บทย่อ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี้ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
บทที่ 1
จือหลินลุกขึ้นเพื่อเดินกลับไปที่บ้านของเจ้าของร่างตามความทรงจำเดิม เพราะตัวนางในยามนี้เป็นเพียงเด็กน้อยวัยสิบขวบเท่านั้น
และที่ที่อยู่ก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน ต้องทำอย่างไร จึงได้เลือกที่จะกลับไปที่บ้านของฟู่จือหลินเสียก่อน
ใช่แล้ว เด็กน้อยที่วิญญาณของจือหลินนางมาอยู่ร่างคือ ฟู่จือหลิน ที่มีชื่อเดียวกับเธอ เด็กน้อยจบชีวิตลงเพราะถูกคนผลักลงมาจากเขา ทำให้หัวไปกระแทกก้อนหินจนจบชีวิต
ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ศีรษะจือหลินเธอยังรู้สึกได้ เสียงตะโกนเรียกชื่อของจือหลินดังไปทั่วป่า ตอนนี้เธอจึงเรียกเดินไปตามเสียงเรียกก็พบชาวบ้านหลายคนกำลังร้องเรียกและวิ่งมาทางเธอ
“โอวโยว หลินเออร์เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้” เสียงสตรีวัยกลางคนร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าจือหลินมีเลือดไหลเปื้อนไปตามเสื้อผ้า
จือหลินมองไปที่กลุ่มคนอย่างมึนงง ทั้งเสื้อผ้าและการพูดไม่ใช่คนยุคเดียวกันกับเธอแน่นอน ตอนที่ยังไม่หายมึนงงก็มีสตรีนางหนึ่งวิ่งเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เสียงดัง
จือหลินรู้ได้ทันทีว่านี้คือมารดาของเจ้าของร่างเดิม ฟู่ลี่อิน หญิงหม้ายที่เลี้ยงดูนางมาแต่เพียงผู้เดียว
เจ้าของร่างเดิมไม่รู้แม้กระทั่งว่าบิดาเป็นผู้ใด เพราะมารดาไม่เคยบอก ตากับยายก้เสียไปก่อนหน้าที่ฟู่จือหลินจะเกิดเสียด้วยซ้ำ มารดาของนางจึงเลี้ยงมาด้วยความลำบาก
ก่อนหน้าที่ฟู่จือหลินจะตกเขาได้มีปากเสียงกับ จางอี้เฉิน บุตรสาวของจินฮวาท่านป้าของนาง จางอี้เฉินบอกเรื่องที่มารดาของนางถูกบุรุษแปลกหน้าข่มเหงจนตั้งครรภ์ ทำให้ตระกูลจินที่เป็นของท่านตานางขับไล่มารดาของนางและท่านตาท่านยายออกจากตระกูล
จนต้องเปลี่ยนมาใช้แซ่ฟู่ของท่านยาย จือหลินไม่เชื่อทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน ร่างของจือหลินหรือจะสู้แรงของอี้เฉินที่กินดีอยู่ดีได้ นางจึงพลาดท่าตกลงเขาไป อี้เฉินเห็นเช่นนั้นก็หนีไปทันทีและไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับผู้ใด
จือหลินถูกมารดาพาตัวกลับเรือน แล้วท่านหมอก็มาตรวจดูอาการของนาง เมื่อเห็นแผลที่บนหัวก็ส่ายหน้าไม่คิดว่าจือหลินที่เสียเลือดมากจะเดินออกมาจากป่าด้วยตนเองได้
ท่านหมอจ่ายยาให้แล้วกลับออกไป จือหลินมองมารดาในนามของนางตอนนี้อย่างถอดถอนใจ เมื่อเห็นว่าเงินที่มารดานำออกแทบจะหมดจากถุงเงินที่นางถืออยู่แล้ว
“นอนพักก่อนหลินเออร์ เดี๋ยวแม่นำยามาให้เจ้าดื่ม” ลี่อินลูบบุตรสาวอย่างทะนุถนอมก่อนจะเดินออกจากห้องไป
จือหลินขมวดคิ้วแน่น เพราะนางไม่เคยได้รับการสัมผัสเช่นนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าต้องทำตัวเช่นไร เพียงไม่นานลี่อินก็กลับมาพร้อมถ้วยยาในมือ
จือหลินรับมาถือไว้แล้วเบ้หน้าอย่างรังเกียจ เพียงดมกลิ่นก็รู้แล้วว่าจะมีรสชาติขมมากเพียงใด นางอดจะนึกถึงยาในโลกก่อนไม่ได้
