บทย่อ
“เดี๋ยวก่อน หรงเว่ยอิง นี่เจ้า” “ถอดเสื้อผ้าออก ไม่ต้องห่วง ข้ารับผิดชอบท่านเอง ข้าจะไม่ทิ้งท่านหรอก วางใจได้แต่ตอนนี้ช่วยข้าก่อน ....” มาแล้วจ้าเรื่องใหม่พร้อมเสิร์ฟค่ะ ครั้งนี้มาพร้อมกับเรื่องแนวทะลุมิติมานะคะ เรื่องของบุตรสาวของท่านแม่ทัพและองค์ชายที่เก่งกาจด้านกลยุทธ์การศึกและออกรบ แต่กลับอ่อนหัดเรื่องสตรีชนิดที่เด็กอนุบาลยังเก่งกว่า มาตามลุ้นกับเรื่องราวของที่ปรึกษาและองค์ชายกันนะคะ “แม่นางหรง!! นี่เจ้า….มาทำอะไรอยู่ในป่านี้” “ท่าน….ท่านเป็นใครกัน” เสียงแหบพร่าถามออกไป ใบหน้านางเริ่มเปลี่ยนสี ปากแดงจัดราวลูกเชอร์รี่สุกทำเอาคนตรงหน้าลอบกลืนน้ำลายลงไป “ข้าหมิงตงหยาง ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเจ้าก็ลืมข้าแล้ว……อืม” เว่ยอิงกระโจนใส่เขาทันที ปากบางนั้นกำลังบดขยี้เขาอย่างจงใจ ร่างน้อยๆ เบียดไปมาบนร่างแกร่งของเขาที่ตกใจกับการกระทำนี้ “เดี๋ยวก่อน หรงเว่ยอิง นี่เจ้า” “ถอดเสื้อผ้าออก ไม่ต้องห่วง ข้ารับผิดชอบท่านเอง ข้าจะไม่ทิ้งท่านหรอกวางใจได้ แต่ตอนนี้ช่วยข้าก่อน อืมม..” ** นิยายเรื่องนี้แต่งมาจากจินตนาการของนักเขียนล้วนๆ ตัวละครและสถานที่เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาทั้งหมด อาจจะมีซ้ำหรือใกล้เคียงกับเรื่องอื่นๆ ได้บ้าง เนื้อหาและพลอตเรื่องนี้เน้นเรื่องรักตามชื่อเรื่องค่ะ ปมมีนิดหน่อย แต่ตอนเขียนไรต์แอบมีน้ำตาเล็กน้อยนะ อิอิ เหมาะสำหรับผู้อ่านอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป อาจจะมีการบรรยายฉากอีโรติกและการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพนะคะ
ตอนที่ 1
องค์ชายเก้า หมิงตงหยาง
วังหลวง ตำหนักองค์ชายหกหมิงคุณ พิธีอภิเษกองค์ชายหกกับหลิวเนี่ยนเจิน
“ช่างเหมาะสมกันยิ่งนักว่าหรือไม่”
“หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงกับองค์ชายที่เก่งกล้า ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกันเท่านี้อีกแล้ว”
“หลีกไปให้หมด!!”
“ว้าย ผู้ใดกันเหตุใดจึงอุกอาจเช่นนั้น”
“นั่น!! องค์ชายเก้า นั่นพระองค์จะทำสิ่งใดกัน”
“หมิงตงหยาง!! นั่นเจ้าจะทำสิ่งใด”
เจ้าบ่าวในชุดสีแดงร้องตะโกนให้กับบุรุษหนุ่มที่พึ่งขี่ม้าสีดำสนิทเข้ามาเหยียบย่ำบนพรมแดงในงานพระราชพิธีมงคลสมรสของเขาและพระชายา อาชาที่องอาจหยุดลงท่ามกลางเสียงตกใจของคนทั่วทั้งงาน เจ้าสาวชุดสีเขียวแดงที่ยืนถือพัดอยู่ริมสุดของทางเดินคู่เจ้าบ่าวที่พึ่งทำพิธีคำนับฟ้าดินเสร็จสิ้นหันมามองเขามือไม้สั่น
“ตงหยาง….นี่เจ้ามิใช่ว่าจะไปออกศึกในวันนี้หรอกหรือ”
“เสด็จพี่เข้าใจมิผิด วันนี้ข้าจะไปออกศึกปราบกฎที่เมืองเหรียน แค่คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะจัดงานมงคลทั้งที เหตุใดจึงไม่เห็นส่งเทียบเชิญข้าสักคำ”
“เอ่อ น้องเก้า คือว่าพี่คิดว่าเจ้า….จะไม่อยากมาร่วมยินดี”
“ที่ไหนกันเล่า เสด็จพี่ทรงคิดมากไปเสียแล้ว ตัวข้านั้นยิ่งกว่ายินดีกับพระองค์เสียอีก อ้อ เจ้าสาวของท่านช่างงดงามนัก”
“องค์ชายเก้าเพคะ คือว่าหม่อมฉัน…..”
