแล มีแค่บ่าวที่มาจากบ้านเดิมสองคน อาหารการกินก็โดนกลั่นแกล้งจากหลันเฟยหย่า ข้าวของที่ฮูหยินเอกสมควรได้ก็ไม่เคยมาถึง ซูเหมยฮวาโดนหลันเฟยหย่าส่งมาอยู่ท้ายจวน หลันเฟยหย่าแจ้งท่านแม่ทัพว่าซูเหมยหย่าอยากอยู่สงบๆ ท่านแม่ทัพไม่เคยสนใจเลยให้ทุกอย่างในจวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหลันเฟยหย่าทั้งหมด ทุกครั้งที่ซูเหมยฮวาพบหน้าท่านแม่ทัพ หลันเฟยหย่าจะหาเรื่องบ่าวทั้งสองคนของซูเหมยฮวาต้องเจ็บตัวทุกครั้งและไม่ให้ทางห้องครัวส่งข้าวมาให้ บ่าวในจวนไม่มีคนใดกล้าปากมากบอกท่านแม่ทัพเพราะจะโดนโบยแล้วขายออกไป ตั้งแต่แต่งเข้าจวนแม่ทัพ ซูเหมยฮวาได้พบหน้าท่านแม่ทัพแค่เพียงนิ้วมือนับได้ หลังจากแต่งเข้ามาสองปี ชีวิตของซูเหมยฮวามีแต่ความทุกข์นางร้องไห้จนไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว วันหนึ่งได้ข่าวร้ายของจวนเสนาบดีซูถูกกล่าวหาเข้าร่วมกบฏกับเฉิงอ๋อง โดนโทษประหารทั้งตระกูล ระหว่างที่นางเสียใจ หลันเฟยหย่า มาหาที่เรือน กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะความโง่ของซูเหมยฮวาที่คิดอยากจะแย่งท่านแม่ทัพจากนาง การที่จวนเสนาบดีซูโดนโทษประหารเพราะถูกใส่ร้ายจากเสนาบดีหลัน บิดาของ หลันเฟยหย่า หลังจากจวนเสนาบดีซูถูกประหารได้ สามวัน หลันเฟยหย่าให้มือสังหารมาจัดการกับซูเหมยฮวา จิตสุดท้ายก่อนตายซูเหมยฮวา วิงวอนต่อสวรรค์ขอโอกาสกลับมาอีกครั้งนางจะไม่โง่เลือกเซี่ยซีฮั่นแน่นอน ซูเหมยฮวา "ข้าแต่สวรรค์ ข้าขอโอกาสอีกสักครั้ง ข้าทำผิดต่อตระกูลซูนัก ผิดต่อท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ทั้งสอง ข้าผิดที่เลือกเซี่ยซีฮั่น ข้าขอโอกาส" "เซี่ยซีฮั่น แม้กระทั่งเกิดเรื่องกับตระกูลข้า ท่านไม่เคยถามความรู้สึกข้าสักคำ จนวันที่ข้าจะตายหน้าท่านข้าก็ไม่ได้พบ ถ้าได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง ขออย่าได้พบกันอีกเลย" "หลันเฟยหย่าผู้ใจบุญ ถ้าขอได้โอกาสกลับมา ขอสาบานว่าข้าจะฉีกหน้ากากใจบุญของเจ้าออกมาให้คนทั้งแคว้นฉีได้รู้"

ภรรยากำมะลอของท่านหมอรูปงาม
นางตกกะไดพลอยโจรต้องรับหน้าที่เป็นภรรยาเขา เพื่อเอาตัวรอด ส่วนเขารับนางเอาไว้เป็นไม้กันหมา หวังใช้นางเป็นเกราะกำบังจากสตรีทั่วทั้งเมือง แล้วเรื่องวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นกับสถานะกำมะลอของทั้งคู่

