
ทะลุมิติไปเป็นภรรยาตัวน้อย
เฉียนซีเว่ยทดลองดาวน์โหลดเกมส์ทางอินเตอร์เนตมาลองเล่น เมื่อลงทะเบียนเข้าสู่เกมส์กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เธอทะลุมิติไปยังโลกที่เธอไม่รู้จัก แถมชีวิตในมิตินี้ยังถูกขายให้ไปเป็นภรรยาเด็กของบุตรชายในครอบครัวชาวบ้านที่ยากจน มิหนำซ้ำสามีในนามของนางยังหายสาบสูญไปในสงครามไม่ได้กลับมาบ้านอีกด้วย ภาระกิจของเฉียนซีเว่ยที่ต้องทำตามระบบภรรยาตัวน้อยจึงเริ่มขึ้นท่ามกลางข้อจำกัดมากมายในชีวิต "ภรรยาตัวน้อยหมายถึงเป็นภรรยาที่แต่งงานตั้งแต่เด็กถูกเลี้ยงให้เติบโตอยู่ในบ้านของสามี ว่าแต่สามีของข้ายามนี้เขาอยู่ที่ไหนเจ้าคะ" เฉียนซีเว่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย .... "ท่านช่วยบอกข้าอีกที สตรีนางนั้นเป็นสะใภ้ตระกูลเซี่ยที่อยู่หมู่บ้านติงเซียนอย่างนั้นหรือ" เซี่ยอวี่เฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัยปนมึนงง เขามีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะเหตุใดเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ .....

กู้ชิงอวิ๋น เทพโอสถทวงชะตา
เมื่อศัลยแพทย์มือเทพจากยุคอนาคตฟื้นในร่างคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพที่กำลังจะหมดอำนาจเธอหาได้ยอมเป็นเบี้ยหมากในเกมอำนาจอีกต่อไปหากแต่ใช้โอสถเป็นดาบและสติปัญญาและหมัดหนักเป็นเกราะเพื่อทวงชะตาคืนมาด้วยมือตนเอง เรื่องย่อ ในศตวรรษที่ 21 กู้ชิงอวิ๋น ศัลยแพทย์มือเทพผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งวงการผ่าตัด ทั้งยังเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเทพโอสถ แต่การเดิมพันเพื่อช่วยชีวิตผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษหลี่จิ่นหยางทำให้ชะตากรรมของเธอพลิกผัน วิญญาณของเธอถูกดึงข้ามภพมาอยู่ในร่างของ คุณหนูใหญ่กู้ชิงอวิ๋น ทายาทโดยชอบธรรมแห่งจวนแม่ทัพที่กำลังจะล่มสลาย.. ร่างใหม่นี้ไม่เพียงอ่อนแอขี้โรค แต่ยังมีปานแดงอัปลักษณ์บนใบหน้า ถูกแม่เลี้ยงใจยักษ์กดขี่ข่มเหง บิดาแท้ๆ ไม่เหลียวแลและกำลังจะถูกขายไปเป็นภรรยาบ่าวของขุนนางชราตัณหากลับ! แต่คิดว่าเธอจะยอมจำนนต่อโชคชะตาอันน่าสมเพชนี้น่ะหรือ? ฝันไปเถอะ! เมื่อกู้ชิงอวิ๋นคนใหม่ลืมตาขึ้น เธอหาใช่ลูกพลับนิ่มให้ผู้ใดขยี้อีกต่อไป ด้วยหีบโอสถเทวะสมบัติล้ำค่าที่ข้ามมิติตามติดเธอมา สัญชาตญาณนักล่าของกู้ชิงอวิ๋นก็ถูกปลุกให้ลุกโช เธอจะไม่ยอมแยกเรือน ไม่หลบหนีปัญหา และไม่ยอมเป็นเพียงเบี้ยล่างของผู้ใด แต่นางจะยึดจวนเธอจะทวงคืนความยุติธรรม จัดการแม่เลี้ยงและลูกสาวตัวร้ายอย่างสาสม พลิกจวนแม่ทัพที่ใกล้ล่มสลายให้กลายเป็น จวนหมอเทวดาที่คนทั้งแคว้นต้องยำเกรง! ในมือของเธอ...การพลิกชีวิต พลิกความตาย...เป็นเพียงเรื่องพลิกฝ่ามือ! หีบโอสถเทวะใบนี้ไม่ใช่แค่กล่องยา...มันคือมิติส่วนตัวที่เก็บทุกสรรพสิ่ง! ตั้งแต่สมุนไพรที่ว่าหายากงอกกันเต็มมิติไปหมด ทั้งเครื่องมือแพทย์ ตำรา อาหาร ข้าวของมากมาย ไปจนถึงอาวุธลับ มันไม่เพียงแต่เป็นคลังสรรพวิชาแต่ยังเป็น มิติแห่งการฝึกฝน ที่ขัดเกลาทั้งพลังปราณ, พลังจิต, และวิชาต่อสู้ให้เธอตั้งแต่เด็ก ใบหน้าที่เคยอัปลักษณ์น่ะหรือ?เดี๋ยวเธอจัดการเอง เอาให้งามล้มแคว้นไปเลยยังได้! ชื่อเสียงของ หมอเทวดากู้ ดังกระฉ่อนไปทั่วหล้า ดึงดูดทั้งมิตรและศัตรู...และหนึ่งในผู้ที่ถูกดึงดูดเข้ามาในวังวนแห่งอำนาจของนาง...คือ องค์ชายหลี่จิ่นหยาง บุรุษสูงศักดิ์ผู้มีรอยยิ้มซ่อนคมดาบ... สงคราม การเมือง ความลับดำมืดของราชวงศ์ และปริศนาของหีบโอสถเทวะที่อาจเชื่อมโยงกับชะตากรรมของทั้งดินแดน...ทั้งหมดนี้กำลังจะผลักดันให้เธอต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่เดิมพันด้วยชีวิต และความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นกับองค์ชายผู้ซับซ้อนและให้ความรู้สึกคุ้นเคยคนนั้นด้วย! เธอไม่ได้กลับมาเพื่อมีชีวิตรอด...แต่นางกลับมาเพื่อเป็นตำนาน! เรื่องราวการต่อสู้ที่ดุเดือด หักมุม และเข้มข้นจนทำให้คุณ...ไม่อาจวางลง! ด้วยรัก primพริมโรส

เนรเทศไม่เป็นไร ข้าเกิดใหม่พร้อมคลังเสบียง!
ถูกเนรเทศ…!? เรื่องเล็ก! เพราะข้าเกิดใหม่พร้อมคลังเสบียงไร้ขอบเขต เซี่ยหยู่ หญิงสาวศตวรรษที่ 21 ทะลุมิติมาอยู่ในร่างขององค์หญิงที่ถูกฮ่องเต้โยนให้ไปอยู่ในดินแดนกันดารพร้อมกับองค์ชายตัวน้อย แต่ไม่เป็นไร ในมือของนางมีระบบคลังเสบียง มีให้กินให้แจกแบบไม่อั้น ของหายากทั่วแผ่นดิน รวมถึงคลังสมบัติของฮ่องเต้ นางจะกวาดเข้าคลังสมบัติให้เรียบ! ดินแดนกันดารหรือ? ฟื้นฟูใหม่ไม่ยาก รอหน่อยเถอะ...องค์หญิงผู้นี้จะสร้างอาณาจักรใหม่ให้ฮ่องเต้ตะลึงจนพูดไม่ออกเลย!

