ตอนที่ 2
วิกฤติเป็นโอกาส
เว่ยอิงรู้สึกตกใจและอับอายมากเมื่อทุกสายตาในห้องโถงนั้นเปลี่ยนมาจ้องมองนางที่ตอนนี้ชุดที่สวมอยู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงของสุนัขที่องค์ชายเก้าราดเอาไว้
“เว่ยอิง!! เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ลุกขึ้นเร็วเข้า เจ้าลุกไหวหรือไม่ เหตุใดจึงหกล้มได้ล่ะ”
“ลี่เฟยข้าไม่เป็นไรอย่าห่วงเลย ข้าถูกกระแทกจากด้านหลังไม่ทันระวัง ก็เลย….”
เว่ยอิงค่อยๆ ลูกขึ้นในขณะเดียวกันที่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นค่อยๆ กระจายตัวออกห่างจากนางด้วยนึกรังเกียจ แม้แต่หรงฮูหยินที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่ได้เข้ามาช่วย นางได้แต่ยืนเหยียดยิ้มอยู่กับฟางเซียน
“พวกเจ้ามองอะไรกัน หลีกทางไปสิ เว่ยอิง เรารีบออกจากที่นี่กันข้าจะพาเจ้าไปเปลี่ยนชุด”
“ลี่เฟยข้าทำเจ้าลำบากอีกแล้ว”
“เราเป็นสหายกันเจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นเจ้าลุกไหวหรือไม่”
“ข้า….”
เว่ยอิงค่อยๆ ลูกแต่ดูเหมือนว่าขานางจะพลิกตอนสะดุดล้มจึงทำให้ลูกไม่ขึ้น องค์ชายเก้าที่เดินมาถึงที่นางล้มก้มลงมองนางด้วยสายตานิ่งๆ เรียบๆ
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
เว่ยอิงตัวสั่นเมื่อถูกถาม ปกตินางไม่เคยสนทนากับบุรุษใดเลย พูดให้ถูกคือนางแทบจะไม่ได้ออกงานสังคมที่ใดเลยต่างหาก ตั้งแต่มารดานางสิ้นก็มีเพียงฮูหยินรองที่ขึ้นมาดูแลจวนท่านโหวแทน ท่านพ่อก็อยู่ที่กองทัพทางเหนือกับพี่ชายจึงไม่ได้มีเวลาใส่ใจบุตรสาวมากนักจึงไม่ค่อยมีใครได้ใส่ใจดูแลนางเท่าใดนัก
“มะ หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ ขอบพระทัยองค์ชาย”
“เจ้าพูดอะไรข้าไม่ได้ยิน พูดดังๆ สิ ขาเจ้าดูเหมือนจะพลิกนะ”
“คือข้า…..”
“น่ารำคาญจริง เจ้าหลีกไป…”
“เขาบอกลี่เฟยและเดินเข้าไปรวบตัวของเว่ยอิงขึ้นมาอุ้มนางขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่งวยงงของคนทั้งห้องโถง”
“อะ…องค์ชาย…เก้าเพคะ หม่ะ…หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ”
“ข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าล้ม อย่าได้ห่วงเลย เจ้าน่ะรีบหาชุดให้นางเปลี่ยนที”
“เพคะองค์ชาย”
สาวใช้ที่ถูกเรียกรีบวิ่งออกไปเพื่อจัดเตรียมชุดใหม่ให้เว่ยอิง สายตาของเนี่ยนเจินในชุดเจ้าสาวกำพัดเอาไว้แน่น สายตาอาฆาตนั้นรุนแรงแม้ว่าวันนี้นางจะแต่งงานให้กับองค์ชายหก แต่ดูแล้วเหมือนว่านางเองก็จะไม่ยอมปล่อยองค์ชายเก้าไปง่ายๆ ตงหยางแอบเห็นสายตานั้นเขาจึงหันไปมองพวกที่ซุบซิบกันอยู่