“แม่นางหลิว วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้าและเสด็จพี่ของข้า ในฐานะสหายคนสนิทเก่า เจ้าช่างแล้งน้ำใจเสียยิ่งนักที่ไม่แจ้งข่าวดีนี้กับข้าเลย หรือเกรงว่า….ข้าจะมาร่วมยินดีกับเจ้ามิได้เช่นนั้นหรือ”
“เขาคือผู้ใดหรือ”
หรงเว่ยอิง บุตรท่านโหวหรงเสวียนหันมาถามอวิ๋นลี่เฟย สหายที่มาร่วมงานนี้ด้วยกันเมื่อเห็นว่ามีม้าและทหารวิ่งเข้ามาในงานพิธีและตามลงมาด้วยบุรุษหนุ่มในชุดเกราะเต็มยศ
“นั่นองค์ชายเก้า ยอดขุนพลอาชาแห่งตงโจวผู้พิทักษ์ดินแดนตะวันออกผู้เลื่องชื่อ หรงเว่ยอิงนี่เจ้าอยู่แต่ในเรือนจนไม่รู้จักผู้ใดเลยหรืออย่างไร”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ค่อยรู้จักคนในราชวงศ์ และครั้งนี้เขาก็พึ่งจะปรากฏตัวมิใช่หรือ”
“เฮ้อ มันก็ใช่ แต่ชื่อเสียงของเขากระจายไปทั่วหล้าเพราะความเก่งกาจและน่ากลัว ทั้งสง่างามเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งตงโจว”
“แล้วเหตุใดองค์ชายหกจึงไม่เชิญเขามาร่วมงานกันเล่า”
“เจ้าไม่รู้อะไร องค์ชายเก้ากับหลิวเนี่ยนเจินเป็นคนรักเก่า เมื่อเขาออกศึกกับแคว้นจ้าวครั้งก่อน นางก็หันไปซบองค์ชายหกที่มีข่าวลือว่าจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทองค์ใหม่น่ะสิ เฮ้อ น่าสงสารองค์ชายเก้าเสียยิ่งนัก”
“แล้ว เช่นนั้น ที่เขามาในวันนี้…”
“ก็ต้องดูกันต่อไป เร็วเข้า เราไปดูข้างหน้ากัน จะได้เห็นชัดๆ นานๆ ทีเขาจะมาให้เห็นใกล้ๆ เพียงนี้”
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ทำเช่นนี้ อาจจะไม่เหมาะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไปเถอะๆ”
“พี่สาม ท่านจะไปงั้นหรือ”
หรงฟางเซียน น้องสาวต่างมารดาเอ่ยทักหรงเว่ยอิงที่ถูกอวิ๋นลี่เฟยลากไปด้านหน้า ลี่เฟยหันมามองหน้าคนทักและทำท่ารำคาญเล็กน้อยเพราะนางเป็นไม้เบื่อไม้เมากับฟางเซียนอยู่แล้ว
“มิใช่ธุระของเจ้า ไปกันเว่ยอิง”
“เจ้า!!…ข้าก็แค่เกรงว่าพี่สามของข้าจะทำอะไรขายหน้าจวนสกุลหรงเท่านั้น มิได้อยากรู้เสียหน่อยว่าพวกเจ้าจะทำสิ่งใดกัน”
“สาระแน!!”
“นี่ลี่เฟย เจ้าว่าผู้ใดกัน”
“พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปสิ”
“ลี่เฟยพอเถอะ น้องสี่เจ้าก็หยุดก่อนเถอะนะ ที่นี่ในวังหลวง สำรวมกริยาหน่อย”
“ไม่ต้องมาสอนข้า ท่านน่ะทำตัวให้ดีอย่าทำอะไรอับอายจนสกุลหรงเสียชื่ออีกก็พอ”
“พูดเหมือนผายลม ไปกันเถอะเว่ยอิง”
พวกนางเร่งเดินไปด้านหน้าเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ชัดๆ ฟางเซียนลอบยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามพวกนางไปเงียบๆ ด้านหลังโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกตัว
“ว่าอย่างไรเล่า หรือพวกท่านไม่ต้อนรับข้างั้นหรือพี่หก วันนี้ข้าแวะมาร่วมยินดีด้วยที่พวกท่านจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน คิดว่าพวกท่านจะดีใจเสียอีก”
องค์ชายหกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างผู้ชนะเมื่อมองไปยังผู้พูดที่เผชิญหน้ากับเขาอยู่ เขาแย่งสตรีคนรักขององค์ชายเก้ามาเพราะความทะเยอทะยานของฝ่ายหญิงที่อยากได้ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาท นางจะได้อยู่จุดที่สูงที่สุดของสตรีในใต้หล้าอย่างแท้จริง
“หึ น้องเก้า ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังจะออกศึกสำคัญข้าไม่อยากรบกวนสมาธิเจ้า และที่สำคัญ เกรงว่าเจ้า…..จะยังทำใจไม่ได้ที่เนี่ยนเจินเปลี่ยนใจเลือกข้าแทนที่จะเป็นเจ้า ข้าเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ข้าเลย….เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง”
“อ้อ เช่นนี้นี่เอง เสด็จพี่คิดว่าข้าจะคิดมากเพียงแค่สตรีเพียงคนเดียวเช่นนั้นน่ะหรือ น่าเสียดายที่ข้ากลับเห็นใจท่านเสียมากกว่าที่จะเสียใจจนมาร่วมยินดีกับท่านไม่ได้”
“องค์ชายเก้า!! เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้ อย่างไรเราก็…..”