ข้ามมิติมาพาครอบครัวหนีภัยแห้ง
ลูซี่นักฆ่าสาวที่มีฝีมือระดับพระกาฬหาตัวจับยากแต่ต้องมาข้ามมิติไปในยุคโบราญที่อยู่ในช่วงภัยแล้ง ภัยแล้งก็ต้องหนีไหนจะโจรป่าที่ค่อยดักปล้นอีก เธอจะสามามรสพาครอบครัวผ่านภัยแล้งไปได้ยังไง

ข้าคือ เจ้าของหอเหว่ยซิน
สายฝนที่กระหนำลงมาราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธอยู่ ทำให้ร่างของสตรีที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบด้าน ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงเมื่อน้ำฝนตกกระทบลงมา นางค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก “อูยยย จะ เจ็บ เจ็บชะมัด” นางคำรามออกมาเสียงเบา ความประหลาดใจเริ่มฉายชัดในแววตา เมื่อสภาพแวดล้อมที่เห็นไม่ชัดในตอนนี้ ไม่ใช่สถานที่ก่อนหน้าที่นางอยู่ เยี่ยนอิง คลานไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่นางเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ สายฟ้าที่ฟาดลงมา ส่งผลให้ทั่วบริเวณแสงวาบขึ้นมาเพียงชั่วอึดใจ “ที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” นางเริ่มจะตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอบด้านที่เป็นป่าเขา มิใช่สถานเริงรมย์ที่นางเป็นเจ้าของ นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้นางเข้าไปตรวจงานที่ร้านเช่นทุกวัน เสียงโวยวายของลูกค้าที่เข้ามาดื่มกินทำให้เยี่ยนอิงลุกออกจากห้องทำงานเพื่อไปดู นางคิดจะออกไปตำหนิผู้จัดการร้าน ว่าทำไมถึงปล่อยให้ลูกค้าก่อเรื่องได้ ปัง ปัง ปัง เสียงปืนสามนัดดังขึ้นภายในไนต์คลับสุดหรู ย่านใจกลางกรุงเซี่ยงไฮ้ ที่เยี่ยนอิงได้รับเป็นมรดกมาจากคุณพ่อของนาง ร่างของเยี่ยนอิงที่กำลังเดินพ้นประตูห้องทำงานออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น เสียงความวุ่นวายดังอยู่ภายในหูของนาง พร้อมกับสติที่ค่อยๆ จะเลือนรางลงทุกที ตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง ครองกิจการในเมืองเซี่ยงไฮ้มากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจการค้า แต่งานที่ให้ความสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นไนต์คลับ ที่นางปรับปรุงจนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ด้วยระยะเวลาเพียงสองปีเท่านั้น เบื้องหลังตระกูลฟู่ ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าคุณพ่อของเยี่ยนอิง เป็นถึงมาเฟียมีอิทธิพลในอันดับต้นๆ ของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้ นางคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะพกอาวุธเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อหน้าร้านมีพนักงานตรวจค้นอาวุธก่อนจะปล่อยตัวเข้ามา คงไม่พ้นฝ่ายต้องข้ามที่ต้องการจะกำจัดนางอย่างแน่นอน หากเยี่ยนอิงรู้ตัวเสียก่อน นางคงไม่เดินออกมาดูโดยที่ไม่ถืออาวุธปืนติดตัวมาด้วย “บ้าจริง กล้าเอาฉันมาทิ้งในป่าเหรอ” นางกัดฟันคำรามออกมา เรื่องที่คิดไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นไนต์คลับของนาง ลูกน้องที่มีหลายสิบคนอยู่ภายในร้าน ไม่มีทางปล่อยให้คนชิงตัวนางออกไปได้แน่ อย่างน้อยก็ต้องรีบพาตัวนำส่งโรงพยาบาลก่อน เยี่ยนอิง ปวดหัวจนคิดสิ่งใดไม่ออก นางมองหาที่หลบฝนที่ใหม่ หากยังนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ นางได้ตายลงเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็ต้องหนาวตาย นางค่อยๆ ประคองร่างที่บาดเจ็บ คลำทางเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ จากแสงสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นระยะ ทำให้มองเห็นถ้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป เยี่ยนอิงกัดฟันแข็งใจอีกครั้ง นางใช้พลังที่มีทั้งหมดเร่งฝีเท้าออกเดินไปที่ถ้ำตรงหน้าโดยเร็วที่สุด “เหนื่อยเป็นบ้า” ภายในถ้ำมืดสนิท แม้แต่แสงของฟ้าผ่าก็ส่องเข้ามาไม่ถึง เยี่ยนอิงจะถอดเสื้อผ้าออกเผื่อผึ่งลม นิ้วมือของนางก็ต้องชะงักค้างอยู่กับสาบเสื้อ สายตาของนางเลื่อนลงมาที่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ก่อนจะเห็นว่าฝ่ามือของนางตอนนี้เล็กราวกับเด็กสาวที่เพิ่งจะเติบโต “กรี๊ดดดดดด” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งถอยตัวเข้าไปจนติดผนังถ้ำ “ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไง” นี่ไม่ใช่ตัวนางแน่นอน

พลาดรักคุณสามี
"ถ้าคืนนี้คุณทำอะไรฉันอีกฉันจะร้องให้พ่อกับแม่ช่วยจริงๆด้วย""แล้วไงถ้าพวกท่านถามเธอจะตอบว่าสามีกำลังจะปล้ำอย่างนั้นเหรอ"คุณรามิลในเมื่อคุณไม่ได้รักฉัน คุณก็อย่าทำแบบนี้กับฉันอีกเลย"แต่ก็เคยทำไปแล้วนี่

