เนียนสักหน่อย 2 เนียนมาเนียนกลับ Part 2
กว่าจะถึงร้านก็นั่งดมเกลือจนมึนหัว ถ้าเกลือที่ถือมาเป็นกลิ่นเหมือนเกลือธรรมดามันก็ดีอยู่หรอก แต่นี่ไม่ใช่ กลิ่นมันแรงกว่านั้นหลายเท่าแถมไม่ได้มาแค่ถุงเดียวแต่มาแบบแท็กทีม เล่นกันแบบนี้เขาเองก็ทนดมไม่ไหวเหมือนกัน
เราเดินไปสั่งอาหารกับป้าที่หน้าร้านแล้วมานั่งรอที่โต๊ะ ร้านนี้ตกแต่งได้สวยเหมือนพาลูกค้าย้อนยุคไปกินข้าวในร้านเก่าแก่ สมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญ อาหารก็อร่อยและราคาไม่แพง
เหลือบตามองคนที่ตอนนี้นั่งงุดเล่นเกมในมือถืออยู่อย่างเมามัน ยังคิดอยู่เลยว่าเขาใช้สมองส่วนไหนมาสงสัยไอ้เด็กติดเกมตรงหน้า
อีกอย่างเหมือนเกมจะตึงเครียดมาก เจ้าเด็กติดเกมถึงขมวดคิ้วเป็นปมขนาดนั้น...กวนเลยอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วจิ้มลงไปบนปมนั่น แต่ร่างเล็กกลับเบือนหน้าหนีเหมือนแค่มีแมลงมาตอมหน้าแล้วกลับไปสนใจเกมต่อ โดยที่ไม่ได้เงยหน้ามามองเขาเลยสักนิด…
เกมมันหน้าสนใจกว่าเขาขนาดนั้นเลยรึไง เดี๋ยวก็ปามือถือทิ้งซะหรอก
ร่างสูงหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ แอบชำเลืองมองเจ้าของร้านสลับกับเพื่อนร่วมโต๊ะว่ามีพิรุธอะไรรึเปล่า สุดท้ายก็ละทิ้งความสนใจไปเพราะทั้งคู่ดูปกติ รอให้ป้ามาเสริฟอาหารแล้วค่อยสังเกตใหม่ก็ยังไม่สาย
อะไรทำให้เขาสงสัยและอยากรู้เรื่องของเพื่อนใหม่ได้ขนาดนี้ จะว่าไปหลังจากที่เขาถีบมันล้มลงไปกองกลับพื้นแทนที่มันจะโกรธ กลับกันมันหัวเราะออกมาแล้วชวนเขาไปเข้าแถวธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นล่ะมั้งที่ดูเป็นคนน่าสนใจสำหรับเขาขึ้นมาเสียดื้อๆ
ถ้าเป็นคนอื่นคงโกรธและโวยวายใส่จนหูชา ซึ่งกวนเคยโดนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“เมื่อวานที่กูถีบมึง มึงไม่โกรธกูรึไง”
“อืม…”
“จัง”
“อืม…”
“มึงสนใจกูดิ” สมาธิที่อยู่กับเกมจะดีเกินไปไหม เดี๋ยวจะปามือถือทิ้งจริงๆ นะ
“อืม...เฮ้ย! ฮัดชิ้ว!”
“หึ” พอเห็นเศษไม้กวาดดอกหญ้าก็นึกสนุก หยิบมาจากพื้นแล้วเขี่ยจมูกคนตรงหน้าเล่นจนมันย่นจมูกไปมาด้วยความจั๊กจี้
“ไอ้เชี่ยกวนมึงอย่ากวนดิ เดี๋ยวกูตายยยยย” โดนขนาดนี้แล้วยังจะเล่นต่ออีก...เอาไปอีกสักดอกเป็นไง
ฮัดชิ้ว!!
