
บทย่อ
แพทย์ทหารสุดเท่หลิวรั่วซีเสียชีวิตได้ทะลุมิติไปอยู่ในร่างของเด็กสาวชื่อเดียวกันซึ่งเป็นอันธพาลน้อยประจำหมู่บ้านนางทั้งอ้วนกลมและโง่เง่าแต่มีรสนิยมดีเพราะนางชอบคนหล่อเมื่อมาแล้วก็ต้องทำให้นางสมหวังสิ..
บทที่ 1 อันธพาลน้อยแห่งหมู่บ้านหลี่ฮวา
บทที่ 1 อันธพาลน้อยแห่งหมู่บ้านหลี่ฮวา
“หากไม่อยากจะเจ็บตัวก็ส่งเงินที่อยู่ในมือมา อย่างให้ข้าต้องใช้กำลังนะ”
น้ำเสียงที่ขู่กรรโชกนั้นเปล่งออกมาจากร่างอ้วนอวบของเด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะอยู่หลายแห่ง
“ฮื่อออ!!!เจ้าอ้วนอย่าเอาเงินข้าไปนะ อย่าเอาไป้!!!”
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ร้องตะโกนเสียงหลง มือก็พยายามที่จะคว้าเงินอีแปะของตัวเองแต่ก็เอื้อมไม่ถึง และก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเจ้าเด็กร่างท้วมที่เป็นผู้เอาเงินของเด็กน้อยไปคนนี้นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนามของหลิวรั่วซี อันธพาลตัวน้อยแห่งหมู่บ้านหลี่ฮวา
หลิวรั่วซี ยืนมองเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังร้องไห้ด้วยสายตาเรียบเฉย นางอายุเพียง 14 ปี แต่ร่างกายกลับอ้วนท้วนหนักถึง 190 จิ้น ทำให้ดูเหมือนเด็กอายุ 15-16 อย่างไรอย่างนั้น ใบหน้ากลมอ้วนแก้มยุ้ยดูน่ารัก แต่เมื่อรวมกับสายตาดุๆ แล้วกลับดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
"ร้องไห้ทำไม? เสียงดังน่ามคาน"
หลิวรั่วซีเอ่ยเสียงเรียบพลางกระชากมือที่ถือเงิน2อีแปะที่แม่ของเด็กน้อยให้ไปซื้อซีอิ้วจากมือเด็กหญิงตัวเล็กๆ ออกมาโยนเล่น
"เงินนี่เมื่อมันอยู่ในมือของข้าแล้ว มันย่อมเป็นเงินของข้า เข้าใจไหม?"
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตกใจกลัวจนตัวสั่น ร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง
“อย่าเอาเงินของข้าไปนะ ข้าจะฟ้องท่านพ่อข้า ฟ้อง ฮื่อออ!!”
“ฟ้องเลย! ฟ้องบ้านเจ้าทั้งบ้านได้เลย ข้าว่าพวกเข้าทั้งบ้านรวมกันยังหนักสู้ข้าไม่ได้หรอก วะฮ่าฮ่าฮ่า!!!” หลิวรั่วซีขู่ เด็กน้อยที่น่าสงสาร พร้อมกับชูหมัดอวบอ้วน ๆ ของนาง ขึ้นมาข่มขู่ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแบบที่มีแค่อันธพาลเท่านั้นที่หัวเราะแบบนี้
"อย่าให้เจอนะ เดี๋ยวจะให้เลือดกิน!" หลิวรั่วซีตะโกนขู่ใส่เด็กๆ เหล่านั้นก่อนจะเดินเชิดหน้าจากไปอย่างองอาจ หาได้รู้สึกผิดไม่ที่รังแกเด็กแบบนั้น ช่างสมกับเป็นอันธพาลประจำมือบ้านจริงๆ
เด็กหญิงน้อยๆ เห็นท่าไม่ดีนางจึงรีบถอยหลังและวิ่งกลับบ้านทันที และแน่นอนว่าถึงแม้ว่าจะฟ้องทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าอ้วนตระกูลหลิวอันธพาลแห่งหมู่บ้านหลี่ฮวาแห่งนี้จริงๆ … เพราะน้ำหนักร่วมกันทั้งบ้านก็สู้นางคนเดียวไม่ได้นะสิ
หากว่าคนทั้งหมู่บ้านหลี่ฮวาจะพูดถึงตระกูลหลิวนั้นพวกเขาสามารถบอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ สี่พ่อลูกตระกูลหลิว
คือหลิวจิ้งหลง อายุ 40
หลิวจิ้งอวิ่นพี่ชายอายุ 18 ปี
หลิวรั่วซี อายุ 14 ใกล้ 15 ปี
และหลิวจิ้งคง อายุ 12 ปี