ไป๋อวี้เจียวทะลุมิติพร้อมแหวนหยกพันปี
พันเอกหญิงไป๋อวี้เจียวแพทย์ผู้คิดค้นยาอายุวัฒนะถูกหักหลังและสิ้นชีพถูกแหวนปริศนาพาเธอทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นเด็กหญิงวัย4ขวบแห่งตระกูลขุนนางต้องโทษแหวนวงนั้นคือแหวนมิติที่บอกว่าเธอคือผู้ถือคนที100ของมัน เรื่องย่อ พันเอกหญิงไป๋อวี้เจียวแพทย์อัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ 25 ผู้คิดค้นยาอายุวัฒนะที่สามารถยืดอายุมนุษย์ได้กว่าสองร้อยปี ความสามารถอันเป็นเลิศทั้งด้านการแพทย์การวางกลยุทธ์และความจำที่ไม่มีวันลืมทำให้เธอเป็นที่ยกย่องและอิจฉาไปพร้อมกัน ทว่าความสำเร็จกลับนำพาอันตรายมาสู่เธอเมื่อองค์กรลับหมายแย่งชิงผลงานเธอถูกหักหลังและถูกไล่ล่าจนมาจบลงที่สุสานร้าง… ในห้วงสุดท้ายของชีวิตเธอเอื้อมมือไปคว้าแหวนหยกแตกร้าวที่ถูกทิ้งไว้แถวนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเปลี่ยนโชคชะตาของเธอไปตลอดกาล เมื่อแหวนหยกดูดกลืนเลือดของเธอราวกับมันกระหายมานับพันๆปี ฉับพลันรอยแตกร้าวก็เลือนหายประกายแสงลึกลับแผ่ซ่านออกมาแหวนหลอมรวมเข้ากับร่างของเธอก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปพร้อมกับวิญญาณที่ปลิดปลิว ทว่าความตายไม่ได้หมายถึงจุดสิ้นสุดเธอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของไป๋อวี้เจียวเด็กหญิงวัย 4 ขวบในโลกโบราณที่เสียชีวิตเพราะอาการเจ็บป่วย เธอมาพร้อมกับแหวนหยกที่ได้กลายเป็นรอยสักรูปแหวนบนนิ้วของเธอ เมื่อความทรงจำกลับมาทำให้ทราบว่าเธอคือบุตรสาวคนสุดท้องของไป๋หรงเฉินอดีตเสนาบดีผู้ซื่อสัตย์แห่งแคว้น แคว้นไท่หยวน ผู้เคยช่วยชีวิตฮ่องเต้หลงเซิ่งหยวนจากการลอบสังหาร ทว่ากลับถูกใส่ร้ายว่าคิดก่อกบฏจนต้องโทษประหาร 9ชั่วโคตร แต่ด้วยป้ายทองเว้นโทษตายที่ฮ่องเต้หลงเซิ่งหยวนเคยให้ไว้ ทำให้ครอบครัวของไป๋หรงเฉินถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงกว่า 3,000 ลี้ ตระกูลไป๋กว่า 30 ชีวิตต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากการเดินทางอันแสนยาวไกลและยากลำบาก เพื่อไปให้ถึงหมู่บ้านชายแดนที่เป็นรอยต่อกับแคว้นที่เป็นศัตรูที่เต็มไปด้วยภัยสงคราม แม้ร่างกายจะเป็นเด็กน้อย แต่จิตวิญญาณของเธอยังคงเป็นแพทย์อัจฉริยะจากอนาคต เธอตัดสินใจใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และสืบหาความจริงเบื้องหลังการใส่ร้ายป้ายสีของตระกูลไป๋ว่าผู้ใดกันแน่ที่ต้องการทำลายล้างตระกูลไป๋ของนาง ระหว่างการเดินทางที่แสนยากลำบาก แต่แล้วเธอกลับค้นพบเรื่องที่น่าตกตะลึงแหวนหยกที่ได้กลายเป็นรอยสักบนนิ้วนั้น ไม่ใช่แค่แหวนธรรมดาแต่มันคือ แหวนมิติที่มีอายุหลายพันปี!และมีเจ้าของมาแล้วถึง 99 คน ทุกคนที่เคยเป็นเจ้าของแหวน ต่างสะสมทรัพย์สมบัติและของล้ำค่าเอาไว้ภายในแหวนมิตินี้จนล้นพ้นไม่ว่าจะเป็น ? เนื้อสัตว์อสูรในตำนาน ที่คงความสดใหม่ไม่เน่าเสีย ?อาวุธเทพและอุปกรณ์สงครามมากมาย ?น้ำพุวิญญาณ: น้ำทิพย์ที่สามารถฟื้นฟูพลังที่สามารถใช้ได้ทั้งคนและพืชผัก ?ตำราหมื่นพิษ /ตำราการแพทย์บรรพกาล:ที่รวมสูตรพิษและการรักษาจากทั่วทุกมุมโลก ?พืชผักวิญญาณ ที่ช่วยฟื้นฟูกำลังภายในและร่างกาย ?ตำราวรยุทธ์และคัมภีร์วิเศษ/คัมภีร์สะกดวิญญาณที่โลกภายนอกไม่มีใครเคยเห็น ?เงินตำลึงทอง ตำลึงเงิน ทองคำ หยก เพชร อัญมณี สมบัติล้ำค่ากองเป็นภูเขา ?เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของใช้หรูหรา ผ้าไหม ของทุกยุคสมัย ?ยันต์ค่ายกลพลังฟ้า: ค่ายกลสำเร็จรูปที่ใช้ป้องกันศัตรูหรือซ่อนตัว ?อาหารและเสบียงมากมายที่สามารถเลี้ยงกองทัพนับแสนนับล้านได้โดยที่ไม่มีวันหมด ท่ามกลางสมบัติที่สะสมมานับพันๆปี ไป๋อวี้เจียวไม่เพียงแต่ได้รับมรดกทั้งหมดจากอดีตเจ้าของแหวนทั้ง 99 คน แต่เธอยังเป็นผู้ครอบครองคนที่ 100ซึ่งเป็นตัวเลขที่อาจมีความหมายพิเศษบางอย่างต่อแหวน มันจะกลายเป็นพรหรือคำสาปกันแน่? และเธอจะใช้ทรัพย์สมบัตินี้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตระกูลไป๋ และพลิกชะตาของตัวเองได้หรือไม่? มาติดตามเอาใจช่วยผู้พันสาวคนนี้กันเถอะค่ะ ด้วยรัก จาก Primพริมโรส

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

เพลิงลลิน
เธอวางแผนนานแรมปีเพื่อแก้แค้นให้กับพี่สาวที่จากไปอย่างไร้การเหลียวแล เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับกรรมอย่างสาสม แม้จะต้องทำร้ายหัวใจของตัวเองก็ตาม

ติวเตอร์ร้อนสวาท
อาชาไนยคือติวเตอร์ที่ซ่อนความต้องการทางเพศมากมายเอาไว้ระเบิดในยามค่ำคืน ส่วนเธอ... พิมาลิน หล่อนคือลูกแกะจอมยั่ว ที่พร้อมจะเสิร์ฟสวาทให้กับผู้ชายที่ตัวเองหลงรักอย่างเต็มใจ แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป เสือร้ายอย่างอาชาไนยก็ประกาศว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความสนุกเท่านั้น!!! หล่อนจึงตัดสินใจจากไป และเมื่อนั้นอาชาไนยจึงรู้ว่า แท้จริงแล้วตนเองต้องการอะไร

รสสวาทควาญช้าง
“อ๊อย... เสียวเหลือเกิน” ลิลลี่ชันข้อศอกขึ้นมองสองเต้าของตัวเอง คำรณขยี้ลิ้นแรงๆ ดูดแรงจนหัวนมยุบยวบจมหายลงในวงป้านลานหัวนมสีเนื้อซึ่งเป็นฐานรองรับ จากนั้นก็ดูดรวบขึ้นมาแรงๆ เสียงดังจ๊วบ ส่งผลให้เม็ดหัวนมแข็งโด่เป็นตุ่มไตแดงเรื่อ “ชอบให้ผมดูดไหมครับ” คำรณถามเสียงกระเส่า