“สัสกวน มึงนี่มันกวนจริงๆ ไปเอามาจากไหนเนี่ย เฮ้ยแม่งกบจะตกน้ำแล้ว!” อีกฝ่ายเอามือปัดที่หน้าเพื่อไล่เศษไม้กวาดดอกหญ้า แต่ก็ยังก้มเล่นเกมอยู่ด้วยความติดจนเกินพอดี
“พื้น”
“เชี่ย มึงหยุดเลย เดี๋ยวกบกูตายสัส มันกำลังข้ามไปหาสาวอยู่เนี่ย มึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มึงมันใจดำอำมหิตจริงๆ มาขัดขว้างเส้นทางความรักของกบตาดำๆ” ปากก็บ่นไปแต่ก็ยังก้มหน้าเล่นเกมกบของมันต่อ
เดี๋ยวปาทิ้งจริงๆ นะ ไอ้เกมเนี่ย
“กูไม่หยุดจนกว่ามึงจะเลิกเล่น”
“เกี่ยวไรวะ…อ๋อ มึงขี้เหงาไม่มีเพื่อนเล่นด้วยแล้วจะขาดใจตายว่างั้น” พอโดนว่าเป็นคนขี้เหงาก็ทำเอาจี้แรงขึ้นด้วยความหมั่นไส้ “เฮ้ยยยยย!”
จ๋อม!
“หึ” เสียงเกมโอเว่อร์โคตรดัง
“เชี่ย กบตายจนได้ มึงอะ~ กวนกูทำเชี่ยไรเนี่ย” ร่างบางเอาคางเกยโต๊ะแล้วทำเสียงโอญครวญมองเคืองมาทางคนแกล้งแบบตำรวจมองนักโทษ...มองหน้าเขาได้สักที
“ไม่รู้” แกล้งมันสนุกดี
“ขี้แกล้งว่ะ มึงอะ” ตั้งแต่เจอกัน มันก็ว่าเขามาหลายขี้แล้วนะ
และแล้วอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสริฟ กวนสั่งข้าวผัดปูไปสามจาน ส่วนจิงจังสั่งข้าวผัดพริกแกงไก่แค่จานเดียว ถึงเขาจะหิวจนไส้กิ่วแต่ก็ไม่วายดูปฏิกิริยาคนตรงข้ามที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือเพื่อรอรับอาหารจากป้าคนเดิม ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกัน แค่เสริฟแล้วจากไปเลย
“...”
“จ้องอะไรของมึง กินดิหิวจนจะกินกูได้ทั้งตัวแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อืม”
“มึงเป็นอะไรของมึง ทำหน้ายังกับคนปวดขี้ ไปขี้ก็ได้นะกูไม่ว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“...”
“กูล้อเล่น มึงอย่างมองกูแรงขนาดนั้นก็ได้ กูสยิว”
หมดประโยคกวนเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ กลับมาคิดใหม่ว่าทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แถมป้ายังไม่พูดอะไรสักคำ เขาแค่สงสัยไปเองหรือมันจะไหวตัวทันแบบไปเตี้ยมอะไรกับป้าแกมาก่อน…คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกมั้ง ใครมันจะไปลงทุนขนาดนั้น
เขาก็อยากจะคิดแบบนั้น ถ้าไม่บังเอิญไปเห็นอีกฝ่ายแอบกระตุกยิ้มมุมปากดูชั่วร้ายเบาๆ ก็เปลี่ยนความคิดใหม่แทบไม่ทัน!
ฝากไว้ก่อนเถอะ มันปิดอะไรไว้ เขาจะเปิดออกให้หมดเลยคอยดู!
