เนียนสักหน่อย 1 เป็นพี่เนียนต้องพยายาม Part 1
[จิงจัง]
ผมต้องการเปิดเรื่องในแบบที่ไม่เหมือนใคร แต่การที่เปิดเรื่องแล้วต้องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ ผมก็ไม่ค่อยสันทัดเท่าไรนัก
เปล่าหรอกเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีหรือนิยายที่ตัวเอกมีพลังจิตเหนือมนุษย์ สามารถปล่อยพลังมาฟัดกันได้แบบไม่ยั้ง มันก็เป็นนิยายธรรมดาสามัญดีๆ นี่แหละ แค่…
“I believe I cannnnn flyyyyy!”
ตู้ม!!
ผมตะโกนออกไปรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน ทั้งร่างเปียกโชกด้วยน้ำคลอรีนในสระ ซึ่งสภาพดังกล่าวห่างไกลจากคำว่าลูกหมาตกน้ำไปมากโข ขณะนี้ผมสะบักสะบอมยิ่งกว่าหมาอีกครับ อะไรคือการที่ผมต้องกระโดดบนคานไม้ลงสระว่ายน้ำของมหาลัยแล้วพูดคำว่า ‘ฉันเชื่อว่าฉันบินได้’ ให้คนฝั่งตรงข้ามได้ยินพร้อมกางแขนกางขาให้เหมือนนก และถึงแม้ว่าผมจะพยายามแหกปากเท่าไรคนตรงข้ามก็บอกไม่ได้ยินทุกที
เป็นพี่เนียนวันแรกผมยังโดนขนาดนี้ ผมพอเดาอนาคตตัวเองได้ลางๆ แล้วล่ะ
“อะไรนะ! ไม่ได้ยินนนนน!!”
ฮ่วย มันเป็นการซ่อมที่น่าอับอายที่สุดเท่าที่ผมเคยโดนมา
“มึงพอเหอะเดี๋ยวน้องมันป่วยตายพอดี” พี่คนข้างๆ กระซิบบอกคนตะโกน นี่ขนาดกระซิบจากฝั่งตรงข้าม ผมยังได้ยินมาถึงนี่ แล้วผมตะโกนตั้งนานทำไมไม่ได้ยินกันครับ
พี่ผมเป็นคนตลก เหอะๆ
เมื่อผมโผล่ขึ้นมาจากสระ ฝ่ายพยาบาลที่เป็นสตาฟปีสอง (ซึ่งก็เป็นเพื่อนผมเอง) ก็รีบนำผ้าเช็ดตัวมาให้ผมพร้อมกับน้ำชามะนาวแก้เจ็บคอ ยังไม่พอ ยังไปหาพัดมาพัดให้ด้วยความที่กลัวว่าผมจะเป็นลมพับไป
ฮัดชิ้ว!
เพื่อนครับเฮียจังไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ถ้าจะบริการกันดีขนาดนี้หยุดพัดแล้วไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เฮียเถอะ เฮียหนาว...อย่าจ้องกันแบบนั้นสิผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ ชุดนักเรียนเป็นสีขาว พอเปียกน้ำก็เห็นเนื้อหนังหมด
เป็นผู้ชายแท้ๆ อย่าทำตัวเป็นสาวน้อยได้ไหมไอ้จัง เดี๋ยวสิ งั้นพวกมึงก็อย่ามองกูแล้วกลืนน้ำลายลงคอกันเป็นแถวแบบนั้นได้ไหม กูใจคอไม่ดี!
คณะของผมพี่ปีสามจะทำหน้าที่ว้าก แล้วก็มีหน้าที่อื่นอย่างพวกพี่สันทนาการกับพี่ฝ่ายพยาบาล ส่วนปีสองอย่างพวกผมเป็นสตาฟคอยสนับสนุนพวกพี่ปีสามและคอยช่วยเหลือน้องปีหนึ่ง เหมือนเรียนรู้งานก่อนไปทำจริงในปีหน้า
พวกผมโดนซ่อมหลังจากที่เราผ่านการรับน้องในช่วงเช้ามาอย่างราบรื่น ยังไม่มีการว้ากใดๆ ทั้งสิ้น แค่กล่าวต้อนรับกันนิดหน่อย จากนั้นก็แนะนำพวกพี่ว้าก สตาฟ ทำกิจกรรมรับป้ายชื่อตัวเองกับทำความรู้จักกันเล็กๆ น้อยๆ เลิกประมาณ 11 โมงกว่า มันเลยมีเวลามากพอที่จะย้ายสถานที่ลงโทษจากลานหน้าคณะมาเป็นสระว่ายน้ำของมหาลัย ซึ่งระยะทางก็พอๆ กับเดินจากหน้ามหาลัยถึงหลังมหาลัย...บางทีก็ลงทุนเกินไปนะผมว่า
คุณคงจำกันได้ว่าทำไมผมถึงโดนซ่อม มันเป็นเพราะผมพยายามไปปลุกไอ้เด็กตื่นยากคนนึงครับ จนเลยเวลานัดรวม ซึ่งไอ้เด็กคนนี้เนี่ย มันเป็นเด็กที่ไม่ชอบให้ใครมาปลุกตอนนอน...เลยออกจะตื่นยากไปสักหน่อยและวิธีการปลุกที่ได้ผลที่สุดคือต้องมีคนไปนั่งคร่อมมัน มันถึงจะตื่น
เกี่ยวไหมวะ ช่างมันเถอะ ฮ่าๆ
นึกแล้วก็ขำ หลังจากที่ผมปลุกมัน ผมก็ได้ตีนกลับมาเป็นการตอบแทน ถือว่าเป็นการพัฒนามิตรภาพที่ดีใช่ไหม สำหรับการที่เราข้ามขั้นการทักทายแบบธรรมดาไป แล้วเปลี่ยนมานั่งคร่อมเล่นเท้ากันได้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเนี้ย