พิชิตใจ..นายอบอุ่น
คุณจะต้องต้องหลุมรักฉันตั้งแต่จูบแรก..."เปอโย..ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะอยากเชื่อความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันโดยการเเต่งงาน..เพราะมีปมจากพ่อแม่ที่ชีวิตคู่นั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด..ตนเลยไม่คิดที่จะเเต่งงานกับใครหรือเอาตัวเองไปผูกมัดกับใคร...เเต่เลือกที่จะลองมีความสัมพันธ์แบบ one night stand กับผู้หญิงคนนึงที่เจอกันในผับ..เพียงความสัมพันธ์ข้ามคืนนั้นจบลงต่างคนก็ต่างเเยกย้าย...ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนาม...เเต่ใครจะคิดว่ามันจะไม่จบเเค่คืนนั้น...เพราะความบังเอิญเค้าทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง...ในฐานนะ บอส..กับเด็กฝึกงาน

จูบรักมัดใจอา
แสงสีเสียงไฟสาดกระทบผิวสวยบนเรือนร่างเล็กที่ใส่เสื้อครอบโชว์เอวนิดหน่อย บวกกับใส่กางเกงขาสั้นเด็กสาวที่อายุอย่างเข้า18ปี พึ่งเคยมาสถานที่เเห่งนี้เป็นครั้งเเรกก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลย..เเต่กว่าจะมาได้ต้องผ่านด้านคุณอาจอม จู้จี้จุกจิกนี้มาได้ก็ช่างยากลำบากสะเหลือเกินเพราะตัวเองจะต้องใช้ไม้ตาย..ลูกเล่นไม่พูดกับคุณอาจอมบ่นเลยเเม้เเต่คำเดียว ถามอะไรก็ไม่ตอบ เหมือนยั่วประสาทเล่น เดี๋ยวเหนื่อยถามเค้าก็จะยอมเอง...เเละนั่นก็เป็นผลสำเร็จ ที่คุณอายอมพามาเที่ยวที่สถานที่เเห่งนี้ โดยมีคุณอาเป็นผู้ดูเเลอยู่ห่างๆ สาเหตุที่อยากมาคือพวกเพื่อนๆชวนนั่นเเหละ...อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะตัวเองไม่ค่อยได้สนใจอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ วันๆอยู่เเต่กับหนังสือ เเละก็หน้าเตาอบขนม ไหนเพื่อนชวนเเล้วจะให้เสียท่า ก็ไม่ได้ เลยตอบตกลงว่ามา..เเละก็ได้ดั่งใจที่จะมาจริงๆ "หึ่ยย..อาจะมาเดินเบียดน้องทำไมเนี้ยคนก็เยอะ "อะไรนะ!!!! ชายหนุ่มเอียงหูฟังไม่เข้าใจคำที่ร่างเล็กกำลังพูดเลยก้มหน้าลงมาเพื่อที่จะฟัง..เเต่ก็ด้วยความที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจหรือไม่นั้น..ทำให้เเก้มของคนพี่โดนเข้ากับปากงุ้ยๆของน้อง จุ้บ!!! เเต่ร่างเล็กก็รีบผละออกอย่างรวดเร็วเพราะจะพูดให้คุณอาเข้าใจ "บอก!!ว่า!!อย่า!!มา!!เบียด!! "อะไรอย่ามาเขียด!! "อย่า!!มา เบียด!! "อยากกินเขียด!!ไม่มี "โอ็ยย..จิ๊!!ไม่พูดเเล้ว ร่างเล็กเดินกระฟัดกระเฟียดไปที่โต๊ะของเพื่อนๆที่ตัวเองเห็นพอดี กราฟเห็นแบบนั้นเลยปลีกตัวเองออกมานั่งที่โต๊ะบาร์ด้านอยู่ห่างๆ เเทน เเต่สายตาก็ไม่ละทิ้งไปจากคนตัวเล็กเลย "เอาลิเคียว มาเอานึงสิ ชายหนุ่มหันไปสั่งเครื่องดื่มกับหญิงสาว...ซึ่งสั่งเป็นคอกเทลรสโปรด ไม่ใช่สิ..เป็นเหล้าหวานซึ่งเป็น การผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น และรสลงไปด้วย โดยจะใช้สี กลิ่น รสของผลไม้ สมุนไพร เครื่องเทศ หรือแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของผลไม้ก็ได้ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่างๆ มากมาย อาจดื่มเปล่าๆ หรือ เพียวๆ หรือ แบบผสมน้ำแข็ง หรือจะนำไปผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม ("ได้เเล้วค่ะ) ก่อนที่ชายหนุ่มจะรับเครื่องดื่มมาเเล้วกระดกชิมรสชาติหนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆหมุนเก้าอี้กับมาโฟกัสที่หลานสาวตัวเเสบที่กำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆของเค้าอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ว่าคุยกันด้วยเรื่องอะไรเเต่หลานสาวของเค้านั้นหัวเราะไม่หยุด ก็อดที่จะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ "หึ....อย่าทำตัวน่ารักได้มั้ย...อาจะทนไม่ไหวนะของขวัญ ก่อนจะบ่นพรึ่มพรำกับตัวเอง เเละหันเก้าอี้มาที่บาร์เทนเดอร์พร้อมกับหยิบโทรศัทพ์เครื่องสวยกดเค้าเเอฟพิเคชั่นนึงก่อนที่จะเลื่อนๆ ไปเจอโพสของ หลานสาวที่ถ่ายคู่กับเพื่อน โดยเขียนเเคปชั่นว่า"เป็นคนง่ายๆ ยกแก้วก็ได้ ยกขวดก็ดี "หึ....เดี๋ยวจะโดนทุบ ก่อนที่จะบรรจงนิ้วหนาจิ้มไปที่โทรศัทพ์เพื่อเป็นการกดไลค์....พอดื่มไปได้สักพัก ชายหนุ่มก็หันไปดูเป็นระยะๆ ตัวเองก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับกลุ่มเพื่อนๆของคนตัวเล็กเพราะเข้าใจ เด็กก็ต้องการ การเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นดูอยู่แบบห่างๆจะดีกว่า "เห้ย..ขวัญทำไมเเกไม่ชนอากราฟมานั่งด้วยอ่ะ ปล่อยไปนั่งคนเดัยวได้ไงว่ะ...