บทย่อ
ตกลงจะเป็นแค่พระชายาจำเป็นให้เพียงหกเดือน แต่ทำไมจ้องแต่จะกินข้าเช่นนี้เล่าเพคะท่านอ๋อง....ทั้งตามหึง ทั้งรุกหนักขนาดนี้ แล้วข้าจะรอดหรือไม่ ไหนบอกว่าท่านอ๋องผู้นี้เย็นชาไง!! นี่มันหื่นเกินไปแล้ว!! "หมิงอันเฟย" ศิษย์สาวอันดับหนึ่งของสำนักเทียนซู หนีลงเขาเพราะจดหมายจากบิดาที่จะจับนางหมั้นหมายกับบุรุษที่นางไม่พึ่งใจ ด้วยนิสัยรักสนุก ชอบท่องเที่ยว ดื้อดึง นางจึงหนีมายังเมืองฉินโจว แคว้นฉิน จนได้พบกับเขาโดยบังเอิญ "เซียวฟู่เฉิน" ชินอ๋องแห่งฉินโจวที่ถูกคนรักและพี่ชายแท้ ๆ หักหลัง เขากลายเป็นคนเย็นชา ไม่ไว้ใจผู้ใดอีกเลยแต่เมื่อพบกับนาง เขากลับเริ่มถูกละลายพฤติกรรมไปทีละน้อยจนต้องตามหานางไปถึง "หอต้าหรง" หรือองค์กรลับที่ทำงานเป็นสายสืบทั่วทุกแคว้น มาสาขาตามที่ต่าง ๆ ถึงสิบกว่าแห่ง เขายื่นเงื่อนไขให้นางเป็น "พระชายา" ให้เขา ที่หอต้าหรง หากอยากได้เงิน ที่พักและอาหาร ต้องทำงานแลก อันเฟยจึงยอมตอบรับเงื่อนไขของท่านอ๋องผู้นี้แต่ว่าใครจะรู้.... "ยิ่งใกล้ ยิ่งอยากสัมผัส...." "ยิ่งอยู่ห่างสายตา กลับยิ่งมองหา" "ยิ่งเห็นคนอื่นเข้าใกล้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด" หึหึสุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์จนเผอทำร้ายคนจนได้ เอ๊า!!....พระเอกผู้เย็นชาของชั้น จะไม่ทน "จากไม่สนใจกับเริ่มรุก.....และรุกหนักขึ้น" "จากพระชายาปลอม ๆ กลับไม่ยอมทำตามข้อตกลงเสียแล้ว" "จู่ ๆ ท่านอ๋องก็อยากกินพระชายาปลอม ๆ ผู้นี้ขึ้นมา เอาอย่างไรล่ะ จะรอดหรือไม่กันนะ....... ตามไปดูความคลั่งรักพระชายาปลอม ๆ ของท่านอ๋องที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง จะถูกสาวน้อยเช่นอันเฟยละลายหัวใจจนกลายเป็นโบ้น้อยได้หรือไม่.... เหตุการณ์ในนิยายเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มีถ้อยคำและการบรรยายเรื่องเพศค่อนข้างละเอียด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี ชื่อคน สถานที่และอื่น ๆ ล้วนสมมุติขึ้น โดยมิได้อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ อ่านเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น
ตอนที่ 1 หอต้าหรง
สำนักฝึกวิชา “เทียนซู” แคว้นหงหนาน
“อันเฟย!!”
“อาจารย์หญิง!!”