นางโจรขโมยใจองค์ไท่จื่อ
....ขโมยหัวใจข้าไป ก็อย่าได้คิดจะหนีไปได้อีกเลย....เมื่ออีกคนก็ปากแข็งไม่ยอมรับใจตัวเอง และอีกคนก็ช่างหาเรื่องและขีหึง เรื่องจึงวุ่นวาย..... “ซินเหยา เจ้าแพ้แล้ว” “ท่านอย่าเขามานะ ข้าขอสู้ตาย อย่านะ ออกไป” “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมข้อตกลงของเรานะ” “เว่ยจื่อหยาง นี่ท่าน อื้ออ อาา อย่านะ อื้อออ..” มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างนางผ่านชุดชั้นในบางเบาของนาง ทำให้ซีเหยาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ตรงส่วนที่เขาสัมผัส จื่อหยางเริ่มถอดเสื้อออกเผยให้เห็นอกกว้าง ทำให้นางเริ่มรู้สึกตื่นเต้น หัวใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะ และเริ่มรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆ และจูบนาง “อื้ออ อย่าาา อาาาา อืมมมม” ร่างน้อยบิดไปมากับสัมผัสของนิ้วที่เลื่อนไปเรื่อยๆ ตามซอกคอและร่องอกลึกของนาง ก่อนจะค่อยๆ ลูบไปที่ยอดปลายถัน ทำให้มันแข็งขึ้นมาดันชุดจนเห็นชัด เขาเริ่มใช้ลิ้นเข้าช่วยในการเชยชมมันทำที ก่อนที่คนใต้ร่างของเขาจะเริ่มร้องครางออกมาอย่างลืมตัว “อื้ออ อาาา อื้ออ” “เจ้ากลั้นเสียงทำไมกัน” “ปล่อยข้านะ ข้าไม่อยาก…” “จริงหรือ เจ้าไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลยอย่างนั้นหรือ เหยาเหยา อย่าหลอกตัวเอง” “ข้า…อ๊าาา ไม่นะ ท่าน..หยุดนะ”

ชายาพิษ โฉมสะคราญบรรณาการ
พระชายาเว่ยเยว่ซินโฉมงามบรรณาการ มอบร่างให้วิญญาณนางบุตรสาวของเจ้าสำนักหมื่นพิษถูกฆ่าตาย การแก้แค้นและทำหน้าที่พระชายาจึงได้เริ่มต้นขึ้น

เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย
มู่หลานเฟิน ทะลุมิติไปหลายครั้งหลายหน เป็นทั้งคน ทั้งสัตว์ ครั้งนี้ได้ทะลุมิติมาเป็นถึงหลานสาวของพระชายาเอกจวนชินอ๋อง เดิมทีคิดว่าจะสุขสบาย แต่กลับผิดคาด เมื่อท่านป้านางคือตัวอันตรายที่จ้องจะปลิดชีพ เซวียนซานหลาง บุตรชายที่เกิดจากอดีตพระชายาคนก่อน หวังแย่งตำแหน่งซื่อจื่อจวนอ๋องมาให้บุตรชายของตน ที่สำคัญประวัติเจ้าของร่างนี้ที่นางมาอยู่ก็ใช่ย่อย ทั้งยั่วยวน ทั้งหลอกล่อเซวียนซานหลางสารพัดจนเขาชังน้ำหน้า นอกจากเขาจะขู่ฆ่านางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว ยังไม่อยากจะเข้าใกล้นางอีกด้วย แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาและนางจะต้องเข้าไปช่วยกันสืบคดีปริศนาทั้งสามคดี ทุกคดีล้วนแฝงเร้นไปด้วยอันตรายและความลับที่ชวนหวาดหวั่น ระหว่างที่สืบคดี ความรู้สึกดีดีก็บังเกิดขึ้นไปพร้อมกัน แต่ความรู้สึกที่มากล้นนี้กลับเหมือนเข็มพิษอันตราย เมื่อนางคือหลานสาวของคนที่คิดจะสังหารเขา และเขาก็ต้องเลือกว่าจะถนอมความรักเอาไว้ หรือกำจัดคนที่คิดร้าย เซวียนซานหลางจะเลือกอะไร และมู่หลานเฟินจะเปลี่ยนใจเขาเช่นไร

