ตอนที่ 2 คนสวยแม่เจ้าน่ะสิ!!
ผู้เอ่ยถามสวมชุดสีดำชั้นดีพร้อมกับปักลายอย่างวิจิตรบนชุดแม้ว่าในความมืดจะเห็นได้ไม่ชัดแต่ฟังเพียงแค่เสียงก็พอจะทราบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ต้องหน้าตาดีเป็นแน่
“ท่านอ๋องหรือว่านาง…จะเป็นคนของ "ที่นั่น" พ่ะย่ะค่ะ"
“มีคนติดต่อมาแล้วงั้นหรือ”
“กระหม่อมยังไม่ได้รับข่าวเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามนางไป หากว่าไม่ใช่….เช่นนั้นตอนนี้นางก็กำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
พวกเขาตามนางไปเงียบ ๆ วันนี้ “เซียวฟู่เฉิน” มิได้นำทหารมามากมายนักเพราะเขาเพียงแค่ออกมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น คนร้ายพึ่งฆ่าคนไปเมื่อสองวันก่อนในเขตปกครองของเขาดังนั้นเขาจึงปล่อยมันเอาไว้ไม่ได้
“คนสวย…กระดิ่งข้อเท้าเจ้าเสียงเพราะยิ่งนัก”
เสียงฝีเท้านางเดินผ่านไปยังตรอกมืดสนิทเพื่อล่อให้ผู้พูดที่ส่งเสียงแหบพร่านั้นตามนางเข้ามา อันเฟยได้ กลิ่นขอยาสูบตามที่เบาะแสเคยบอกเอาไว้ คนร้ายมักจะชอบเดินตามเหยื่อจนถึงที่ลับตาคนแล้วค่อยลงมือ หรือไม่มันก็จะลักพาตัวพวกนางไปยังที่ที่ปลอดคนและลงมือ
“ตามมาสิไอ้คนชั่ว อีกนิดน่า…อย่ากลัว”
อันเฟยเดินเข้าไปยังตรอกมืดสนิท ท่านอ๋องเซียวยังคงลอบตามนางจากด้านบนหลังคาเพื่อมองดูสถานการณ์พร้อมกับใช้มือเป็นสัญญาณสั่งให้ทหารที่เหลือล้อมบริเวณนี้เอาไว้ทั้งหมดโดยไร้สุ้มเสียง
“คนสวย….ตัวเจ้าช่างหอมน่ากินยิ่งนัก”
“คนสวยงั้นหรือ….คนสวยแม่เจ้าน่ะสิ!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!! นาง….”
“เงียบก่อน รอดูไปก่อน”
อันเฟยหันมาพร้อมกับหันไปเตะเข้าที่ปลายคางของผู้ที่ตามนางมา มันมีวรยุทธ์แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่านาง และอาการเมายาของมันทำให้มันสู้อันเฟยไม่ได้เลยเมื่อนางเตะเข้าไปอีกสองครั้งคนร้ายก็หมอบลง
“หึ แค่นี้เองน่ะหรือ กระจอกโดยแท้”
“แม่นางระวัง!!”
เสียงเตือนดังมาจากด้านบนทำให้อันเฟยหันไปมอง คนร้ายพ่นยาบางอย่างออกมาแต่อันเฟยหันมาได้ทัน นางจึงถอดเสื้อตัวนอกสีแดงออกเพื่อคลุมหน้ามันเอาไว้ให้ยาที่มันพ่นคืนกลับใส่เจ้าของพร้อมกับใช้ดาบฟันไปที่แขนข้างขวา ท่านอ๋องเซียวและองครักษ์ที่เหลือวิ่งมาล้อมคนร้ายได้สำเร็จ อันเฟยทั้งถีบและเตะคนร้ายผู้นั้นไม่ยั้งด้วยความโกรธจนมันสลบไปพร้อมกับเสื้อสีแดงที่นางใช้คลุมหน้าเอาไว้ มือหนาของบุรุษหนุ่มดึงนางออกมาทั้ง ๆ ที่นางสวมชุดน้อยชิน
“แม่นางพอเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางการต่อ”
“ไอ้สารเลวนั่น สมควรตาย!!”
“เขาจะได้รับโทษประหาร ต่อหน้าครอบครัวของเหยื่อ มันจะได้เหมาะสมกับความผิดที่มันทำ ญาติของเหยื่อ…เอ่อ…”
“ข้าอยากจะฆ่ามันนัก”
ท่านอ๋องดึงชุดคลุมของเขาออกมาและหันเอามาคลุมให้นางเพราะตอนนี้เสื้อด้านในของนางเหลือเพียงชุดบาง ๆ แบบเกาะอกเท่านั้น แม้ว่าจะเคยเห็นสตรีมานักต่อนักแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องใจเต้นแรงกับสตรีที่พึ่งเคยพบกันในสถานการณ์เช่นนี้….
“นี่คือ…”
“เจ้าคลุมไว้เถอะ แม้ว่าจะไม่หนาวแล้วแต่ว่าชุดของเจ้าไม่เหมาะที่จะเดินออกไปจากที่นี่”
“ขอบคุณ พวกท่านคือคนของทางการสินะ”
“ใช่แล้วเจ้า…มาจาก…เอ่อ…”
“ใบหลิวลู่ลม….หากท่านรู้ก็ไปที่นั่นข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว!!….”
