ตอนที่3 [ไม่ให้เรียกเฮีย เรียกเมียก็แล้วกัน]2/2
“จะรีบไปไหนล่ะครับเมียสอง”
แต่เสียงของแทนไทที่ดังไล่หลังมา ทำให้ผมชะงักเท้าลงทันที ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า
“หุบปาก!” ผมยกนิ้วกลางขึ้นชี้ใบหน้ากวนๆนั่นอย่างเหลืออด แต่ในจังหวะนั้น แทนไทก็ก้าวเข้ามาประชิด พร้อมกับจับมือข้างนั้นของผม ไม่ได้จับทั้งมือนะครับ แต่มันกำแค่นิ้วกลางที่ผมใช้ชี้หน้า ก่อนจะรูดขึ้นๆลงๆ
“ใช้นิ้วให้ถูกสิครับ” แล้วมันยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบเสียงกระเส่า น้ำเสียงแบบนั้นมันชวนให้…
ผมสะบัดมืออย่างแรง “ทะลึ่ง! ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะ!”
“จริงครับ เพราะเราเป็นมากกว่านั้น”
ผมหรี่ตามองอย่างประเมินคนตรงหน้า “นายต้องการอะไร? คิดจะแบลคเมลฉันเหรอ? นายคิดผิดแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า ว่ากำลังต่อกรอยู่กับใคร” ขู่แม่งเลยครับ รำคาญ!
“ชู่ว์… ไม่ขู่สิครับ ผมเหรอจะกล้าต่อกรกับทายาทลำดับที่สองของลีวาณิชย์” ท่าทางยียวนกวนประสาท สายตาวับวาว พูดจาทิ้งจังหวะ สองแง่สองง่าม มันทำให้ผมคันไม้คันมือ
ผมเริ่มสอดส่ายสายตามองหาบอดี้การ์ด ที่ควรจะประกบผมเพื่อรักษาความปลอดภัย แต่กลับหายหัวกันไปหมด
“อย่ามากวนประสาท ไม่อย่างนั้น ฉันจับนายโยนลงแม่น้ำแน่!” ผมไม่ได้แค่ขู่ ถ้าเหลืออดจริงๆ ผมทำแน่
“โหดจัง” อาการตัดพ้อนั่น มันยิ่งเพิ่มดีกรีความกรุ่นโกรธให้ผมหนักขึ้นเป็นสองเท่า ปกติก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ยิ่งมาทำตัวว่าสำคัญ ยิ่งน่าหมั่นไส้
“อย่าคิดว่าความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวจะทำอะไรฉันได้ มันก็แค่…” ผมยักไหล่ พูดค้างไว้แค่นั้น พร้อมกับการกวาดสายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้
“แล้วต้องกี่ครั้งเหรอครับ ถึงจะทำอะไรเฮียสองได้”
ขึ้นเลยครับ ผมขึ้นเลย ไม่ได้เคืองที่นายนั่นถามถึงจำนวนครั้ง แต่มันถือวิสาสะอะไรมาเรียกผมว่าเฮียสอง คำนี้ผมสงวนไว้ให้คนในครอบครัวเท่านั้น!
“อย่ามาเรียกฉันว่าเฮีย!” ผมสวนกลับอย่างถือตัว
“ไม่ให้เรียก ‘เฮีย’ งั้นเรียก ‘เมีย’ ก็แล้วกันนะ เมียสอง เมียสอง เมียสอง”
“แทนไท!” ฮึ่ย! ผมกระฟัดกระเฟียด อยากจะเหวี่ยงหมัดใส่หน้ากวนๆนั่นสักหมัดสองหมัด นี่ถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นว่าแพรวากำลังเดินมา ผมต่อยไอ้หน้าหล่อนี่หน้ายับไปแล้วครับ
“ครับเมีย” แพรวาเดินเข้ามาใกล้ถึงตัว มันก็ยังเรียกผมว่าเมีย
“แทน คุณสอง ได้แล้วค่ะ” แพรวาส่งแก้วค็อกเทลสีแดงให้แทนไทและผม แต่ผมจำได้ว่าผมบอกว่าไม่เอานี่
“แพรเอามาเผื่อคุณสองด้วยค่ะ ดื่มด้วยกันนะคะ” แพรวาคะยั้นคะยอส่งแก้วนั้นให้ผม ผมก็เลยจำใจต้องรับไว้ตามมารยาท
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ” เสียงกัปตันเอ็มเจดังแว่วมาอีกครั้งเมื่อเรือสำราญกำลังลอยลำผ่านคอนโดมิเนียมของผม “ขอเสียงปรบมือให้กับสถาปัตยกรรมแห่งที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ LVN LUXURY CONDOMINIUM ครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง พร้อมกับเสียงอื้ออึงของผู้โดยสารซึ่งทุกคนล้วนเป็นอนาคตลูกบ้านภายใต้การดูแลของเครือลีวาณิชย์