สตรีอ่อนวัยหันมาพร้อมกับดาบในมือที่ยังฝึกอยู่ในมือเมื่ออาจารย์หญิงเดินมาเรียก นางจึงได้เก็บดาบและเดินเข้ามาหาผู้ที่เรียกนางเมื่อสักครู่
“อาจารย์หญิง ท่านมีเรื่องด่วนอันใดหรือเจ้าคะ”
“มีจดหมายจากท่านพ่อของเจ้าพึ่งส่งมาถึงก็เลยรีบนำมาให้เจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“หมิงอันเฟย” รับจดหมายจากอาจารย์หญิงมาอ่านใต้ต้นดอกเหมยปลายฤดูหนาวของหงหนาน นางเป็นศิษย์ "สำนักเทียนซู" สำนักอันดับหนึ่งที่เก่งกาจเรื่องการใช้ดาบและอาวุธลับ
วิชาที่โดดเด่นมากที่สุดคือการฝึกพลังปราณคู่กับดาบที่กล้าแข็งไร้ผู้ใดเทียบได้ พลังปราณของพวกนางสามารถโยกย้ายสิ่งของได้และขับพิษบางอย่างได้
สำนักนี้อยู่ในแคว้นหงหนานที่เก่งเรื่องวิชายุทธ์ สำนักนี้จึงมีชื่อเสียงดังไปทั่วสามแคว้นที่อยู่ติดกัน แคว้นฉินนักรบบนหลังอาชาที่องอาจปราศจากผู้รุกล้ำมานานกว่าศตวรรษ เก่งกาจด้านการรบและการใช้อาวุธ และแคว้นเป่ยหยางผู้เก่งเรื่องการปรุงยาและเลี้ยงสัตว์ในเขตทุ่งหญ้า
“อะไรเนี่ย…ฝันไปเถอะ!!”
หมิงอี้เฟยทำหน้าราวกับฝันร้ายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า ใช่แล้วอีกไม่กี่วันนางก็จะได้ลงจากเขา ที่จริงควรจะไปจากที่นี่ได้แล้วเพราะนางร่ำเรียนจบไปมากกว่าหนึ่งปีแล้วแต่เพราะนิสัยชอบฝึกฝนและรักสำนักนางจึงขอบิดาอยู่ที่นี่ต่อ แต่เมื่อจดหมายฉบับล่าสุดที่ถูกส่งมาถึงนางทำให้นางตัดสินใจลงจากเขาทันที
“เอี้ยนซือ ส่งให้ถึงมือพี่ใหญ่ข้าด้วยล่ะ”
จดหมายอีกหนึ่งฉบับถูกส่งไปกับเหยี่ยวสาวที่นางเลี้ยงเอาไว้ เหยี่ยวตัวนี้มากับนางครั้งแรกที่ขึ้นเขามาร่ำเรียนที่สำนักเทียนซู และตอนนี้อันเฟยก็เดินมายังห้องของอาจารย์หญิง “เนี่ยเจิน” อาจารย์ใหญ่ที่คอยดูแลนางอยู่ แต่ตอนนี้อาจารย์หญิงเข้านอนแล้วนางจึงวางจดหมายเอาไว้ที่บนโต๊ะทำงานแทน
“ขออภัยที่ศิษย์มิได้เอ่ยลาด้วยตนเอง อาจารย์โปรดอภัยด้วย”
นางวางจดหมายเอาไว้เรียบร้อยก็หันหลังเดินจากมาทันทีพร้อมกับลงเขาเทียนซูไปเงียบ ๆ มุ่งตรงไปยังชายแดนที่ติดกับหงหนานทางเหนือนั่นก็คือเมือง “ฉินโจว” เมืองหลวงของแคว้นฉินที่อยู่ใกล้หงหนานมากที่สุด
เมืองฉินโจว
เสียงอึกทึกของเมืองหลวงที่คึกคักตั้งแต่ยามเช้าและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างแดนที่เริ่มเข้ามาตั้งแผงร้านค้าทำให้ถนนรอบเมืองหลวงเริ่มแคบลงทุกที แต่อันเฟยกลับชอบบรรยากาศที่คึกคักเช่นนี้เพราะนาน ๆ นางจะได้มีโอกาสลงจากเขาสักทีเมื่อเดินเข้ามายังเมืองหลวงนางจึงเริ่มเดินไปตามเส้นทางจนกระทั่งพบจุดหมายตรงหน้า