นางวิ่งไปแล้วพร้อมกับไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ เป็นที่แน่ชัดว่านางมีวรยุทธ์สูงมาก บางทีอาจจะเทียบเท่าเขาเลยก็ได้ คนร้ายที่ติดตามจับมานานกว่าสองเดือนถูกจับโดยง่ายเพราะนาง แต่เพราะเขาไม่อยากใช้สตรีเป็นตัวล่อและไม่อยากให้ผู้ใดมาเดือดร้อนจึงได้จับคนร้ายไม่ได้เสียที
แต่ไม่นานมานี้เขาได้จ้างวานไปยังหอต้าหรงเพื่อจัดหาสตรีมาทำงานร่วมกับเขาแต่เกือบเดือนก็ยังไม่มีการติดต่อมาเขาจึงได้แต่สืบจนพบหลายเบาะแสและให้กงหลี่นำไปรวมเอาไว้เผื่อจะมีคนรับทำงานนี้ นึกไม่ถึงว่านางปรากฏตัวเพียงครึ่งชั่วยามก็จบคดีนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จับคนร้ายได้แล้วมันมีแผลเป็นตรงกับที่พยานหลายคนพบเห็นไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งมันไปที่คุกควบคุมตัวเอาไว้ก่อน เจ้าไปที่หอต้าหรงกับข้า”
“เอ่อ เหตุใดต้องเร่งด่วนเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ตามมาเงียบ ๆ เถอะ”
หอต้าหรง
“ท่านอ๋อง เหตุใดเสด็จมายามดึกพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามาจ่ายเงินที่เหลือ”
“จะ…จ่ายเงินหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คดีฆ่าสตรีต่อเนื่องเก้าศพ คนร้ายถูกจับแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ เชิญตามกระหม่อมมาทางนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ห้องบัญชี
“ถวายบังคมเซียวชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้า….นำเงินที่เหลือมาจ่าย”
ท่านอ๋องตรัสพลันหันไปมองเสื้อคลุมของเขาที่พึ่งจะสวมให้สตรีคนเมื่อครู่ นางมาที่นี่และเป็นคนของหอต้าหรงจริง ๆ เพียงแต่เขาจะพบนางอีกครั้งได้อย่างไรกัน
“ท่านอ๋องแต่ว่างานนี้กระหม่อมคิดว่า….”
“กงหลี่ นำเงินออกมาจ่ายให้เถ้าแก่….ครั้งนี้หากมิได้คนของท่านคดีคงไม่จบเร็วเช่นนี้ ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด หากว่าท่านจะปฏิเสธข้าคงต้องขอฟังเหตุผลหน่อยว่าเพราะเหตุใด”
“คือว่า….ผู้ที่ทำงานนี้นางบอกว่าไม่อยากรับค่าจ้างเพียงแค่อยากฆ่าคนร้ายที่สารเลวนั่นและนางไม่อยากให้มันไปก่อกรรมทำชั่วเช่นนี้กับผู้อื่นอีกจึงได้…ทำพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องมองไปยังชุดคลุมของเขาที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเหลือบตาไปด้านซ้ายมือแต่เขาก็มิได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเพียงแต่ดึงผ้าคลุมนั้นกลับมาและนำถุงเงินวางบนโต๊ะ
“เถ้าแก่ เราทำงานร่วมกันมามากมายข้าพูดคำไหนคำนั้นหากว่าแม่นางผู้นั้นไม่รับ ท่าน…ก็รับเอาไว้แทนเถอะ ข้ายังมีงานอื่นที่จะให้พวกท่านทำไว้วันหลังจะแวะมา ขอตัว”
“นะ…น้อมส่งท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินออกไป ก่อนจะไปเขาหันไปมองทางทิศเดิมสักครู่พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกมาจากหอต้าหรง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เงินนั่นออกจะมากเกินไปหน่อยกระมังพ่ะย่ะค่ะ ที่ตกลงกันไว้เพียงแค่ห้าร้อยตำลึงแต่ว่าพระองค์…”
“แปดร้อยตำลึงแลกกับความสงบของราษฎรเฉินโจว ข้าว่าคุ้มแล้วก็….หึ”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง…แล้วก็อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“น่าสนใจ”
“พระองค์หมายถึง….”
“กลับจวน”
กงหลี่ไม่เข้าใจที่ท่านอ๋องตรัสแม้แต่นิดเดียว เขาอาจจะโง่เขลาเกินไปแต่ก็นั่นแหละ ท่านอ๋องเป็นผู้ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเดาพระทัยได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วต่างหาก
“ท่านอ๋องจะกลับไปที่จวนใดพ่ะย่ะค่ะ จวนในเมือง หรือว่าตำหนักในเขตวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปที่ที่ไม่มีพวกน่ารำคาญ”
“ท่านอ๋อง แต่ว่าพระสนมทั้งสอง…เป็นผู้ที่องค์รัชทายาทและฝ่าบาทประทานมาให้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามิได้อยากแต่งงาน ต่อให้ประทานมาอีกสิบคนก็เป็นเพียงสตรี ข้าไม่นึกอยากแตะต้องพวกนาง”
“แต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ พระองค์ก็ควรหาพระชายาสิพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจะได้มิต้องทรงระแวงพระทัยพระองค์อีก”
ท่านอ๋องหยุดเดินก่อนจะขึ้นรถม้า กงหลี่พูดได้ถูกต้องแล้ว การที่จู่ ๆ ฝ่าบาทจะประทานพระสนมที่เขาไม่เคยต้องการมาคนแล้วคนเล่านั่นก็เพราะคิดว่าเขาเสียใจที่ถูกองค์รัชทายาทแย่งคนรักไปจึงได้ส่งทั้ง “สนมลี่ฟาง” ที่เป็นบุตรสาวท่านแม่ทัพ และสนม “ซูหลิง” บุตรขุนนางกรมคลังมาให้เขาถึงตำหนักโดยที่เขาไม่เคยต้องการพวกนาง
“เจ้าพูดถูก ข้าควรจะหาพระชายาสักคนฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องประทานผู้ใดเข้าจวนข้าให้น่ารำคาญอีก”