ภาพคอนโดมิเนียมสูง 55 ชั้น ท่ากลางทัศนียภาพแม่น้ำที่ดีที่สุดในกรุงเทพสร้างเสียงฮือฮาให้ทุกคน พนักงานขายของผมลำเลียงท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายขึ้นท่าเทียบเรือเพื่อเยี่ยมชมภายใน
ผมพูดคุยทักทายส่งยิ้มให้พอเป็นพิธี แต่ก็ไม่ได้ขึ้นท่าไปด้วย ขอนั่งรับลมอยู่บนเรือดีกว่าครับ
ช่วงชุลมุนผมเห็นหลังแพรวาไวๆเดินตามขบวนลูกค้าไป เธอคงกำลังทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ของเธอพร้อมกับแทนไทนั่นแหละ ค่อยสบายใจหน่อยครับ สลัดนายนั่นหลุดสักที
“ทำไมไม่ขึ้นท่าไปล่ะครับ?” ผมหันขวับไปตามเสียง ไม่คิดว่านอกจากบริกรแล้วจะเหลือใครอยู่บนเรืออีก
แต่แล้วก็อยากจะกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาไปเลยล่ะครับ เมื่อหันกลับไปเจอคนที่ผมเหม็นขี้หน้าเต็มที
“ทำไมไม่ไปทำหน้าที่ของนาย” ผมรีบต่อว่าทันที รับค่าตัวไปแล้วทำงานไม่คุ้ม แถมยังเอาแรงผู้หญิง ปล่อยให้แพรวาโชว์ตัวอยู่คนเดียว
“คืนนี้ผมมีคิวแค่นี้ครับ”
ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เอาจริงๆผมก็ไม่รู้คิวของพรีเซ็นเตอร์หรอกครับ เพราะฝ่ายพีอาร์เป็นคนจัดการ
“หมดคิวแล้วก็กลับไปสิ” ผมออกปากไล่ ผมเองก็ว่าจะปลีกตัวกลับเหมือนกัน ที่เหลือก็ให้เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายจัดการ
ผมจึงเดินหนีออกมาดื้อๆ เพราะคนอย่างแทนไท ผมคงไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท
“ผมถามอะไรหน่อยสิ” แต่แล้วรายนั้นก็รีบสาวเท้าตามมาตีคู่
แทนไทสูงกว่าผมเล็กน้อย น่าจะสองสามเซ็นต์เห็นจะได้ ดังนั้นเมื่อผมปรายตามองไปข้างๆ ก็เห็นปลายจมูกโด่งอยู่ในระดับสายตาพอดี
มีแวบหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น สงสัยหน้ากวนๆของมันคงหลอนผมมากมั้ง
“ถามอะไร?”
“คืนนั้น…” เนี่ยๆ ผมเกลียดไอ้อาการเว้นจังหวะนรกนี่ กับสายตาวับๆวิ้งๆของมันมากครับ “จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
มันจะรื้อฟื้นทำบ้าอะไร ผมนี่อยากจะลืมๆมันไปเร็วๆจะแย่อยู่แล้ว
“นายจะพูดถึงอีกทำไม แค่คนเมาสองคนตื่นมาบนเตียงเดียวกัน” ผมตวัดเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“ผมไม่ได้เมา” แทนไทเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ฉันเมา! แล้วห้ามนายพูดถึงมันอีก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ผมขู่อีกครั้ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าก้าวหนี
แทนไททำท่าจะก้าวตาม แต่เป็นจังหวะเดียวกับบอดี้การ์ดที่หายหัวไปนานของผมโผล่มาพอดี
“รถพร้อมแล้วครับ นายจะกลับคอนโดเลยไหมครับ”
“คืนนี้ฉันจะนอนที่เพนท์เฮาส์” ผมสั่งลูกน้องโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินเสียงตัวเองพูดจบเท่านั้นแหละ ผมก็คิดได้
มั่นใจมากว่าถ้าผมหันกลับไปมองคนข้างหลัง มันต้องกำลังยิ้มร้ายอยู่แน่นอน