“โรงเตี๊ยมต้าหรง ใช่แล้วที่นี่แหละ”
อันเฟยเดินเข้าไปพร้อมกับมองหาผู้ที่นางจะพอสื่อสารได้ ไม่นานก็มีชายสูงอายุ หลังค่อมนิด ๆ ที่ดูท่าทางราวกับผู้ที่มีหน้าที่จัดการในร้านเดินเข้ามาหานาง
“แม่นางท่านนี้ ต้องการห้องพักหรือมากินข้าวหรือขอรับ”
“อะฮึ่ม!! คือว่า….นี่”
นางยกป้ายหยกรูปหงส์ที่มีดวงตาสีแดงทับทิมชูให้ชายผู้นั้นดูพร้อมกับเอ่ยคำบางอย่างขึ้น
“ใบหลิวลู่ลม ต้นสนเปลี่ยนทิศ” / อันเฟย
“บรรพตกลืนตะวัน” / เสี่ยวเอ้อร์
“จันทราผลัดปฐพี พันลี้ใช้เพียงประโยคเดียว” / อันเฟย
“คุณหนูเชิญทางนี้เลยขอรับ”
“ขอบคุณ”
ชายผู้นั้นเดินนำทางนางขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมและเลี้ยวไปยังทางซ้ายมือจนสุดทางก่อนจะเปิดประตูให้นางเข้าไปพบกับผู้ที่ทำหน้าที่คุมหอต้าหรงด้านใน
“คุณหนู เชิญท่านยกป้ายหยกอีกครั้ง”
นางทำตามที่ชายผู้นั้นสั่ง คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะบัญชีเงยหน้าขึ้นมามองนางนิ่งพร้อมกับรับป้ายหยกของนางมาส่องไฟดู ตรงดวงตาทับทิมสีแดงเริ่มเปลี่ยนสีและเกิดอักษรคำว่า “หมิง” ที่สะท้อนไปยังผนังเขาจึงรีบส่งป้ายนั้นคืนให้นางพร้อมคำนับให้
“มิทราบว่าคุณหนูต้องการสิ่งใดขอรับ”
“ข้าขอเบิกเงินสักหน่อย”
“แต่ว่า…นายท่านสั่งเอาไว้ จะเบิกเงินต้องทำงานแลกไม่มียกเว้น”
“ทำงานงั้นหรือ แล้ว…มีงานใดที่น่าทำบ้างเล่า”
“….ท่านรอสักครู่”
เขาหันไปรื้อเอากล่องงานที่รับมาซึ่งแยกออกเป็นสามกล่องและนำมาวางตรงหน้านาง
“นี่อะไรกันน่ะ”
“สามกล่องนี้คืองานที่มีให้ท่านเลือกขอรับ กล่องแรกเป็นงานง่าย ๆ รับส่งเอกสาร แก้ปัญหาผัว ๆ เมีย ๆ แต่ค่าตอบแทนก็จะไม่เกินสิบตำลึง”
“สิบตำลึง!! ซื้อเหล้าดี ๆ ยังไม่ได้เลย แล้วกล่องกลางนี่เล่า”
“งานนี้จะเสี่ยงขึ้นมาหน่อย ช่วยทางการสืบคดีอย่างลับ ๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่สถานที่ที่จะไปคือพวกบ่อนการพนัน หอนางโลม และโรงสุรา เป็นเหมือนนางนกต่อและปลอมตัวเพื่อช่วยทางการจับคนร้าย ราคาค่าจ้างก็จะอยู่ไม่เกินสองร้อยตำลึง”
“ทำไมมันต่างกันละ”
ครั้งนี้เองที่อันเฟยหยิบแต่ละแผ่นขึ้นมาดู
"งานไม่ยาก ปลอมเป็นนักดนตรี นางรำ นางโลมแล้วไปเอาหลักฐานในตัวคนร้ายและมอบทางการ ผู้จ้างวาน “ฟู่”
พวกท่านให้ผู้จ้างลงชื่อเช่นนี้จะไม่เป็นภัยหรอกหรือ"