“โอเค ลงได้” เพื่อนใหม่เคลื่อนรถมาจอดไว้ที่โรงจอดรถหลังคณะ พอจอดได้ที่กวนก็ยื่นเกลือส่งให้อีกฝ่ายทันที เขาไม่ได้ใจดีถึงขนาดเดินถือให้หรอก ยังไงมันก็เป็นผู้ชาย ปล่อยมันถือของของตัวเองไป
“มึงจะเอาไปไว้ที่...” เกลือถุงใหญ่ขนาดนี้มันคงไม่แบกไปเรียนหรอก
“กะว่าจะเอาไปฝากไว้ที่ห้องประชะ...เอ่อ ประชาสัมพันธ์” เขาพยักหน้ารับ
“อืม เจอกันตอนรับน้อง ขอบคุณที่มาส่ง”
“รับทราบ” มันตอบพลางฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้
ร่างสูงเดินออกมาจากโรงจอดรถ โดยที่ฝ่ายนั้นยังยืนมองเขาเหมือนรอจนกว่าจะเดินหายไปจากสายตาแล้วตัวเองค่อยไป เขาเลยเดินเลี้ยวมายังมุมตึกของคณะ หยุดรอตรงนั้นสักพักแล้วค่อยๆ ยื่นหน้าออกไปส่องคนที่กำลังเดินเข้าไปในตึก
กวนคงไม่ดูเพื่อนเดินไปเฉยๆ หรอก ส่องซะเหมือนโรคจิตขนาดนี้ยังไงก็ต้องตาม กว่าจะถึงเวลาเรียนก็เหลืออีกเป็นชั่วโมง ด้วยความว่างเลยหาอะไรสนุกๆ ทำ พยายามรักษาระยะห่างไว้แล้วเดินตามอีกฝ่ายมาตลอดทาง
มันเลี้ยวซ้ายเขาเลี้ยวซ้าย มันเลี้ยวขวาเขาเลี้ยวขวา มีหันหลังเดินกลับมาเขาก็หลบ สักพักมันก็หยุดก้มหน้ามองมือถือนิดนึงแล้วค่อยเดินต่อ
ตามได้สักพัก กวนก็ต้องกลับมาคิดใหม่ว่า...นี่มึงหลงหรือพากูมาวน! ทำไมกูกลับมาตรงทางเข้าเหมือนเดิมวะ! เขาแอบมองดูอีกสักครั้ง ฝ่ายนั้นนิ่งสักพักก่อนที่มันจะ…วิ่ง!!
ทำไงได้ ในเมื่อเหยื่อรู้ตัวแล้วคงทำอะไรไม่ได้นอกจาก ‘วิ่งตาม’ แบบเปิดโล่งไม่ปกปิดอีกต่อไป แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นโหมดหมีไล่ขย้ำคนชั่วคราว เห็นหลังมันวิ่งไวไวอยู่ข้างหน้าก็อดที่จะขำไม่ได้ ตัวเล็กแต่วิ่งไวซะมัด มันเหมือนตัวอะไรไม่รู้หอบของใหญ่ๆ หนักๆ แล้ววิ่งหนีไปรอบคณะ
“...” หนีไปขำแปปเดียว อีกฝ่ายก็หายไปแล้ว...กวนหยุดวิ่งก่อนจิปากอย่างขัดใจที่อุตส่าห์ตามมาได้แต่ก็ต้องคลาดสายตา แต่ไม่เป็นไรเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่ามันต้องปิดบังอะไรอยู่แน่นอน เรื่องนี้เขาจะไม่ถามมันหรือเอาไปบอกใครเพราะเขาชอบเล่นเกม และเกมนี้เขาจะเป็นคนหาคำตอบด้วยตัวเอง มันคงสนุกกว่าที่จะให้คนอื่นมาเฉลยให้จริงไหม
“ไอ้กวน มึงเห็นคลิปเมื่อเช้ายัง?” ดินสอถามหลังจากที่เรานั่งเรียนกันได้ไม่นาน
“หืม มึงชวนกูหื่นทำไมแต่เช้า”
“โพ่ง! ไม่ใช่!” แล้วมันก็โชว์คลิปในมือถือมาให้ดู มันเป็นคลิปที่ถูกแชร์บนโลโก้สีฟ้า เขียนบนหัวคลิปว่า ‘หอบหักหนักหน่วง คู่กระปู๋ไล่จับกันกลางวันแสกๆ ใต้ตึกวิศวะ’
ใครมันคิดชื่อ...