ได้เพื่อนดีจริงๆ เลยผม
หากจะถามว่าทำไมเห็นผมโดนซ่อมอยู่คนเดียว ทั้งที่อีกฝ่ายก็ต้องโดนด้วยเหมือนกัน...มันโดนปล่อยตัวไปนานแล้วครับ เทคเดียว! รอบเดียว!! ผ่าน!!! คุณได้ไปต่อ!!!! แถมยังมีเวลามานั่งหน้าหล่อให้สาวๆ แถวนั้นใจละลายเล่นได้อีกต่างหาก
น่าสงสารผมนะครับ ต้องมารับกรรมทั้งที่ตัวเองเป็นคนดีศรีสังคม ฮือ
ว่ากันตามตรง ตอนนี้ผมได้กลุ่มเพื่อนใหม่มาแล้วครับ ก็เป็นกลุ่มของไอ้บีทมันนั่นแหละ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม พอเด็กที่ชื่อดินสอเล่าเรื่องราวให้ผมฟัง ผมก็เล่าเรื่องของตัวเองบ้างด้วยความตีเนียนว่า ‘ในห้องกูติดที่มหาลัยนี้คนเดียว กับเพื่อนโรงเรียนเดียวกันก็ไม่สนิทด้วย เลยไม่มีเพื่อนอย่างที่เห็น’
มันเลยชวนผมมาอยู่ด้วยซะเลย
“ฮาว่ะไอ้จัง ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังดังขึ้นจากเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนใหม่คนล่าสุดของผม “I believe I can fly~”
“ฟายบ้านมึงดิ ฮ่าๆ” ด่ากลับแบบไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนัก
ดินสอเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของบีทครับ ตัวสูงพอๆ กัน หน้าตาติดไปทางลูกครึ่งนิดหน่อยแต่ดันเป็นไทยแท้ นิสัยดี (โคตรๆ) ร่าเริง (ฉิบหาย) เฟรนลี่ (สัสๆ) ผมเจอไอ้ดินครั้งแรกก็หลังจากที่ผมโดนไอ้เด็กเวรเพื่อนมันถีบ แล้วมันก็หัวเราะอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในแถวพร้อมกับบอกว่า
‘มึงกล้ามากไอ้น้อง! ที่ปลุกไอ้เชี่ยนี่ให้ตื่นได้’ พลางตบหลังผมบักๆ เหมือนคนรู้จักกันมาเป็นชาติ
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ชอบนะ ผมชอบคนแบบนี้มากเลยต่างหาก อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัดดี
“แล้วชุด...ทำไงดี?” บีทเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือ ผมมองชุดนักเรียนที่อุตส่าห์หามาใส่เมื่อเช้าด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“...” มืออันไม่คุ้นตายื่นถุงชุดที่น่าจะเป็นชุดเปลี่ยนมาให้ “พวกพี่ให้เอามาให้” ผมเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายที่สูงกว่าหลายเซนพลางยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ รับถุงชุดจากกวน (ชื่อของคนที่ถีบผมเอง) ตามมารยาท
“ขอบใจ” ทีแรกคิดว่าเป็นคนขรึมๆ ไม่สนใจใคร ตอนรับน้องไม่เห็นว่าจะคุยกับผมเลยสักนิด นั่งเงียบเป็นเป่าสากแถมยังหน้านิ่งเหมือนรูปปั้นเคลื่อนที่ได้ ที่แท้ก็ใจดีเหมือนกันนะเรา...ถึงเพื่อนผมจะบอกให้มันเอามาให้ก็เถอะ
“มึงหายงอนกูแล้วเหรอ” พอเห็นว่าไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ผมก็ถือโอกาสชวนคุย
“ใคร” ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าไปงอนตอนไหน
“มึงไง หลังจากถีบเสร็จ มึงก็ไม่คุยกับกูเลย” รู้สึกว่าตั้งแต่เจอกัน คำแรกที่พูดกับผมคือ ‘เฮ้ยเหี้ย’ แค่นั้น...หยาบคายจริงๆ
“อารมณ์คงดีขึ้นแล้ว” บีทว่า
เออเอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่าน้องมันโกธรรึเปล่าแค่นั้นแหละ
“...” คนตรงหน้าถอนหายใจใส่จนผมสะดุ้ง “ไปเปลี่ยนผ้าไป” มือหนายกมือขึ้นมายีหัวผมแรงๆ พร้อมกับไล่ผมไปเปลี่ยนผ้า ผมก็ปัดมือออกตามภาษาคนกลัวผมยุ่ง...เดี๋ยวนะ นี่มึงถึงขั้นเล่นหัวกูแล้ว?
พอคนยีหัวตั้งสติได้ว่าทำอะไรลงไปก็เก็บมือทันควัน อีกสองคนที่เหลือก็ดูจะตกใจเหมือนกัน ผมมองปฏิกิริยานั้นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะคิดในใจว่าช่างมันแล้วเดินออกมาหาที่เปลี่ยนชุด น่าจะใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีในการเปลี่ยนผ้า ผมเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้มากที่สุดแล้วจัดการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มันเลยเที่ยงมานานแล้วครับ กลัวว่าพวกน้องจะหิวเลยต้องรีบใส่ให้มันเร็วหน่อย
ชุดที่ผมสวมอยู่เป็นเสื้อโปโลสีขาวธรรมดาไม่มีลวดลายอะไรเหมือนกับที่ไอ้กวนใส่อยู่ตอนนี้ ส่วนกางเกงเป็นกางเกงขาสามส่วนสีดำ เพื่อนผมให้ชุดมาเปลี่ยนพร้อมเลยแฮะ มีกางเกงในให้ด้วยหวังว่าจะเป็นตัวใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครใช้นะ...ก็ว่าไป
วันนี้ปีสองภาคผมมีเรียนเสริมตอนบ่ายนี่หว่า...ช่างเถอะ ยังไม่เปิดเทอมเลยด้วยซ้ำ เราแค่มารับน้องแล้วมันก็เป็นวิชาของอาจารย์จิระเดชด้วย เขาใจดีจะตาย จารย์แกคงไม่ว่าหรอกมั้ง ก็ผมปฏิบัติภารกิจอยู่นี่นา
โอเค วันนี้ผมคงไม่เข้าแล้วแหละ ต้องเนียนไปเรียนกับน้องก่อน
คิดตกลงปลงใจกับตัวเองเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ดิ่งตรงไปยังกลุ่มไอ้บีททันที
“จัง มึงรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ แถวนี้เปล่าวะ” ดินสอถาม ใบหน้าสะใจที่ขำผมเมื่อกี้หายไป ตอนนี้คนตรงหน้าเหลือเพียงร่างที่เหมือนซอมบี้ผีเดินได้เท่านั้น
ตายแล้ว เฮียขอโทษที่เลี้ยงหนูไม่ดี ปล่อยให้อดข้าวแบบนี้
“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ค่อยได้มาแถวนี้” ถึงจะสงสาร แต่ตอนนี้ขอเนียนไม่เคยมาแถวนี้ก่อนละกัน ฮ่าๆ
เจ้าบีท...อย่ามองเฮียแบบนั้นสิ มองแบบนี้หิวเหมือนกันใช่ไหม เฮียแค่ทำตามหน้าที่ เฮียต้องเนียนไว้ก่อนเพื่อนสอนไว้ “กูหิวอะ แต่กูอยากแดกของอร่อย”
“ถ้ามึงหิว แดกอะไรก็แดกไปเถอะ อย่าเรื่องมาก” กวนขึ้นอย่างเหนื่อยใจ
“ง่วย กูอุตส่าห์ได้เพื่อนใหม่ทั้งที กูก็อยากจะแดกอะไรอร่อยๆ ฉลองเพื่อนใหม่กูบ้างอะ”
“พูดแบบนี้คือมึงเลี้ยง”
“ฮึเปล่า ตัวใครตัวมัน”
“ปะ เดี๋ยวกูพาไป” ไอ้บีทที่พูดแทรกการสนทนาทำเอาอีกสองคนต้องหันมามองอย่างสงสัย
“ฮะ?”
“...” ระหว่างที่ไอ้ดินกับไอ้กวนคุยกันอยู่ ผมก็แวะไปกระซิบบอกร้านที่ผมชอบไปกินประจำให้ไอ้บีทฟัง ร้านนี้อร่อยแล้วก็ราคาไม่แพง แถมมีเอกลักษณ์ด้วย
“เอ้าไอ้บีท เมื่อกี้กูถามมึง มึงยังบอกไม่รู้อยู่เลยสัส” ดินสอหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวเอง
“กูพึ่งนึกได้ว่าพี่กูเคยพามา” คนพูดยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“นึกนานไปแล้วโว้ย!” คนหิวยกตีนมาเขี่ยเพื่อนตัวเองอย่างไม่ใยดี ผมก็มองการกระทำนั้นอย่างขำๆ ...กูว่ามึงโมโหหิวรุนแรงไปนะดิน ฮ่าๆ