ครอบครัวตระกูลหลิวนั้นอพยพมาจากทางเหนือเพื่อจะหนีภัยโรคระบาดโซซัดโซเซมาจนถึงหมู่บ้านหลี่ฮวา ระหว่างที่หนีมานั้นท่านแม่ของพวกเขาก็พลัดหลงและหายไปกับกลุ่มคนที่อพยพมาด้วยกัน แม้พวกเขาจะพยายามหาเพียงใดก็ไม่เจอ พวกเขาจึงได้พเนจรร่อนเร่มาจนถึงหมู่บ้านนี้ เมื่อตั้งหลักที่หมู่บ้านนี้ได้พวกเขาก็เริ่มก่อกวนชาวบ้าน ขู่รีดเงิน และทำตัวเป็นอันธพาลไปทั่วหมู่บ้าน จนชาวบ้านต่างพากันรังเกียจและไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้ หัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นคนอนุญาตให้พวกเขาอยู่ต่างก็ถูกชาวบ้านก่นด่าวันละ 3 รอบที่รับตัวปัญหาเข้าในหมู่บ้านเช่นนี้ ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านแซ่จางที่น่าสงสาร ก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำด่า พลางคิดว่าเขาไม่น่ารับอันธพาลตระกูลนี้มาเล้ย!!!
แต่สำหรับคนตระกูลหลิวนั้น แม้ว่าพวกเขาจะยากจนและมีนิสัยไม่ดีขนาดนี้พวกเขาก็ยังขี้เกียจมากด้วย ไม่ค่อยชอบไปทำมาหากินเหมือนครอบครัวอื่นทำให้พวกเขานั้นถือเป็นบ้านที่ยากจนที่สุดจริงๆ แต่ครอบครัวหลิวก็มีความรักและผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น พวกเขาคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอมา และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะถูกหรือผิด พวกเขาก็จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างกันเสมอ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม ทุกคนไม่อยากจะมีเรื่องกับพวกเขา เพราะหากว่ามีเรื่องคนตระกูลหลิวพวกเขาก็จะแห่ตามมาหากเรื่องด้วยนั้นเอง
หมู่บ้านหลี่ฮวาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ มีบ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ไผ่และดิน มีทุ่งนาและป่าไม้รายล้อม ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาและทำสวนและล่าสัตว์เพื่อยังชีพ พวกเขาล้วนเป็นชาวบ้านที่ขยันขันแข็งกันทั้งนั้น แต่ก็มีบางบ้านที่เป็นอันธพาลอย่างชัดเจนและเปิดเผย นั้นคือครอบครัวของหลิวรั่วซีนั้นเอง…. (มีเอกลักษณ์ดี 5555 ไม่เหมือนใคร ขี้เกียจเป็นเอกลักษณ์)
บรรยากาศในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็แฝงไปด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย เพราะชาวบ้านต่างก็หวาดกลัวครอบครัวของนาง พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้ เพราะกลัวจะถูกขู่เข็ญหรือทำร้ายนั้นเอง
หลังจากที่ขู่เอาเงินมาได้ 2 อีแปะจากเด็กน้อยมาได้ หลิวรั่วซีก็กลับบ้านเพื่อพักผ่อน วันนี้ถือว่านางได้ใช้แรงไปเยอะมากแล้ว นางจำเป็นต้องนอนพักเพื่อความงาม ขณะที่นางกำลังจะนอนนั้นเอง เจ้าเล็กหลิวจิ้งคงก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“พี่รอง!!! พี่.. ข้ามี…มีข่าวร้ายมาบอกพี่อีกแล้ว เฮ้อ เฮ้อ!!!” ด้วยความเหนื่อยที่วิ่งมาไกลทำให้เจ้าจิ้งคงถึงกับหอบ แต่ก็อยากจะเล่าเรื่องราวให้พี่สาวฟังเร็วๆ
"ข่าวร้ายอะไรกันเล่าเจ้าเล็ก? เกิดอะไรขึ้น" หลิวรั่วซีเห็นน้องชายยืนหอบอยู่จึงถามขึ้น