“แม่นาง…เจ้าชื่ออะไรนะ”
“หม่อมฉัน….หรงเว่ยอิงเพคะ”
“หรงเว่ยอิง เจ้าเป็นน้องสาวของห่าวเสวียน แม่ทัพอุดรงั้นหรือ”
“เพคะ”
“ตัวนางแปดเปื้อนแล้ว องค์ชายเก้าเพคะพระองค์กำลังจะออกศึกสำคัญวางนางลงเถิดเพคะมันจะเป็นอัปมงคลติดพระวรกายพระองค์นะเพคะ”
หลิวเฟยหย่า น้องสาวของหลิวเนี่ยนเจินรีบตะโกนออกมาทำให้ทั้งห้องโถงเกิดเสียงวิจารณ์อีกครั้ง นางเองก็แอบรักองค์ชายเก้าอยู่เช่นกัน กว่าจะยุแยงให้พี่สาวนางแต่งงานกับองค์ชายหกได้ก็ใช้เวลานานแต่เพราะเนี่ยนเจินเป็นคนทะเยอะทะยานเรื่องความงามและความสูงศักดิ์ของตนเองจึงถูกชักจูงโดยง่าย
“นั่นสิ ตัวกาลกิณีโดยแท้เลยดูทำเข้าสิ ยังไม่รีบลงมาอีก”
“องค์ชายเพคะ ได้โปรดวางหม่อมฉันลงเถิดเพคะ ทำเช่นนี้พระองค์จะเสียชื่อนะเพคะ”
“องค์ชายเก้าเพคะ หม่อมฉันขออภัยแทนนางด้วย หม่อมฉันหรงไป๋ เป็นฮูหยินของท่านโหวเพคะ”
“นั่นสิเพคะ พี่สาวหม่อมฉันมักจะทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้อยู่เสมอ ไม่นึกว่าครั้งนี้จะทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ เป็นตัวอัปมงคลโดยแท้”
“นั่นน่ะสิ ลูกสาวจวนใดกันน่าอับอายยิ่งนัก”
“บุตรสาวท่านโหวหรง นางไม่มีมารดาคอยสั่งสอนเลยเป็นเช่นนี้ ท่านโหวก็ออกศึกและเฝ้าชายแดนอยู่ข้างนอกไม่ค่อยได้กลับจวน นางเลยขาดการอบรม”
เว่ยอิงที่อยู่ในอ้อมกอดขององค์ชายเก้าตัวสั่นจนผู้ที่อุ้มนางรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของคนในอ้อมแขน หากวันนี้เขาไม่มาด้วยของเหล่านี้นางคงไม่ถูกกล่าวโทษเช่นนี้ เนี่ยนเจินหันมาแสยะยิ้มให้เขาทำเอาเขารู้สึกโมโห
“องค์ชาย ขอบพระทัยที่มาร่วมอวยพร แต่เห็นทีครั้งนี้จะส่งผลทำให้พระองค์มีสิ่งอัปมงคลติดตัวไปทัพ รีบวางตัวกาลกิณีนั่นลงเถิดเพคะมันจะทำให้พระองค์สกปรกไปด้วยนะเพคะ”
“พวกเจ้าพล่ามกันพอหรือยัง!!”
เสียงที่ทรงพลังอำนาจนั้นทำเอาเว่ยอิงตกใจจนต้องรีบคว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ เขาหันมามองตากลมโตที่หวาดกลัวจนหน้าซีดและหันไปมองเนี่ยนเจินที่ยิ้มราวกับผู้ชนะอยู่ปลายทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง
“ข้าหมิงตงหยาง องค์ชายเก้าแห่งราชสำนักตงโจว วันนี้ข้าจะประกาศว่า ข้าจะหมั้นหมายกับแม่นางหรงเว่ยอิงผู้นี้และจะรับนางเป็นพระชายา พิธีหมั้นหมายจะกำหนดหลังจากที่ข้าออกศึกครั้งนี้จนเสร็จสิ้น”
“ว่าอย่างไรนะ!!”
