บทย่อ
เป็นพี่เนียนก็ว่าปวดหัวแล้วนะ แล้วทำไมจบเนียนถึงปวดหัวหนักกว่าเดิม!แถมยังมีรุ่นน้องตัวยักษ์เข้ามาติดพันไม่เลิก... ผมแค่ต้องการแก้แค้นให้น้องชาย แล้วเขามาเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย!
โดนถีบ ณ ลานเกียร์
[จิงจัง]
ผมยืนมองตัวเองในกระจกเพื่อดูว่าชุดที่กำลังใส่ยังพอดีตัวอยู่รึเปล่า...พอดีเลยว่ะ หมายความว่าสองปีที่ผ่านมาผมไม่โตขึ้นเลยอะดิ
ไม่ มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิด สูงแค่มาตรฐานชายไทยมันดีตรงไหน พระเจ้าน่าจะสร้างความสูงให้ผมเพิ่มอีกสักสองสามเซนถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป
กระจกเงาสะท้อนร่างของเด็กหนุ่มในชุดมัธยมปลายสีขาวสะอาด สวมกางเกงนักเรียนสีกรมท่าพร้อมเข็มขัดสีเงินตราสัญลักษณ์โรงเรียน ใบหน้าหมดจดไร้การแต่งแต้ม เส้นผมถูกเซ็ตอย่างเรียบร้อยตามแบบฉบับเด็กเนิร์ด
เห็นแล้วก็คิดถึงสมัยก่อน ถึงจะไม่ได้แต่งตัวเรียบร้อยขนาดนี้ก็เถอะ ออกจะแหวกความเรียบร้อยไปไกลเสียด้วยซ้ำ...พูดเหมือนตัวเองแก่
ที่เห็นผมมาแต่งตัวแอ๊บเป็นเด็กมัธยมแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วกำลังขึ้นปีสองได้หมาดๆ ไม่ใช่อะไรนะครับ ผมได้รับมอบหมายให้มาเป็นพี่เนียนเพื่อสานสัมพันธ์ทางไมตรีให้แก่น้องเฟรชชี่ที่น่ารักตะมุตะมิทั้งหลายและร่วมด้วยกันกับฝ่ายสันทนาการละลายพฤติกรรมน้องครับ
อย่าถามครับว่าทำไมต้องเป็นผม ว่าง่ายๆ คือ ‘ผมหล่อ’ ครับ
“หลงตัวเองอีกละ เขินว่ะ ฮ่าๆ” ความจริงแล้วอาสาเองต่างหาก แค่อยากลองเป็นดูสักครั้งเท่านั้นเอง
แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามาหลงตัวเองสักหน่อย พวกเพื่อนสตาฟคนอื่นๆ และพวกพี่ว้ากเขานัดกันเก้าโมง ตอนนี้เหลือเวลาอีกชั่วโมงนึงก็จะถึงเวลานัด แต่อันที่จริงผมค่อยมาพร้อมน้องตอนสิบโมงก็ได้ ยังไงหน้าที่พวกนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมที่เป็นพี่เนียนอยู่แล้ว
แต่ในฐานะพี่เนียนที่ดีผมต้องไปดูลาดเลาก่อน
ไม่ใช่อะไรครับ ผมแค่ตื่นเต้นเท่านั้นเอง
ในที่สุดผมก็มาถึงที่หมายในเวลาเก้าโมงด้วยฝีมือของลูกชายบิ๊กไบค์สีดำคันงาม กว่าผมจะเก็บเงินซื้อคันนี้ได้ก็แถบจะขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองกินแทนข้าวเลยทีเดียว
ก็เว่อร์ไป
ผมพาเจ้าลูกชายเข้าไปจอดในโรงจอดรถหลังคณะ แล้วเดินออกมาด้วยสีหน้าชื่นบานไปยังลานเกียร์ที่เป็นจุดนัดรวม ระหว่างทางผมก็ยกมือไหว้ทั้งเพื่อนทั้งพี่ไปด้วยครับ ตลกดี แม่สอนมาดีก็งี้แหละ ยืนอยู่กี่คนผมก็ไหว้ทุกคนนั่นแหละครับ ฮ่าๆ
บักห่า พวกมึงอย่าขำกันดิเดี๋ยวกูหลุด
ผมกวาดตามองรอบลานเกียร์ที่วันนี้สวนรอบนอกดูสวยกว่าทุกวัน คงเพราะเมื่อวานฝนตกหนัก วันนี้เลยอากาศดี ดูนั้นสิ! มีผีเสื้อบินเต็มลานเลย
เฮ้ย! นกบินลงมากินผีเสื้อแล้ว ตรงนั้นกระแตกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่บนกิ่งไม้ เฮ้ย! น้องแตระวังงู...เกือบไป น้องแตรอดหวุดหวิดจากการโดนงูฉกด้วยท่าตีลังกาถอยหลังสามตลบ ไม่พอแค่นั้น! น้องแตยังโหนใบไม้เป็นทาซานสู้กับงูอย่างดุเดือดอย่างกับต้มยำกุ้งมาเอง
ช้างกูอยู่ไหน!