“มึงดูดิ๊ กูว่ากูคุ้นๆ ว่ะ เหมือนกูรู้จัก”
“เหรอ...กูไม่เห็นคุ้น” ร่างสูงโกหกหน้าตาย
“…เชี่ย ดูกี่รอบๆ กูก็นึกไม่ออก” ดินสอลูบคางมองวิดีโออย่างคนคิดหนัก แต่ไม่ว่าจะดูยังไงก็เดายากเพราะคนในคลิปถูกถ่ายแบบย้อนแสง
“มึงก็หยุดดูแล้วนั่งเรียนไป พักบ้างคงคิดออก”
“กูก็ว่างั้น” ดินสอเก็บมือถือใส่กระเป๋าอย่างว่าง่าย กวนพอใจกับการหลอกง่ายของเพื่อน สักพักเขาก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเล่นบ้าง ค้นหาคลิปอยู่ไม่นานก็เจอ จากนั้นจัดการโหลดคลิปลงมือถือเพื่อเก็บไว้ดูเล่น แล้วก็กลับมาตั้งใจเรียนตามเดิม ไม่ทันไรก็แอบคิดถึงตอนรับน้อง
ถ้าเจอกัน มันจะทำหน้ายังไงนะ
“ยิ้มไรอยู่คนเดียวมึง”
“ยิ้ม...ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” ปกติเขาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ไม่ค่อยยิ้มให้ใครได้เห็นนอกจากเพื่อนที่สนิทจริงๆ หรือครอบครัวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นหัวเราะ...เขาไม่แน่ใจว่ามีใครเคยเห็นบ้างไหม
“หน้าบานขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่ได้ยิ้มอีก ไปเจอเรื่องอะไรดีๆ มาแล้วไม่บอกเพื่อนเหรอ ปกติแม่งทำหน้าตายอย่างกับศพ”
“ก็...นิดหน่อย”
“เรื่องไรวะ บอกกูมั้งดิ”
“ไม่”
“เชี่ย กูเพื่อนมึงนะบอกกูหน่อยก็ไม่ได้”
“อืม กูรู้คนเดียวพอ”
“เชอะ แล้วแต่มึง กูแบนมึงชั่วคราว” ว่าจบก็สะบัดบ๊อบใส่ แล้วมันก็หันกลับมาเรียนเหมือนเดิม นั่งเรียนได้ไม่นานมันก็หันกลับมาคุยกับเขาต่อ…หายแบนเร็วไปละ
“มึงมีเบอร์ไอ้จังเปล่าวะ”
“ไม่มี”
“เฟสอ่า”
“ไม่มี...จะเอาไปทำอะไร”
“กูลืมเอารูปที่กูวาดมาให้ไอ้จังดูว่ะ เห็นว่ามันชอบภาพกะว่าจะโทรไปบอกขอโทษ” อืม...เขาก็เห็นว่ามันชอบจริงๆ นั่นแหละ ถามนู่นถามนี่ตลอดเหมือนเพื่อนเขาพกน้องน้อยมาด้วย
“เดี๋ยวก็เจอกันรับตอนรับน้อง”
“เออ เดี๋ยวกูค่อยขอ...ไม่ดิ เดี๋ยวเที่ยงนี้ไอ้บีทกับไอ้บอสมากินข้าวด้วย ไอ้จังคงมาด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวกูขอเที่ยงนี้เลยหรือจะให้ไอ้บีทมันขอให้ดีวะ” เพื่อนข้างตัวเกาหัวกับความคิดสับสนของตัวเอง เขามองภาพนั้นอย่างไม่ใส่ใจมากนักแล้วกลับมาเรียนต่อ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้กวนสงสัย บีทมันเป็นพวกสนิทกับคนยากมาก กว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับมันได้ก็ใช้เวลานาน แต่กับจิงจังพวกมันเจอกันแค่ครั้งเดียว บีทก็คุยกับมันเหมือนสนิทกันแล้ว หรือมันจะรู้จักกันมาก่อน...
จะสงสัยอะไรนักหนาวะ...ช่วยไม่ได้ ดันทำตัวให้น่าสนใจเองนี่