ไม่สบรมเลยหึ่ย!! เพื่อนสาวสองที่ทำหน้าตาเบะปากไม่พอใจคนร่างเล็กที่นั่งข้างๆก็เพราะว่าไม่ยอมชวน คุณอามานั่งร่วมวงด้วย "นั่นสิขวัญปล่อยอานัดื่มเเบบนั้นคนเดียวได้ไง...เนี้ยเห็นไหม ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะมองอากราฟด้วยเเหละดูสิ เพื่อนสาวคนสนิทก็ร่วมประสมโรงด้วยอีกคน "เห้ยย..พวกแกจะอะไรกับอากราฟนักหนา ปล่ยเค้านั่งตรงนั้นเเหละดีเเล้ว...ขี้บ่นจะตาย "นี่...นังชะนี..เค้าบ่นเพราะเค้าห่วงเเกป้ะ...ไม่ดีตรงไหนตอบสิ...เเละดูสิพ่อเทพบุตรคุณอาสุดหล่อของฉัน.... "ชิ้...หล่อตรงไหน "ทุกตรงย่ะ/ทุกตรง!! ทั้งเพื่อนสาวสอง เเละเพื่อนสาวที่อยู่รอบวงกันสามสี่คนตอบพร้อมกันอย่างกับร้องประสานเสียง "งั้นแกก็ยังเเก้วไปนั่งกับเค้าเลยไป "อ่ะได้หรอย่ะ..ฉันไปนะ บ่ายย!! เพื่อสาวสองที่กำลังจะลุกขึ้น..ก็พอดีกับจังหวะที่กราฟนั้นหันมามองพอดี...ทำให้สาวสองร่างหนานั้นเหมือนตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆกลืนน้ำลายลงคอไป จากเดิม ที่คิดอยากจะไปเชิญชวนคุณอาให้มานั่งด้วย ความคิดนั้นก็หายวูบไป เพียงเเค่เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายของ อาเพื่อนเพียงเท่านั้น ทำให้สาวสองร่างหนารีบนั่งลงบนเก้าอี้ดั่งเดิม ฟรึ่บบ!! "อ่าวไม่ไปล่ะสมชาย เพื่อนสาวของขวัญ ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวสองนั่งลงอยู่กับที่ทั้งๆที่เมื่อกี้ตั้งท่าว่าจะไปอย่างเเน่วเเน่ "ไม่ไปล่ะ....(ส่ายหัว)..ถ้าไปกูตุ่ยเเน่ กูตุ่ยเย่ อยู่ตรงหน้าคุณอาเเน่ กูตายเเน่โอ็ยย มึงหล่อมาก กูขอได้ป้ะ!! เพื่อนสาวสองทำทีว่ารุกรี้รุกรน จนของขวัญอดหัวเราะไม่ได้ "สมชายใจเย็นนะ เดี๋ยวขาดใจ "อ๊ายย!!บอกแล้วอย่าเรียกสมชาย ซูซานอ่ะซูซาน ไม่ใช่สมชายมึงบ้าปร้ะ! "ฮ่าๆๆ ทุกๆคนในกลุ่มก็ได้เเต่ระเบิดหัวเราะออกมมา จนคนตัวเล็กนั้นต้องเอามือกุมไว้ที่ท้อง..เพราะหัวเราะจนท้องเเข็ง...ทุกปฎิกิริยาถูกสายตาคมนั้นจับจ้องมองมาที่คนน้อง ..เเละก็เผยรอยยิ้มออกมา ถึงไม่ได้ไปนั่งอยู่ตรงข้างๆ เเต่ก็สัมผัสได้ ว่ามีความสุจมากเเค่ไหน "เห้ยพวกแกฉันไปเข้าของน้ำก่อนนะ "ให้ไปเป็นเพื่อนไหมขวัญ "ไม่เป็นไรเเกดื่มไปเถอะเดี๋ยวฉันมา ร่างเล็กเมื่อนั่งดื่มไปได้สักพักก็รู้สึกว่ามีอาการปวดท้องฉี่ขึ้นมาเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำเป็นจังหวะเดี๋ยวที่คนตัวโต๊ะนั้นหันโต๊ะไปสั่งเหล้าเพิ่ม --ห้องน้ำ--- ร่างเล็กเดินมาที่ห้องน้ำก็เดินผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย หญิงสาวที่ใส่ชุดรัดรูปจนหน้าอกทะลักออกมา..ไม่เข้าใจเหมือนกัน...ของขวัญไม่ค่ยชอบใส่เสื้อเเนวนี้เลย...เเต่มันก็เเล้วเเต่คนชอบน่ะ...พอเดินผ่านอะไรมาได้ก็บังเอิญมาเจอกับผู้ชายคนนึงที่ยืนปิดปากทางเข้าห้องน้ำอยู่ เพราะก่อนจะถึงห้องน้ำหญิงต้องผ่านห้องน้ำชายก่อน "จะไปไหนคนสวย "!!! ร่างเล็กตกใจเล็กน้อยที่มีคนเเปลกหน้ามาชวนพูดคุย "เอ่ออ...จะไปเข้าห้องน้ำค่ะ "ให้พี่ไปส่งมั้ย "อะ .เอ่อก็อยู่ตรงนี้ไงคะจะไปส่งทำไม หญิงสาวตอบด้วยความไม่เข้าใจ มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องให้เข้าไปส่งในห้องนทำล่ะบ้าจริง....ร่างเล็กจึงเดินเเทรกตัวจะตรงไปเข้าห้องน้ำ เเต่ก็ถูกมือหนานั้นรั้งไว้ หมับ!!!! "!!!! จู่ๆ ก็มีมือหนามาจับเธอเเน่สัมผัสได้ว่ามีน้ำอะไรไม่รู้เย็นๆเปียกข้อมือของคนตัวเล็กด้วย..ด้วยความตกใจ คนตัวเล็กจึงสะบัดมือออกเเละรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ปึ้งง!!! "ฟู่วววว ก่อนจะเห็นว่ามีห้องน้ำว่างอยู่จึงรีบเข้าไปในห้องน้ำเเละรีบปิดประตูก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ....คนบ้าอะไรจู่ๆก็มาจับมือ "บ้าที่สุด....เเล้วฉันจะกล้าออกไปได้ยังไงเนี่ย....พวกมันยังจะอยู่อีกมั้ยนะ ได้เเต่นั่งคิดไปสักพักเเละก็ทำธุระของตัวเองจนเสร็จ..เเต่จู่ๆ ก็เกิดอาการมึนหัวขึ้นมาทั้งๆ ที่ก็ดื่มไปไม่เยอะนัก มองเห็นประตูห้องน้ำเป็นภาพซ้อนๆกัน.. "เฮ้ออ ทำไมร้อนจังเลยจังเลยอ่าา~ฟู่วว~ เหงื่อเม็ดน้อยๆเริ่มไหลลงบนกรอบหน้า เนื้อตัวร้อนรุ้มไปหมดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...จึงค่อยๆก้มตัวทรุดลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้ฝ่ามือน้อยๆของตัวเองเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าไปมา "ฮึกก....ทำไม..มะ..มันร้อนน!!! อย่าลูกก็ยิ่งร้อนบวกกับเสียงเพลงดนตรีข้านอกที่นั่งกระหึ่มเข้ามาถึงในห้องน้ำผู้คนที่ถยอยเข้ามาในห้องน้ำ ก็เข้ามาเรื่อยๆคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ก็ไม่กล้าจะออกไป "ฮึกกก....ทำไมรู้สึกแบบนี้นะ...อา...อากราฟ..ช่วยน้องที....