เอ่อ...อย่างงี้ก็ได้เหรอ
ผมละสายตาจากธรรมชาติอันโหดร้ายกลับมามองฝูงชนรอบตัวบ้าง เมื่อกี้ผมเห็นแผ่นหลังของหมอกเพื่อนผมที่เป็นเนียนเหมือนกันอยู่แถวนี้ด้วย
ถึงจะเจอเพื่อนแต่ก็ทักกันไม่ได้หรอกครับ มันเป็นกฎห้ามพี่เนียนอยู่รวมกัน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่ามีแต่กลุ่มพี่เนียนเท่านั้นที่สนุกอยู่ฝ่ายเดียวเพราะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่น้องหลายคนยังไม่มีเพื่อน ต่างคนต่างโรงเรียนเลยไม่คุ้นกันสักเท่าไร
เพราะแบบนี่แหละหน้าที่พี่เนียนจึงกำเนิดขึ้น!
ดูยิ่งใหญ่ดีว่ะ ฮ่าๆ
ปีนี้พี่เนียนมีทั้งหมดสิบเอ็ดคน สารภาพตามตรง...ผมรู้แค่ปีสองมีแก๊งผมห้าคนเท่านั้นที่เหลือนี่ผมไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง อาจเป็นพี่ปีอื่นหรือพี่ที่จบไปแล้วก็กลับมาเนียนได้ แม้แต่อาจารย์ก็ยังมี
เอาล่ะ หลังจากที่บ่นมานานก็ได้เวลาเริ่มเกม ผมเริ่มมองหาเหยื่อที่อยู่เดี่ยวๆ ไม่มีเพื่อน เดี๋ยวเฮียจะเป็นเพื่อนเล่นให้เองนะสาวน้อย
แสกนได้ไม่นาน สายตาก็ไปสะดุดกับโต๊ะใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง แอบสงสัยว่าทำไมโต๊ะตรงนั้นถึงไม่มีคนนั่ง ทั้งๆ ที่โต๊ะออกจะกว้างแล้วก็ร่มแดดดีด้วย
ผมเดินแหวกน้องปีหนึ่งไปยังม้านั่งที่ไม่มีคนนั่ง (?) ...ไม่นั่งแต่นอนอยู่ ก็ว่าทำไมยังหลับอยู่ได้ทั้งที่เสียงออกจะดังขนาดนี้ มันใส่หูฟังไว้นี่เอง ตัวสูงแถมยังหน้าตาดีแต่นอนเรี่ยราดไปนะบางที ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาเรียกรวมแล้วคงต้องรีบปลุกก่อน
“นี่ ตื่น-”
“เฮียจังสวัสดีครับ”
ไม่ใช่เสียงของคนที่นอนอยู่ตรงหน้าหรอกครับ แต่มันดังมาจากข้างหลังผม อย่าบอกนะว่าได้เป็นพี่เนียนวันแรกความก็แตกซะแล้ว!!
ไม่นะ! เฮียยังอยากเล่นเป็นพี่เนียนอยู่ ผมรีบหันควับไปดูหน้าคนร้ายที่รู้ตัวจริงของผม คนอะไรจะเทพเกินไปแล้ว ผมพึ่งมาเป็นวันแรกเองนะ
“…”
“ทำไมถึงใส่ชุดนั- ” ผมเอามือปิดปากมันก่อนที่จะพูดจบ เด็กคนนี้ชื่อบีทครับเป็นน้องชายของฮาร์ทเพื่อนผม เมื่อก่อนสมัยอยู่มัธยม (พูดเหมือนตัวเองแก่อีกละ) แก๊งผมชอบไปเล่นบ้านมันบ่อยๆ เลยได้รู้จักกัน
พี่อยู่สถาปัตย์ น้องอยู่วิศวะ ทำไมฮาร์ทมันไม่บอกวะว่าน้องมันสอบได้คณะนี้ ผมก็ไม่ได้ตามเช็คข่าวน้องเพื่อนตลอดซะด้วย หรือว่าฮาร์ทมันหาเรื่องแกล้งเพื่อน...ดูจากนิสัยมันก็อาจเป็นไปได้ มันยิ่งเลวอยู่ด้วย ความคิดที่ว่ามันส่งน้องมาแกล้งพวกผมไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ
น้องดันรู้จักแก๊งผมทุกคนด้วย ผมได้บอกรึเปล่าว่าถ้าพี่เนียนถูกจับได้จะโดนซ่อม การลงโทษของคณะนี้โคตรโหดครับสำหรับผม
ย้ำว่าสำหรับผม! เพราะปีที่แล้วพี่เนียนที่ถูกน้องจับได้โดนซ่อมให้ไปกินน้ำปั่นเห็ดสามอย่างเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่แก้วเดียวนะครับ มันมาเป็นหม้อ! ต้องดื่มให้หมดภายในครั้งเดียวด้วย บางคนอาจจะคิดว่า 'แค่นี้' แต่สำหรับผม คือผมไม่ชอบกินเห็ดครับ แค่คิดก็สยองแล้ว
“บีท มึงอย่าบอกใครนะเว้ย กูเป็นพี่เนียนอยู่” ผมเริ่มกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน
“พี่เนียน?”
“ใช่ ทั้งแก๊งเลย”
“อ๋อ” น้องมันยิ้มมุมปากนิดนึงก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกตกลง ด้วยความที่มันเป็นคนค่อนข้างเงียบไม่ชอบเรื่องสุงสิงกับใครสักเท่าไร ผมจึงวางใจไปเปราะหนึ่งว่ามันจะไม่ไปบอกใครแน่นอน
มันหน้าตาดีนะครับตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อย ติดก็แต่เป็นพวกเข้าหาคนยากและค่อนข้างเงียบเลยไม่ค่อยมีคนมาเข้าหามัน กว่าผมจะสนิทกับมันก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน
[น้องๆ คะ ได้เวลารวมแล้วนะคะ พี่ให้เวลา 5 นาที ใครยังไม่เข้าแถวโดนซ่อมนะ]
เสียงใสของไอ้สวยประธานรุ่นดังขึ้นพร้อมกับน้องปีหนึ่งที่เริ่มเดินไปยังจุดรวม
“เฮีย ไปกันเถอะ” น้องกวักมือเรียกให้ผมเดินตามไป
“เดี๋ยว แล้วไอ้นี่ล่ะ” ผมชี้นิ้วไปหาคนนอนหลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร นอนสบายเลยแฮะ
“เพื่อนผมเอง ปล่อยมันไว้อย่างงี้แหละ” เจริญล่ะ พี่ภูมิใจกับน้องจริงๆ ที่ได้เพื่อนที่ดีอย่างนี้ “มันตื่นยากแล้วชอบอารมณ์เสียตอนมีคนมาปลุก ผมขี้เกียจทะเลาะกับมัน”
อ่อ
“ไม่เป็นไร เฮียเป็นคนดี เดี๋ยวปลุกให้” ผมเอามือทุบอกอย่างมั่นใจ บอกทิ้งท้ายน้องแล้วรีบปลุกคนตรงหน้าทันที
[เหลือเวลา 1 นาที]
“นายๆ ตื่นได้แล้ว พี่เค้าเรียกรวมแล้ว” ผมลองเขย่าตัวมันเบาๆ มันจะยากแค่ไหนกันเชียว
“อืม...” อีกฝ่ายร้องเสียงรำคาญในลำคอ
“ถ้ายังไม่ตื่นกูจี้นะ” ผมเริ่มพูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม (?) เอานิ้วไปจั๊กจี้ที่เอวมันสองสามที...อ่าวไม่บ้าจี้อีก ตื่นยากจริงด้วยว่ะ
“อือ!” โอ้สาวน้อยรำคาญแรงขึ้นนะ มันสะบัดมือผมทิ้ง
[30 วิ]
“ถ้ามึงไม่ตื่น กูไปแล้วนะ” จะไม่ทันแล้ว ผมควรปล่อยไปเลยดีไหม ยังไม่อยากเป็นพี่เนียนที่สร้างวีรกรรมบ้าบอตั้งแต่วันแรกด้วยสิ ถ้าถามถึงบีท มันวิ่งไปเข้าแถวตั้งแต่นับหนึ่งนาทีแล้วครับ รักเพื่อนสุดๆ น้องผม
“อืม...” เด็กชะมัด เป็นเฮียที่ดีงั้นไม่ไปแล้วก็ได้
[6]
เวลาไม่คอยท่า ผมที่สุดจะทนกับรุ่นน้องคนนี้ก็สบถขึ้นมาอย่างหัวเสีย “ไม่ตื่น กูจับปล้ำแม่ง” คนอะไรจะตื่นยากขนาดนี้ นี่ผมทั้งตะโกนทั้งเขย่ามันยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นจากบรรทมเลยสักนิด นอนอะไรนักหนาฮะ!
“อีกห้านาที” ยังมีหน้ามาขออีกนะ อีกห้านาทีพ่อง ห้าวิสิไม่ว่า!!
[5]
“ตื่นนนนน” ผมพยายามดึงตัวมันแต่มันรั้งแขนผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย มึงหลับอยู่เอาแรงมาจากไหนเยอะแยะวะ จะเทพเกินไปแล้ว
[4]
“ไม่ตื่น กูถีบ” ผมยกขาขึ้นสูงเตรียมถีบ แต่เท้าดันไปสะดุดไข่มดแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผมไปนั่งคร่อมทับท้องมันอย่างช่วยไม่ได้
“อั่ก” จากเสียงร้องก็เดาอาการได้เลยว่าจุกแค่ไหน พออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ผมก็ยิ้มแห้งด้วยความรู้สึกผิด คนใต้ล่างตะลึงงันเหมือนโหลดสติเข้ามาไม่ทัน
[3]
พอตั้งสติได้ก็ด่ามาหนึ่งกรุบ “เฮ้ย! เหี้ย!!” สัสกูคน ตื่นได้สักที
[2]
เหตุการณ์เกิดขึ้นไวเกินไปจนผมตั้งตัวไม่ทัน
ปึก!
[1]
อู้ย จุกสัส ตื่นมามึงก็ถีบกูก่อนเลยนะน้อง เลวร้ายตั้งแต่วันแรกเลยหรอวะชีวิต
[หมดเวลา]
บักห่านี่ สุดท้ายก็เข้าแถวไม่ทันไหมล่ะ อย่ามาทำตาโตเป็นไข่เป็ดแบบนั้น กูแค่จะมาปลุกมึงแต่กูดันสะดุดไข่มดแถวนี้เฉยๆ
...สะดุด
...สะดุดเหรอ
อยู่วิศวะมาตั้งนาน ทำไมกูลืมได้วะ ว่า 'ถ้าสะดุดไข่มดที่ลานเกียร์' แล้วจะเป็นไงนะ