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวมองเขาด้วยความโกรธราวกับถูกน้ำที่เย็นจัดสาดใส่หน้า เพราะคำพูดขององค์ชายเก้าราวกับจะบอกว่านางมิได้สำคัญอะไรกับเขาขนาดที่จะทำให้เขาเสียใจที่สูญเสียนาง หมิงตงหยางหันมามองนางเพียงครู่เดียวและหันมามองที่องค์ชายหก
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว อ้อ ข้ายังมีของขวัญให้พวกท่านด้วย ในเมื่อเป็นงานมงคล ก็ต้องมีสิ่งของมงคลมอบให้สินะ ยังไม่รีบนำเข้ามาอีก”
ทหารองครักษ์ในชุดเกราะสีเงินเดินนำเอาพานที่คลุมผ้าสีแดงมาสองพานและวางตรงหน้าทั้งคู่ อีกคนหนึ่งถึงถุงบางอย่างมาให้องค์ชายเก้า
“สำหรับงานมงคลให้วันนี้ ขอให้พวกท่านรักกันเนิ่นนาน จนแก่เฒ่า นี่คือของอวยพรจากข้า”
ทหารเปิดผ้าแดงเพื่อให้แขกได้เห็น ทุกคนที่ได้เห็นถึงกับรีบหันหน้าหนีบ้างก็ก็รีบเอามือปิดปาก และมีหลายคนที่ยืนหัวเราะเยาะ เพราะสิ่งที่อยู่บนสองพานนั้นคือ….
“หัวสุนัข!!”
“ยังมีอีก”
องค์ชายเก้าเทบางสิ่งลงที่พื้น มันคือเลือดสดๆ เมื่อเขาเทลงบนพื้นพรมแดงที่ปูเพื่อฉลองงานมงคล หลินเนี่ยนเจินแทบจะยืนไม่อยู่ นี่คือของขวัญวันแต่งงานที่องค์ชายเก้าตั้งใจมอบให้นาง แทนสิ่งที่นางทรยศต่อความไว้ใจของเขาเพราะความต้องการอำนาจของตัวนางเอง
“มอบของขวัญเสร็จแล้ว ก็ควรไปเสียที”
“บังอาจนัก เจ้าดูหมิ่นข้าถึงเพียงนี้เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าเดินออกไปง่ายๆ งั้นหรือ”
ดาบในมือองค์ชายเก้าถูกชักออกมาและพาดไปบนบ่าเจ้าบ่าวที่เดินเข้ามาหมายจะทำร้ายเขา สายตาของหมิงตงหยางช่างดุดันและน่ากลัวเกินกว่าคนในงานจะกล้าหายใจ
“องค์ชายหกอยากจะทำร้ายแขกที่มาอวยพรเช่นนั้นน่ะหรือ ท่านไม่กลัวว่าเจ้าสาวของท่านจะเป็นหม้ายตั้งแต่วันแต่งงานหรือไร”
“เจ้า…เจ้า…วะ…วางดาบลงก่อนน้องเก้า …ข้าเพียงแค่….”
“วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะฆ่าคน นี่เป็นวันมงคล ขอให้พวกท่านมีความสุข ข้ายังต้องเดินทางไกล ขอลาล่ะ”
ดาบตวัดกลับเข้าฝักอย่างรวดเร็ว แสงดาบนั้นพาดสะท้อนเข้าตาหรงเว่ยอิงจนแสบตาไปชั่วขณะ นางรู้สึกว่าเขาช่างดุดันและน่านับถือยิ่งนัก เมื่อเขาเริ่มเดินออกไป ฟางเซียนเห็นว่าเว่ยอิงกำลังขยี้ตาอยู่และไม่ทันระวังตัว นางจึงเดินเข้าไปและจงใจใช้ไหล่ชนจนเว่ยอิ่งล้มลงไปถูกเลือดสุนัขที่เปื้อนพื้นต่อหน้าองค์ชายเก้า
“ว๊าย อัปมงคลยิ่งนัก นางล้มโดนเลือดสุนัขนั่นเข้าแล้ว!!”