ดวงใจพยัคฆ์ (แฟนตาซีโรมานซ์)
หลังพุทธกาลห้าร้อยปีกว่า ปรากฏหมู่คนจำนวนมากบนแผ่นดินที่ไม่ระบุแน่ชัดว่าประเทศเขตแคว้นใดเมื่อเทียบกับปัจจุบัน แต่เป็นดินแดนที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำ มีทะเล มีการสัญจรไปมา ค้าขาย มีทะเลทราย ผู้คนต่างสีผิวต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น มีบุคคลที่ถูกขนานนามและยกย่องอย่างยิ่งใหญ่กว่าบุรุษใด เขาคือ เมธัสอัปราชัย มหาบุรุษผู้ไม่เคยพ่าย ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้มากล้ำกราย จอมกษัตริย์ที่ต่อตีเพื่อรวบรวมแผ่นดินให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเพื่อความเป็นปึกแผ่นของอนาคต แต่ก็มีแผ่นดินที่ปรารถนาจะเป็นเอกเทศคือแผ่นดินของเธอ ผู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจอมสตรีที่เก่งกล้าสามารถทัดเทียมบุรุษ อีกทั้งยังงดงามด้วยพรอันวิเศษที่เลอเลิศกว่าสตรีใด แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็พลิกผันให้เป็นเรื่องราวเนื่องมาจากการช่วงชิงทั้งแผ่นดินและองค์ประกันซึ่งก็คือเธอ..อชิรญาณี..และองค์เอกบุรุษที่เป็นสาเหตุของเรื่องให้สตรีมากมายต่างหลงใหลแล้วยอมที่จะเป็นอามิษบรรณาการ ที่ทำให้ผู้เป็นพระบิดาต้องปวดใจเมื่อพระธิดาปรารถนาจะเป็นชายาของจอมกษัตริย์หนุ่มผู้ไม่เคยพ่าย ยกเว้นเพียงเธอเท่านั้น..อชิรญาณี..ที่หาวิธีเพื่อแย่งชิงแผ่นดินกลับคืนแม้เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือหัวใจรักของเขาที่เธอปรารถนาจะได้ไม่น้อยไปกว่าแผ่นดิน... เธอจะไขว่คว้าแผ่นดินและหัวใจของเขาได้หรือไม่.. อชิรญาณี . หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เหมาะสำสหรับบุคคลทั่วไป อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปนะคะ อาจมีฉากและบทที่โฉ่งฉ่างไปบ้างค่ะ คำศัพท์ยาก พี่เจี๊ยบจะแปลไว้ให้ในประโยคถัดไปนะคะ

สามีหัวใจเถื่อน (ฮาร์ดอีโรติก -โรมานซ์ 30 )
คำนิยามและการแนะนำตัวของพระเอก เถื่อน ดิบโหด แต่โคตรหล่อ ผู้ชายดิบ เถื่อนกับผู้หญิงที่เปราะบาง อรชรอ้อนแอ้น เธอเหมือนแก้วเจียระไนที่ล้ำค่า แต่ถูกเขากระทำการย่ำยีจนยับเยินแล้วผลักไสอย่างไม่ปรานี . ขุดด้วยปาก ถากด้วยสายตา คือการกกระทำที่เขามักจะแสดงออกเป็นประจำเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ครั้นพอลับหลัง หัวใจกับอ่อนแอด้วยความคิดถึงโหยหาสุดหัวใจ อยากจะบอกว่ารัก อยากจะแสดงความหวงแหนแต่ทำได้ยากยิ่ง . คนสวยมักเกิดมาอาภัพ แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะเธอเป็นคนที่สวยแต่ถูกชะตากรรมเล่นงานด้วยการให้มาเจอกับเขา ผู้ชายครึ่งดีครึ่งบ้า เลยทำให้เธอเหมือนตกไปอยู่อีกโลกหนึ่ง . อ่านเรื่องเต็มกันให้จุใจไปเลยดีกว่าค่ะ งานนี้ คอฮาร์ดอีโรติกโดยเฉพาะ

HUGO หวงรัก
ฮิวโก้ : ฮิวโก้ หรือ คานส์โซ ยูเวนมอราโต ลูกครึ่ง ไทย-อเมริกา (เป็นมาเฟีย) ฉายา หมาป่า หล่อ รวย ดุ หื่น ดิบ เถื่อน ซาดิสม์ ลูกชายเจ้าของโรงเรียนนานาชาติเซนต์ยูเวน เป็นโรงเรียนที่หรูที่สุด ค่าเทอมแพงที่สุด และดีที่สุดในไทย นิสัย ร้ายลึก โรคจิต ปากร้าย เฉยชาตายด้าน อารมณ์แปรปรวน ขี้หึงขี้หวง และ เอาเก่ง รักความซาดิสม์ นุ่มนิ่ม : นุ่มนิ่ม หรือ โบนิตา ฉายา ยัยหมูนุ่ม น่ารัก ใสๆ บอบบาง อ่อนแอ ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วราวกับดวงตาของตุ๊กตาบลายธ์ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อธรรมชาติ พวงแก้มอมชมพูเปล่งปลั่งผิวดีราวกับทานผลมะเขือเทศเข้าไปวันละร้อยลูก อีกทั้งยังมีผิวพรรณที่ขาวผ่องอมชมพูระเรื่อผิวขาวราวกับทาน หลอดไฟเป็นอาหาร

SO HOT! ฮอตเนิร์ด
SO HOT! ฮอตเนิร์ด 25 Take... "น้องคิมน่ารักจัง…เหมือนกระต่ายน้อยเลย" "อย่าบอกนะว่ามึงจะล่อเด็ก เนิร์ดขนาดนั้นช่วยตัวเองเป็นเปล่าก็ไม่รู้…" "เอาหน่า…เดี๋ยวน้องก็โตแล้ว" คำเตือน : ระวังติดกับดัก ตกหลุมรักน้องคิม -KIM- เด็กหนุ่มวัยอายุ 18 ปี ผู้ที่มีสมองและไอคิวสูงกว่านักเรียนทั่วไป ฉลาด ฉับไว และรุนแรง? "พี่อ่อยผมหรอ?" -GISELE- นักศึกษาสาวปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สวย รวย และแซ่บ ที่สำคัญคลั่งรักเด็กเนิร์ด? "น้องช่วยตัวเองเป็นยัง…" "เวลามีอะไรกัน ต้องหัดป้องกันนะรู้มั้ย…" "ใช่ครับ ต้องป้องกันถึงจะปลอดภัย" "มาเดี๋ยวพี่ใส่ให้ดีกว่า…" "พี่แน่ใจหรอครับ?" "พี่ต้องกลัวอะไรคะ…เราอ่ะไหวป้าว เด็กน้อย" จีเซลยื่นมือเรียวไปขยี้เรือนผมสลวยด้วยความเอ็นดูแล้วดึงหนังสือเล่มใหญ่ออกจากมือหนา เธอหยิบถุงยางอนามัยไซต์ไม่ใหญ่นักขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆดึงกางเกงขาสั้นออกจากเนื้อตัวเด็กหนุ่มทวากลับถูกคิมดึงออก… "แต่ผมว่าวิธีที่จะปลอดภัยยังมีอีกเยอะนะครับ ทั้งฉีดยาคุมกำเนิด กินยาคุมฉุกเฉินแล้วก็…" "ชู้ว…ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่ใช่เวลามาทบทวนความรู้ตอนนี้นะ" "เปล่าครับ ผมแค่จะบอกว่า…" มือหนาเสยผมหน้าขึ้นลวกๆจนเผยให้เห็นเหงื่อผุดตามกรอบหน้าแล้วถอนหายใจหนักๆก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ใบหูของจีเซล "ผมชอบเย็xสด…" สงสารพี่จีเขานะ55555555555555556 ถ้าชอบก็กดเพิ่มลงคลัง บวกกดใจไว้นะคะ เรื่องนี้แต่งขึ้นสนองนี๊ดตัวเองว่างเมื่อไหร่ก็แวะมา เรื่องนี้ไม่เน้นสาระค่ะ เน้นความหื่น และความโซฮอตของน้องคิมม? และสุดท้ายนี้ในเนื้อหาไหนที่ไม่เหมาะสมไรท์จะเเปะคำเตือนที่ต้นตอนนะคะ **บุคคลในภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องจริง **งดการก็อปหรือคัดลอกผลงาน หากเจอกรุณาแจ้งไรท์มาที่แฟนบอร์ดด้วยนะคะ #ขอให้มีความสุขกับนิยายของไรท์น้าา? คำเตือน : นิยายเรื่องนี้มีคำหยาบ และพฤติกรรมรุนแรง ไม่เหมาะสม เพื่ออรรถรสในการอ่าน หากรับไม่ได้ให้กดออกก่อนเข้ามาอ่านนะคะ??❤️ #น้องคิมกินดุ Thank you support me I Love you ?