“คือ...คือว่าพี่เจิ้งหานของพี่ที่อยู่หมู่บ้านจู่ไห่ส่งแม่สื่อไปสู่ขอเหลียนฮวาของตระกูลเหลียนแล้ว ข้าคิดว่าคนนี้พี่ก็คงจะชวดอีกแล้ว” หลิวจิ้งคงพูดจบก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหอบต่อทันที
“อะไรนะ!!! พี่เจิ้งของข้า ส่งแม่สื่อไปสู่ขอผู้หญิงอื่นอย่างนั้นหรือ??” จากนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มอ้วนๆ ของนาง นางค่อยหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างหวนคิดถึงภาพของพี่เจิ้งที่แสนหล่อเหลาที่กำลังยิ้มหัวเราะให้นางปรากฏขึ้นในหัว (เขาหัวเราะกับคนที่บ้านของเขา)
ภาพที่พี่เจิ้งหานแอบไปเด็ดดอกไม้ริมน้ำ (แม่เขาใช้มาเก็บผักริมน้ำ)
ภาพที่พี่เจิ้งเดินกลับบ้าน (เขากลับจากบ้านญาติเขา)
ภาพเหล่านั้นกลับมาหลอกหลอนนางอยู่ในยามนี้
"ทำไม...ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย" รั่วซีร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
หลิวรั่วซีนั้นหลงรักเจิ้งหาน บัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้กำลังเตรียมตัวสอบซิ่วไฉ่มาหลายเดือนแล้ว ด้วยความที่หลงใหลในความหล่อเหลาและความรู้ความสามารถของเขา ทำให้นางแอบชอบและตามตื๊อเจิ้งหานอยู่เสมอ จนกระทั่งครอบครัวของเจิ้งหานต้องหวั่นเกรงว่าสักวันหนึ่งหลิวรั่วซีจะให้พ่อและพี่น้องอันธพาลของนาง มารวบหัวรวบหางเจิ้งหานไปเสีย พวกเขาจึงได้รีบชิงลงมือก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิด ครอบครัวของเจิ้งหานจึงตัดสินใจหมั้นหมายให้เจิ้งหานกับหญิงสาวตระกูลอื่นอย่างรวดเร็ว และข่าวการหมั้นหมายในครั้งนี้ก็ได้ทำลายความหวังของหลิวรั่วซีลงอย่างสิ้นเชิง ขณะที่นางกำลังพยายามที่จะร้องไห้ และเงยมองขึ้นฟ้าเพื่อจะดูว่าจะมีฝนตกหรือไม่ เพราะว่านางคิดว่าหากได้ร้องไห้ภายใต้สายฝนนั้น น่าจะทำให้ความรู้สึกของนางนั้นเศร้ามากขึ้น
"ช่างเถอะ ช่างเถอะ!!เจ้ารอง คนดีๆ ในโลกนี้มีอีกเยอะแยะ ข้าได้ยินว่าเฉินหลงของหมู่บ้านเลียงก็หน้าตาหล่อเหลาไม่เบานะ และดูเหมือนว่าเขาก็เป็นบัณฑิตเหมือนกับเจ้าเจิ้งหานด้วย"
หลิวจิ้งอวิ่นพี่ใหญ่ของหลิวรั่วซี เดินมาได้ยินพอดีจึงได้พยายามปลอบโยนน้องสาวของเขา เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเป็นแบบนี้ นี้คือครั้งที่สามที่ชายหนุ่มที่นางหมายปองนั้นต่างพากันรีบหมั้นหมายหญิงอื่น พวกเขาจึงเกิดการเรียนรู้แล้ว
"แต่พี่เจิ้งเป็นคนเดียวที่ข้าชอบที่สุด ข้าจะเอาพี่เจิ้งเท่านั้น!!!" หลิวรั่วซีประกาศกร้าวขึ้นมาพร้อมกับยกกำปั้นอ้วนๆ ชูขึ้นในอากาศเหมือนจะเป็นการประกาศจุดยืน
พี่เจิ้งหาน: ปล่อยข้าไปเถอะ!!!!
หลิวรั่วซีนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่คนเดียวในห้อง ความรักครั้งที่สามต้องจบลงอย่างแสนเศร้า ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของนางเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับนางเลย สวรรค์ท่านให้หน้าตาที่งดงามร่างกายที่สมบูรณ์แบบแก่ข้ามาแล้วเหตุใดไม่ให้บุรุษที่หล่อเหลากับข้าด้วยเล่า!!!!
สวรรค์: (……)
สัญลักษณ์ของคำว่า.... เบิดคำสิเว้า…
*** น้องมีความมั่นใจในตัวเองดี 5555 ****