“คุณหนูไม่ต้องห่วง ชื่อเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชื่อปลอมทั้งสิ้นและทางเราเก็บทุกอย่างเป็นความลับขอรับ”
“อ้าว เช่นนี้แล้วจะจ่ายเงินอย่างไรกัน”
“ก่อนพวกเขามาว่าจ้างต้องวางเงินก่อนขอรับ ที่เหลือรับตอนปิดงานแน่นอนว่าหอต้าหรงของเราย่อมรู้จักผู้จ้างวานทุก ๆ คนดีขอรับ”
“เช่นนั้นก็ถือว่ารอบคอบ ว่าแต่…คนหนึ่งรับได้กี่งาน จำกัดหรือไม่”
“นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รับงาน”
“สองกล่องนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผู้ใดหยิบเท่าใดเลยนะ”
นางหมายถึงกล่องที่หนึ่งและกล่องที่สาม ผู้ดูแลบัญชีกล่าวตอบนางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แฝงเลศนัย แม้ว่านางจะคุยกับเขาไม่นานแต่ก็พอรู้ว่าคนผู้นี้คงพูดเล่นด้วยไม่ได้ เขาดูจริงจังราวกับพวกเสนาบดีหรืออำมาตย์ในวังหลวงก็มิปาน
“นั่นเพราะมันง่ายเกินไป อีกกล่องก็…ยากเกินไปจึงไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจขอรับ”
“จะยากสักเพียงใดกัน ….อะไรนี่…ฆ่าคน!! แล้วยังมี วางยาพิษ….เดี๋ยวนะเรื่องนี้มันผิดกฎหมายนี่”
“ฆ่าคนที่สมควรฆ่าจึงฆ่า เป็นผู้ที่ทางการต้องการ เป็นนักโทษที่ก่อคดีร้ายแรง วางยาพิษที่ไม่ได้ทำให้ถึงตายเพียงแค่ข่มขู่ คุณหนูท่านควรอ่านเงื่อนไขให้ครบ”
“อ้อ เหลียนฮุย ฆ่าคนตายเก้าศพล้วนเป็นผู้หญิงงั้นหรือ เจ้าสารเลวนี่…”
“ฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีข่มขืนแล้วฆ่าสตรีในเมืองหลวงมาเกือบสองเดือนแล้วที่ทางการตามจับแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว”
“ไอ้คนสารเลว ข้าเอง!! ข้ารับงานนี้”
“คุณหนูท่านแน่ใจงั้นหรือ”
“ข้าแน่ใจงานนี้ข้าไม่เอาเงินรางวัลด้วย คนสารเลวเช่นนี้…สมควรตาย!!”
นางอ่านคดีที่คนผู้นี้ฆ่าเพียงสตรีไปเก้าคน บางคนยังเป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสิบหกปีด้วยซ้ำ บางคนก็เป็นบุตรขุนนางในเมืองหลวง และคนสุดท้ายที่มันฆ่าคือสตรีที่พึ่งตั้งครรภ์ได้สามเดือน อันเฟยเดินออกไปพร้อมกับดาบในมือเมื่ออ่านรายละเอียดของคนร้ายแล้ว
“ชุดสีสดใส ทางปากสีแดงและสวมเครื่องประดับที่มีเสียง เจ้าคนนี้ต้องเป็นคนวิปริตเป็นแน่”
อันเฟยจงใจเดินออกมานอกโรงเตี๊ยมแถวตรอกที่เคยบอกว่าคนร้ายมักจะมาฆ่าคนในบริเวณนี้เพราะใกล้กับหอนางโลมและโรงหมักสุรา อันเฟยเดินไปจนสุดตรอกก็ยังไม่พบความผิดปกติ
“นั่นนางเป็นผู้ใดกัน ไม่รู้หรือว่าแถวนี้มีคดีร้ายแรงเกิดขึ้นบ่อย ๆ”