กรุ่นกลิ่นไอรัก (นิยายสั้น)
เขาหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่เข้าใจผิดคิดว่าเธอมีความผิดปกติ เบี่ยงเบนทางเพศ ด้วยการมีคู่ควงเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้เขาอยากเอาชนะเธอ พยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อจะได้สมหวัง โดยที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เขาไปรู้มาจากไหนในความผิดปกติของเธอ ทำให้เสียใจอยู่นาน และในที่สุด เธอจำต้องท้าให้เขาพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เหมยฮวาบัญชาการ
ม้าเร็วกำลังเร่งฝีเท้าควบผ่านแผ่นดินกว้างใหญ่โดยไม่คิดแม้แต่จะหยุดพัก วันเวลามิอาจคอยท่า สารด่วนมิอาจรอช้า ‘ฝูซิ่นเล่อ’ แม่ทัพใหญ่แห่งทัพไป๋หู่หรือกองทัพพยัคฆ์ขาว ต้องพิษหมื่นบุปผาของข้าศึกศัตรู เป็นเหตุให้ทัพใหญ่ที่กำลังกรำศึกอยู่ชายแดนไร้ซึ่งผู้นำ ความนี้ต้องส่งถึงองค์ฮ่องเต้โดยไวที่สุด หาไม่ ทัพไป๋หู่ที่ได้ชื่อว่ากองทัพไร้พ่าย อาจประสบกับความพ่ายแพ้ได้ “รายงาน!” พลทหารถือสารด่วนวิ่งเข้ามาในท้องพระโรง ขณะที่ฮ่องเต้กำลังประชุมกับเหล่าขุนนางอยู่ “สารด่วนจากทัพไป๋หู่พ่ะย่ะค่ะ!” “ว่ามา” ฮ่องเต้จินหยางหลงรับสั่ง “ทูลฝ่าบาท แม่ทัพฝูถูกทำร้ายด้วยพิษหมื่นบุปผาของต้าเจา บัดนี้ทัพไป๋หู่ไร้ผู้นำทัพ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่เป็นผู้นำทัพไป๋หู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” “ฝูซิ่นเล่อถูกพิษเรอะ!” ไม่เพียงแต่จินหยางหลงเท่านั้นที่นั่งไม่ติด เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็พากันอกสั่นขวัญแขวน ที่ผ่านมาทัพไป๋หู่ไม่เคยพ่ายแพ้ ฝูซิ่นเล่อแม้บาดเจ็บมามาก แต่ก็ไม่เคยสาหัสถึงขั้นต้องส่งพลทหารมาขอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่ไปนำทัพ “ยามนี้ใครเป็นผู้บัญชาการทัพไป๋หู่” จินหยางหลงถาม “ทูลฝ่าบาท เป็นกุนซือฝูพ่ะย่ะค่ะ” องค์ฮ่องเต้ครุ่นคิดด้วยความหนักใจ มีเพียงกุนซือแต่ไร้ซึ่งแม่ทัพ แม้กุนซือเก่งกาจเพียงใดก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้แก่ศัตรูได้ ท้องพระโรงจึงตกอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่ แต่ในที่สุดจินหยางหลงก็เงยพระพักตร์ขึ้น “เว่ยหยางอ๋อง!” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เว่ยหยางอ๋องหรือ ‘จินเกาหยาง' อนุชาร่วมสายโลหิตของฮ่องเต้ขานรับ ขณะก้าวออกมาข้างหน้า “เจ้าเคยเป็นแม่ทัพทหารม้ามาก่อน ประสบการณ์ในการรบก็มีมาก ศึกครั้งนี้คงต้องพึ่งเจ้าแล้ว” จินหยางหลงว่า “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร หากข้าจะแต่งตั้งให้เว่ยหยางอ๋องเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งทัพไป๋หู่ นำทัพออกศึกกับแคว้นต้าเจา จนกว่าฝูซิ่นเล่อจะหายเป็นปกติ” “ฝ่าบาททรงปรีชา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” บรรดาขุนนางต่างพากันถวายคำนับ เมื่อไม่ผู้ใดคัดค้าน ฮ่องเต้จึงพระราชทานป้ายหยกตราพยัคฆ์อันเป็นตราประจำตัวแม่ทัพให้จินเกาหยาง “จงรีบเตรียมตัวไปชายแดน แล้วนำชัยชนะมาสู่ต้าจินให้จงได้!” “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ!” จินเกาหยางและผู้ติดตามออกเดินทางติดต่อกันโดยแทบไม่ได้หยุดพักเป็นเวลาสิบวันสิบคืน เขาเลือกใช้การเปลี่ยนม้าแทนการพักม้า แม้เป็นยอดอาชาฝีเท้าว่องไวเพียงใด ก็ยังไวไม่เท่ากับใจของจินเกาหยางที่ต้องการไปถึงที่ตั้งทัพไป๋หู่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่ายามนี้กองทัพที่ไร้ซึ่งแม่ทัพจะเป็นเช่นไรบ้าง ในที่สุดเช้าของวันที่สิบเอ็ด จินเกาหยางก็มาถึงที่ตั้งทัพไป๋หู่ แม่ทัพคนใหม่ได้รับการต้อนรับจากเหล่าพลทหารเป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างสูงสง่าลงจากหลังม้าแล้วมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างในกองทัพยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย ทหารมิได้แตกตื่นเสียขวัญที่แม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่ของตนได้ตามปกติ จนจินเกาหยางอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ‘กุนซือฝู’ ผู้ซึ่งพลทหารรายงานว่าเป็นผู้บัญชาการทัพไป๋หู่อยู่ในขณะนี้ ‘เขา’ ผู้นั้นคงเป็นผู้ที่มีความสามารถในการบัญชาการเป็นอย่างดีเลยทีเดียว “ยามนี้กุนซือฝูอยู่ที่ใด” จินเกาหยางถาม “เรียนท่านแม่ทัพ ขณะนี้ท่านกุนซือกำลังวางกลศึกกับนายกองคนอื่น ๆ อยู่” พลทหารตอบ “ท่านกุนซือกล่าวว่า หากท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว ให้เชิญท่านไปเข้าร่วมการประชุมด้วยขอรับ” “เช่นนั้นจงนำทางข้าไปพบกุนซือฝู” “ขอรับ” จินเกาหยางเดินตามพลทหารไป พลางกวาดสายตามองรอบ ๆ ค่ายทหารแห่งนี้ หลายปีที่ผ่านมา ทัพไป๋หู่กรำศึกอยู่ชายแดนมาโดยตลอด นานทีพลทหารจะได้ผลัดเปลี่ยนกันกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของตน ก่อนจะกลับเข้ากองทัพโดยไม่มีใครคิดหนีทัพแม้แต่คนเดียว ไม่รู้ว่าแม่ทัพและกุนซือฝูทำให้ทหารจงรักภักดีถึงเพียงนั้นได้อย่างไร พูดถึงเรื่องที่พลทหารผลัดเปลี่ยนกันกลับบ้านเกิดแล้ว จินเกาหยางก็อดคิดถึงแม่ทัพและกุนซือแห่งทัพไป๋หู่ไม่ได้ พี่น้องสกุลฝูแทบไม่เคยกลับเข้าเมืองหลวงเลย ยามที่ฮ่องเต้พระราชทานรางวัล ก็ทำได้เพียงส่งไปที่จวนสกุลฝู โดยผู้ที่ได้รับปูนบำเหน็จไม่เคยกลับมารับรางวัล หรือกลับมาใช้ทรัพย์สินเงินทองที่ได้รับพระราชทานแต่อย่างใด นับตั้งแต่อดีตแม่ทัพฝูหานบิดาของทั้งสองเสียชีวิตในสงคราม เมื่อสิ้นแม่ทัพฝูหาน ฝูซิ่นเล่อก็ขึ้นเป็นแม่ทัพแทนบิดา แม้เขาจะอายุยังน้อย แต่ก็มากด้วยฝีมือและเปี่ยมด้วยความสามารถ ชายหนุ่มวัยเพียงสิบเจ็ดปีสามารถนำทัพต่อสู้กับข้าศึกศัตรูตามกลศึกที่กุนซือฝูผู้เป็น ‘พี่ชาย’ วางไว้ จนได้รับชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วน ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแคว้น ผู้คนต่างเคารพยกย่อง แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เคยพบหน้าทั้งสองมาก่อนเลยก็ตาม “ถึงแล้วขอรับ” พลทหารพาจินเกาหยางมาถึงกระโจมสีขาวขนาดใหญ่ที่มีทหารเฝ้ายามอยู่ด้านหน้า “เข้าไปเรียนท่านกุนซือว่าท่านแม่ทัพคนใหม่มาถึงแล้ว” พลทหารคนเดิมบอกกับทหารยาม ทหารยามเดินหายเข้าไปในกระโจม จินเกาหยางรออยู่ครู่หนึ่ง ทหารคนเดิมก็เดินออกมาเชิญเขาเข้าไปด้านใน “เชิญท่านแม่ทัพขอรับ” ทหารผู้น้อยแหวกผ้าม่านให้ จินเกาหยางเดินเข้าไปในกระโจม เหล่านายกองในชุดสีกรมท่าต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว จินเกาหยางไม่คิดว่าเขาจะได้รับความศรัทธาจากคนเหล่านี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง นายกองย่อมภักดีต่อแม่ทัพของตน และแม่ทัพของนายกองเหล่านี้คือฝูซิ่นเล่อ หาใช่ตัวเขา แต่เพื่อต้าจิน เขาจะต้องเป็นผู้นำทุกคน ณ ที่แห่งนี้ในฐานะแม่ทัพคนใหม่ให้ได้ ระหว่างที่จินเกาหยางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สายตาของเขาก็สะดุดกับผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งประธาน สองเท้าของชายหนุ่มพลันหยุดชะงัก สายตาจับจ้องไปยังสตรีรูปร่างบอบบางในชุดขาวเรียบง่าย ท่าทางของนางดูอ่อนแอขี้โรค ใบหน้าขาวซีดคล้ายคนป่วย หากดวงตาที่มองมายังเขานั้นกลับเปี่ยมด้วยอำนาจอย่างไม่น่าเชื่อ สตรีในกองทัพเป็นเรื่องต้องห้ามมิใช่หรือ แล้วสตรีผู้นี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!? “ท่านแม่ทัพ” ทั้งหมดหันมาประสานมือคำนับจินเกาหยาง รวมทั้งสตรีชุดขาวด้วย “ยินดีที่ได้พบทุกท่าน” จินเกาหยางประสานมือตอบ ก่อนจะก้าวเดินต่อ โต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่มีแผนที่กางไว้ และมีการปักธงรวมถึงทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ มากมาย จินเกาหยางมองแผนที่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจกับเหล่านายกองและสตรีตรงหน้า “ข้าจินเกาหยาง รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้มาร่วมทำศึกกับพวกท่าน ขอพวกท่านโปรดรับข้าเป็นพี่น้อง เพื่อร่วมต่อสู้กับพวกท่านด้วยเถิด” เมื่อแรกที่ได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้ส่ง ‘เว่ยหยางอ๋อง’ มาเป็นแม่ทัพแทนฝูซิ่นเล่อ เหล่านายกองต่างก็พากันคิดไปต่าง ๆ นานาว่าเขาจะเป็นคนเช่นไร จะถือตัวดังเช่นเชื้อพระวงศ์ทั่วไปหรือไม่ หากจินเกาหยางกลับพูดจาเป็นกันเอง เขากล่าวทุกถ้อยคำด้วยความอ่อนน้อม แต่ก็ดูน่าเกรงขาม ทั้งยังเรียกแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ ไม่ใช่ ‘อ๋องอย่างข้า’ ทำให้เหล่านายกองรู้สึกดีต่อเขามากขึ้นกว่าตอนที่ได้สดับนามเป็นครั้งแรก สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของจินเกาหยางจับจ้องไปยังสตรีชุดขาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า นางอาจไม่ใช่หญิงงามสะคราญโฉม แต่ก็นับว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง แม้ว่าใบหน้านั้นจะขาวซีดไปสักหน่อยก็ตาม ราวกับรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยความสงสัย สตรีชุดขาวประสานมือขึ้นแล้วจึงเอ่ยแนะนำตัว “หม่อมฉันฝูซิ่นฮวา กุนซือแห่งทัพไป๋หู่ ยินดีที่ได้รู้จักท่านอ๋อง” จินเกาหยางนิ่งอึ้ง แทบไม่เชื่อในสิ่งได้ยิน และไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น! กองทัพทหารม้าสองแสนนายอย่างทัพไป๋หู่ อยู่ภายใต้การบัญชาการของสตรีอ่อนแอท่าทางขี้โรค เป็นไปได้อย่างไรกัน!

หวนคืนรักคุณหมอทิศเหนือ
เขาและเธอเคยรักกันมาก แต่ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเขานอกใจมีคนอื่น ทำให้เธอต้องหนีไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศกับลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา เขาไม่เคยรู้ว่าเธอหนีไปพร้อมกับลูกของเขา..แต่แล้ววันนี้เธอก็กลับมา