สายลับทะลุมิติ ไปเป็นพระสนมสายชิล
สายลับจากยุคสองพันทะลุมิติมาอยู่ในร่างพระสนม และใช้ชีวิตเหมือนถูกขังในวังหลัง ทว่า สายลับหมดไฟผู้นี้ได้ใช้โอกาสที่ตนเป็นเจ้านายคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยใช้ จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยน ทำให้สนมสายชิลกลับมามีตัวตนเสียอย่างนั้น ไหนจะฝ่าบาทที่ทำทีเป็นโปรดปรานตน ทว่าทำให้นางใช้ชีวิตไม่ต่างจากเป้านิ่งคอยรับลูกธนูไม่เว้นวัน เอาล่ะ ชีวิตแสนชิลของนางหมดสิ้น !! หากอยากมีชีวิตอยู่มีแต่ต้องขุดทักษะสายลับมาปกป้องตนเองแล้ว

ฝันวสันต์ผลาญรัก
ท่านพ่อที่ไม่เคยบอกรัก คนที่นางหมายมั่นตั้งใจก็ไปแต่งงานกับผู้อื่น สามีก็เหมือนจะรักกับน้องสาว ญาติที่นางมีก็หักหลัง พี่เลี้ยงที่นางไว้ใจก็คือผู้ที่ทำร้ายนาง * * หากมีใครในโลกนี้ที่น่าสงสารที่สุดก็คงจะเป็นนาง . . . เฮ่อฟู่หลิงเพียรพยายามทำทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อที่ในวันข้างหน้านางจะได้แต่งงานกับบุรุษอันดับหนึ่งของแผ่นดิน อย่างเฉาเสวียนอวี้ แต่ไฉนเลยนางกลับได้แต่งงานกับบุรุษพิการเป็นใบ้ ซ้ำยังเป็นเชลยศึกต่างแคว้นที่ถูกจับมาเป็นตัวประกัน ที่ถูกผู้คนทั้งแผ่นดินดูหมิ่นดูแคลน . . . ริมฝีปากของนางขยับไปมา มู่หรงเจียเหอคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ ตอนที่นางถามว่าเหตุใดจึงไม่กิน คนตัวสูงขยับตัวเข้าไปโน้มใบหน้าจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่ม อย่างเผลอตัว ขบเม้มสัมผัสรสชาติขนมที่นางเพิ่งจะกินเข้าไป ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขียนอักษรที่หัวไหล่ของนาง ช้า ๆ “กินแล้ว อร่อยมาก” เฮ่อฟู่หลิงรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ใบหน้าแดงก่ำราวกับดอกมู่ตานที่เพิ่งแย้มบาน นางก้มหน้างุดลงมองชามในมือ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย “ท่าน...” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา มู่หรงเจียเหอยังคงอยู่ใกล้ สายตาของเขาไม่ละจากใบหน้างดงามของนาง เขายกมือขึ้นลูบเม็ดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มนุ่มสีแดงระเรื่อ จากนั้นจึงเชยใบหน้างดงามขึ้นมาสบตากัน ปลายนิ้วของเขาร้อนลวกราวกับเปลวเพลิง “ร้อนมาก” เขาเขียนอักษรบนต้นแขนของนาง นางพยักหน้าเล็กน้อย ยกช้อนตักถั่วแดงเย็น ๆ ขึ้นมากินอีกคำ ความหวานและความเย็นช่วยคลายร้อนได้บ้าง แต่ความร้อนอีกรูปแบบหนึ่งกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น
เป็นเด็กกำพร้าปากกัดตีนถีบมาทั้งชีวิต บังเอิญตกบันไดทะลุมิติมาเป็นสนมในตำหนักเย็น “โอ๊ย” นั่ง ๆ นอน ๆ มีคนรับใช้ แค่ถูกขังอยู่ด้านในลึกสุดของวังหลวง ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่นที่ถูกล้อมด้วยกำแพง สบายกว่าทำงานงก ๆ คอยรับใช้ลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย
