ตอนที่4 [ผมฝันร้าย ฝันถึงผู้ชายคนนั้น]1/3
เฮียสอง TALK
ห้อง 1210 โรงแรม LVN GRAND BANGKOK
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนเช้าวันนั้นไม่มีผิด ด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัวเหมือนร่างกายผ่านศึกหนักมาทั้งคืน รวมถึงเจ็บแปลบบริเวณร่องทางด้านหลัง
“สัดเอ๊ย!” ผมสบถดังลั่นเมื่อสายตาปะทะเข้ากับอีกร่างที่นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงสุดหวงของผม “มันเกิดอะไรขึ้นอีกวะเนี่ย?”
ผมพยายามคิดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืน…
“ผมขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ” แทนไทวิ่งตามผมมาจนถึงรถที่คนของผมจอดรออยู่
อชิ มือขวาคนสนิทของผมรีบก้าวไปขวางหน้าทันทีที่แทนไททำท่าจะถือวิสาสะเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง
“ขอโทษครับคุณแทนไท นายยังไม่ได้อนุญาต ผมให้คุณขึ้นไปไม่ได้” อชิทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี พร้อมกับหันมามองผมเพื่อรอรับคำสั่ง
“ผู้จัดการของนายหายไปไหน?” ผมถามหามณฑิราผู้จัดการสาวของแทนไท จะว่าไปตั้งแต่งานเริ่มผมก็ไม่เห็นหน้าเธอเลย
“ไม่ได้มาด้วยครับ” แทนไทตอบแบบเนิบๆ เหมือนมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้จัดการสาวปล่อยเขาออกงานตามลำพัง ซึ่งมันไม่จริงเลย ปกติผมเห็นตามเป็นเงา
“แสดงว่ามาเอง” ผมเว้นจังหวะเล็กน้อย จ้องหน้าหล่ออย่างประเมิน “อย่างนั้นก็กลับเองก็แล้วกัน”
ผมไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงให้เสียตัวอีกหรอกครับ อยู่ห่างๆแทนไทไว้เป็นดีที่สุด เรื่องคืนนั้นยังไม่เคลียร์เลย ว่าตกลงผมโดนตัวไหนเข้าไปกันแน่ ถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาได้
“ใจร้ายฉิบหาย” แทนไทบ่นอุบ ก่อนจะถอยเท้ากลับไปอย่างน้อยใจ
แต่ผมต้องสนด้วยเหรอครับ ผมก้าวขึ้นรถอีกทางที่คนขับเปิดประตูรอไว้ให้ “อชิ! ขึ้นรถ!” ก่อนจะส่งเสียงสั่งมือขวาคนสนิทที่ยังทำหน้างงๆอยู่ต่อหน้าแทนไท
“มีอะไร?” ท่าทางกระสับกระส่ายของอชิหลังจากขึ้นมานั่งเบาะหน้าข้างๆคนขับ ทำให้ผมรำคาญจนต้องเอ่ยปากถาม
“ปกตินายใจดี แค่เรื่องติดรถไปแค่นี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ แถมคุณแทนไทยังเป็นพรีเซ็นเตอร์คอนโดของนาย แล้วก็ไหนจะโครงการบ้านจัดสรรเฟสใหม่อีก ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ว่าทำไมนายถึงได้…”
“ไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหมอชิ” ผมส่งสายตาดุให้ลูกน้องที่ทำหน้าที่ทั้งเลขา บอดี้การ์ด และบางทีมันก็ทำหน้าที่อบรมผมแทนป๊าด้วย
“ขอโทษครับนาย ผมแค่สงสัย นายมีปัญหาอะไรกับคุณแทนไทหรือเปล่าครับ?”
คำถามนั้นทำให้ผมร้อนตัวนิดหน่อย ปกติอชิจะตามติดผมเป็นเงาเหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น อชิอาจจะรู้ก็ได้
แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร ก็อย่างที่ตั้งใจไว้นั่นแหละครับ ผมจะพยายามปล่อยผ่าน ไม่กลับไปรื้อฟื้นหาสาเหตุให้กวนใจอีกเด็ดขาด
เมื่อผมเงียบ เลขาอย่างอชิก็รู้หน้าที่ ไม่เซ้าซี้ผมอีก ไม่นานผมก็เดินทางกลับมาถึงเพนท์เฮาส์สุดรักของผม
ผมรีบอาบน้ำเตรียมเข้านอนเพราะเหน็ดเหนื่อยเต็มที วันนี้ยุ่งตั้งแต่เช้า ตอนสายมีประชุมลากยาวถึงบ่าย นัดลูกค้าช่วงเย็น แถมยังต้องไปล่องเรือช่วงค่ำ ร่างของผมจะพังอยู่แล้วครับ
ผมนอนแช่ร่างพังๆในอ่างจากุชชี่ หวังใช้วารีบำบัดความเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย
ช่วงหลายวันมานี้ชีวิตผมค่อนข้างวุ่นวาย ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย
อืม… คิดถึงเรื่องการออกกำลัง จะว่าไปก็ห่างหายมาพักใหญ่ ไม่ได้บริหารเอวเลยช่วงนี้ ครั้งล่าสุดเมื่อไรนะ
ผมชะงักความคิดที่กำลังเตลิดลงทันทีเมื่อคิดได้ว่าครั้งสุดท้าย ก็… ไอ้คิ้วบอยแทนไท
“ฮึ่ย! จะไปคิดถึงมันทำไม”
ผมสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะเริ่มมีความคิดว่าควรจะหาใครมาล้างซวยสักทีก็ดีเหมือนกัน
เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะสั่งอชิให้ส่งเด็กในสังกัดมาสักคนดีกว่า ได้เวลาบริหารเอวแล้ว
ผมเดินฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี พลางสายตาก็กวาดมองหาโทรศัพท์มือถือ แต่ก่อนที่ผมจะกดโทรออกไปหาอชิ สัญญาณจากหน้าห้องก็ส่งเสียงเตือนว่ามีผู้มาเยือน
ผมขมวดคิ้วมุ่นเหลือบมองเวลาบนหน้าจอมือถือ “23:05” ใครมันกล้ามารบกวนผมเวลานี้
ภาพบนจอมอนิเตอร์ปรากฎร่างอชิและบอดี้การ์ดอีกคนกำลังหิ้วปีกใครบางคนที่มีสภาพสะบักสะบอม
“หรือว่าจะมีเรื่อง?”
แน่นอนครับว่าธุรกิจของลีวาณิชย์มีทั้งขาวสะอาดอย่างที่ผมดูแล และธุรกิจสีเทาที่เฮียหนึ่งรับหน้าที่สานต่อจากป๊า เรามีปัญหากับคู่แข่งอยู่เนืองๆ บางทีก็มีเรื่องให้เจ็บตัวกันเป็นธรรมดา อาจจะมีใครเล่นไม่ซื่อกับเฮียหนึ่งแล้วมาลงกับลูกน้องของผม
ผมรีบเปิดประตูออกไป ก่อนจะเอ่ยถามคนสนิทอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“น่าจะถูกนักเลงในซอยดักทำร้ายครับ” อชิตอบคำถามพร้อมกับปรายตามองร่างสูงที่อ่อนปวกเปียกอยู่ในวงแขน ก่อนที่เลขาของผมจะหันกลับมาสบตาผมพร้อมกับแววตาตำหนิ
“นายไม่น่าปล่อยคุณแทนไทให้กลับคนเดียวเลยนะครับ ซอยนั้นค่อนข้างเปลี่ยวแล้วก็อันตราย”
อชิตอกย้ำความผิดของผมด้วยประโยคถัดมา ในขณะที่แทนไทพยายามจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอย่างตัดพ้อ
“อย่าไปว่าเฮียสองเลยครับ พอดีผมหาแท็กซี่ไม่ได้ก็เลยเดินออกมาเรื่อยๆ ผมเดินไม่ระวังเอง คงไปเหยียบตีนนักเลงเข้า”
เหมือนผมถูกตัดสินไปแล้วว่าเป็นต้นเหตุให้แทนไทอยู่ในสภาพแบบนี้
แม้จะรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่ผมก็ยังสงสัย “แล้วทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล” ผมตำหนิลูกน้อง สภาพสะบักสะบอมขนาดนี้ “ฉันไม่ใช่หมอนะ และที่นี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาล”
“ผมไม่อยากเป็นข่าว แล้วเฮียสองจะให้ผมบอกนักข่าวว่ายังไงครับ ให้บอกว่าคุณขั้นเทพ ลีวาณิชย์ ไม่ยอมให้ผมติดรถออกมาด้วย ผมก็เลยต้องเดินออกมาจากซอยเปลี่ยวๆนั่นคนเดียว อย่างนั้นเหรอครับ?”
รอยช้ำๆและเลือดซิบๆที่มุมปากนั่นมันคงไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บเลยสินะ ถึงได้พูดจายาวเหยียด
เมื่อเห็นว่ากำลังจะโดนรุมทั้งจากแทนไทและลูกน้องตัวเอง ผมก็เลยจำต้องเปิดทางให้อชิพาแทนไทเข้ามาในห้อง
ผมไปหากล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่มักติดไว้ยามฉุกเฉินเพื่อให้อชิทำแผลให้แทนไท แต่พอออกมาอีกทีก็ไม่พบแม้แต่เงาของเลขาคนสนิท เหลือแต่แทนไทที่นอนเป็นผักอยู่บนโซฟาในห้องโถง
“กลับไปแล้วครับ” แทนไทตอบเสียงเอื่อย เมื่อเห็นผมกวาดสายตามองหาลูกน้อง “นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะครับ ปล่อยพี่อชิแกไปพักผ่อนบ้างเถอะครับ นั่นเลขานะครับ ไม่ใช่เครื่องจักร”
ไอ้นี่ก็อีกคน ‘เสือก!’ ปกติผมก็ไม่ได้ใช้งานลูกน้องหนักขนาดนี้หรอก