มิติแม้จะลองทดสอบหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง คงจะไม่ได้ติดตามนางมาด้วยอย่างแน่นอน
“ดื่มเถิด แม้จะขมแต่เจ้าจะหายดี” ลี่อินยิ้มมองบุตรสาวอย่างใจดี
จือหลินเห็นแววตาที่คาดหวังของนางก็ดื่มลงไปทีเดียวจนหมด ลี่อินก็ส่งน้ำให้บุตรสาวกลั้วปากอย่างรู้ใจ
“เหตุใดเจ้าถึงตกเขาได้เล่า” ลี่อินเอ่ยถามบุตรสาวอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่จือหลินขึ้นเขาแต่นางขึ้นเขาอยู่เป็นประจำ
เพราะตัวลี่อินไม่อาจจะเดินได้ไกลนักด้วยโรคที่เกิดจากกาคลอดบุตรแล้วไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี
“อี้เฉินผลักข้าตกเขา” ดวงตาของจือหลินเปร่งประกายสังหารออกมาวูบหนึ่ง
ลี่อินตกใจคำพูดของบุตรสาวจึงไม่ทันได้เห็นแววตาของนาง จือหลินจึงเล่าเรื่องที่ทั้งคู่มีปากเสียงก่อนที่นางจะตกเขาให้ลี่อินฟัง
ลี่อินเมื่อได้ยินก็ร้องไห้ออกมาอย่างปวดใจ นางจึงเล่าเรื่องในหนนั้นให้บุตรสาวฟัง
เพราะความเชื่อใจทำให้นางติดตามจินฮวาเพื่อไปซื้อของในเมือง ไม่คิดว่าจินฮวาจะวางยานางแล้วพาไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อส่งนางให้บุรุษแปลกหน้า
นางที่ไร้สติก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจนเมื่อเช้าของอีกวันจึงได้รู้ว่านางเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าผู้นั้นเสียแล้ว
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านจินฮวาก็เล่าเรื่องที่นางลอบพบกับบุรุษแปลกหน้าที่ในเมืองให้ทุกคนฟัง จนทำให้ลี่อินถูกตัดออกจากตระกูล
บิดามารดาที่มีลี่อินเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวก็ไม่อาจเห็นนางถูกขับไล่ได้ จึงยอมที่จะออกจากตระกูลพร้อมบุตรสาวแล้วเปลี่ยนมาใช้แซ่ของมารดาแทน
สามคนพ่อแม่ลูกต้องมาอยู่ที่เรือนร้างท้ายหมู่บ้าน เงินเก็บที่มีก็ถูกนำมาซ่อมแซมเรือนเกือบทั้งหมด ต่อมาลี่อินพบว่านางตั้งครรภ์ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็พูดนินทากันหนาหูขึ้นเรื่องที่นางไม่รู้แม้กระทั่งว่าพ่อเด็กในท้องเป็นผู้ใด
จือหลินยังไม่ทันได้ลืมตาออกมาดูโลกภายนอก ท่านตาท่านยายของนางก็จบชีวิตลงเสียแล้ว ลี่อินจึงต้องทำงานหนักรวมทั้งขึ้นเขาหาของไปแลกเงินเพียงลำพัง
ร่างกายของนางจึงทรุดโทรมลง แม้แต่ยาดีๆ ก็ไม่กล้าซื้อกินจนเป็นโรคเรื้อรังมาจนทุกวันนี้ จือหลินก็เป็นเด็กที่รู้ความ ตั้งแต่จำความได้ก็ช่วยหยิบจับทำงานเท่าที่ทำได้มาโดยตลอด
พออายุได้แปดหนาวนางก็เริ่มขึ้นเขาแทนมารดาที่เหนื่อยหอบง่ายเพื่อหาของป่าไม่ขายและหาของกินมาประทังชีวิต
จือหลินได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อได้ฟังเรื่องรันทดจากปากของลี่อิน เรื่องของนางเมื่อภพที่แล้วดูจะดีกว่าของลี่อินไปเลย
เพราะอายุก่อนที่จือหลินจะจบลงในภพที่แล้วก็ไม่ต่างจากลี่อินในยามนี้นัก นางอาจจะเป็นพี่สาวของลี่อินอีกด้วย จือหลินที่ไม่รู้จะปลอบคนตรงหน้ายังไงนางจึงเอื้อมมือไปลูบหลังเบาๆ แทน