“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ได้เช่นไรเจ้าคะ ลูกอยากให้นางอับอาย แต่ว่านาง…กลับ…”
ฟางเซียนกระทืบเท้าด้วยความโมโหอยู่ข้างๆ มารดาเมื่อได้ยินองค์ชายเก้าตรัสออกมา คนในห้องโถงต่างก็ตกใจกับข่าวนี้ รวมถึงหลิวเนี่ยนเจินถึงกับทำพัดในมือร่วงลงและหันไปมององค์ชายเก้าด้วยความตกใจ หลิวเฟยหย่าหรี่ตามมองที่ทั้งคู่และคิดอะไรบางอย่างระหว่างที่เก็บพัดขึ้นมาส่งให้พี่สาวของนาง
“องค์ชายเก้า นี่พระองค์กำลังตรัสสิ่งใด หากว่าพระองค์ต้องการประชดหม่อมฉัน…”
“แม่นางหลิวสำคัญตัวเองผิดแล้ว ข้าคงมิต้องทำเช่นนั้น เพียงแต่ว่าสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดข้านี้ช่างบอบบาง ดูน่าถนุถนอมไม่มีพิษภัย และเหมาะสมที่จะเป็นพระชายาของข้าก็เท่านั้น และพวกเจ้า!!…หากว่าข้าได้ยินข่าวลือว่ามีผู้ใดกล้ากล่าวหานินทาว่าร้ายว่าที่พระชายาข้ากลับมาเมืองหลวงข้าจะไม่ละเว้นพวกเจ้าแม้แต่คนเดียวจำเอาไว้!!”
องค์ชายเก้าเดินออกจากห้องโถงทันทีที่ตรัสจบ ทหารเกราะเงินเดินตามเขาออกมา เว่ยอิงเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาพานางมาที่ห้องแต่งตัวที่สาวใช้รอเตรียมเปลี่ยนชุดใหม่ให้นาง
“เจ้าเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถิด”
“องค์ชายเพคะ หม่อมฉัน….”
“ทำไมหรือ”
“ขอบพระทัยองค์ชายเพคะที่ช่วยหม่อมฉันเอาไว้ แต่ว่าเรื่องหมั้น หม่อมฉันมิได้ต้องการเพคะ ขอบพระทัย..”
“อ้าว เว่ยอิง เดี๋ยวสิ….ขอตัวก่อนเพคะองค์ชายเก้า”
ลี่เฟยเดินตามเว่ยอิงเข้าไปยังห้องแต่งตัว เมื่อกี้ในห้องโถงนางยังรู้สึกสะใจอยู่เลยที่องค์ชายเก้าช่วยปกป้องเว่ยอิงเอาไว้ แต่พอมาถึงนี่นางกลับปฏิเสธเขาเสียอย่างนั้น
“เว่ยอิงนี้เจ้าจะบ้าหรืออย่างไร เหตุใดบอกปฏิเสธองค์ชายเก้าไปเช่นนั้น”
“ลี่เฟย องค์ชายเพียงแค่ช่วยข้าในสถานที่เลวร้ายนั่น ข้าจะให้เขามารับผิดชอบมากกว่านั้นหาได้ไม่ ข้าเป็นเพียงบุตรท่านโหว ไม่มีสิทธิ์และฐานันดรมากพอที่จะอภิเษกกับพระองค์”
“เจ้าโง่หรือไม่ เนี่ยนเจินก็เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพหลิวเช่นกันเหตุใดนางแต่งได้เจ้าจะแต่งไม่ได้เล่า”
“อย่าพูดถึงอีกเลย ช่วยข้าแต่งตัวก่อนเถิดและรีบออกไปจากที่นี่กัน”
“เว่ยอิง…”
“อย่าพูดอะไรอีกเลยนะ”
ลี่เฟยได้แต่ถอนหายใจและช่วยเว่ยอิงสวมชุดใหม่สีชมพูอ่อนที่นางกำนัลเตรียมเอาไว้ให้ พวกนางนำชุดเก่าของเว่ยอิงออกไปแล้วพร้อมกับแจ้งว่าจะนำไปทิ้งเว่ยอิงก็ไม่ติดปัญหาอะไรเพราะนางเองก็คงไม่หยิบชุดนั้นมาสวมอีกแล้ว เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จพวกนางจึงเดินออกมาและไม่คาดคิดว่าจะเจอ
“องค์ชายเก้า เหตุใดพระองค์ยังประทับอยู่ที่นี่อีกเพคะ!!”