เนียนสักหน่อย 1 เป็นพี่เนียนต้องพยายาม Part 2
ร้านอาหารตามสั่งข้างมหาลัย ร้านนี้เขาจัดร้านได้สวยเหมือนหลุดเข้ามาในยุคพ่อขุนราม กรอบรูปมีรูปเมืองเก่าแขวนไว้ตามผนังร้าน มีของเก่าแก่ตั้งโชว์ไว้เยอะแยะ ตั้งแต่ภาพระเบิดปรมาณูยันกางเกงในโบราณ เพื่อเอาไว้ให้ลูกค้าดูเล่นระหว่างรออาหารมาเสริฟ
พวกน้องก็ดูจะสนใจร้านนี้ดี ถึงขั้นลุกไปดูทั่วร้านระหว่างที่ป้าแกกำลังทำอาหาร เห็นไอ้ดินมันหยิบกางเกงในโบราณขึ้นมาดูด้วย...ภาวนาอย่าให้มันยกมาดมก็พอครับ
รอไม่นานอาหารที่พวกผมสั่งก็มาถึง กลิ่นหอมโชยเตะจมูกชวนน้ำลายสอ พวกเราที่กระจัดกระจายไปดูของก็กลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิมพร้อมกับ...คำทักทายที่เป็นมิตร
“อ้าว วันนี้ไม่ได้มากับพวกขนมปังเหรอลูก ป้าเห็นหนูปังมากินตั้งนานแล้ว” เป็นมิตรมากครับป้าดา ขอบคุณที่ยังไม่ลืมผม ฮือ
ผมไม่ตอบ แค่ส่งยิ้มกลับไปให้ป้าดาจนป้าแกเดินออกห่างจากโต๊ะไปทำอาหารต่อ ป้าคงคิดว่าผมทะเลาะกับเพื่อนมั้ง เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
เฮ้อ ลอบถอนหายใจเบาๆ รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวผมเริ่มร้อนขึ้นยังไงไม่รู้ ตอนนี้ผมรู้สึกเปียกๆ อยู่รอบคอเสื้อ เหงื่อมาออกอะไรตอนนี้!
“ป้าแกพูดกับใครวะ” ผมเนียนส่ายหน้า ‘กูต้องดูไม่มีพิรุธ ต้องดูไม่มีพิรุธ ท่องไว้ไอ้จัง ท่องไว้’
“ทักคนผิดล่ะมั้ง ...เหงื่อออกเยอะจัง” ไอ้กวนขมวดคิ้วมองผมที่ขมับเริ่มชื้นเหงื่อด้วยความระแวง
พวกมึงสองคนอย่าเป็นคนขี้สงสัยดิ หัดนั่งนิ่งๆ เหมือนไอ้บีทบ้าง “ที่นี่ร้อนมากอะ แดกเถอะ หิวกันไม่ใช่เหรอ” ว่าจบผมที่พึ่งเบี่ยงประเด็นไปหมาดๆ ก็กินเปิดคนแรกแก้อาการมีพิรุธของตัวเอง พวกมันก็ลงมือกินตามโดยไม่ถามอะไรต่ออีก ทำเพียงแค่คุยกันเรื่องอื่น
ผมพลาดเองที่มาร้านนี้ ป้าดาเจ้าของร้านนี้รู้จักกับกลุ่มผมครับเพราะพวกผมแต่งตั้งร้านนี้ให้เป็นร้านประจำตั้งแต่เข้ามหาลัยวันแรก เกือบความแตกแล้วไหมล่ะ
เฮ้อ ลอบถอนหายใจในใจอีกสักที
“พวกมึงก็มีเรียนเสริมตอนบ่ายเหมือนกันใช่ไหม” ไอ้ดินถามขึ้นเมื่อพวกเราเดินมาถึงตึกหน้าคณะ ระหว่างทางที่เดินมาผมก็พยายามหลบหลีกเพื่อนคณะอื่นที่รู้จักผม...บางคนยังไม่รู้ว่าผมเป็นพี่เนียนครับ แล้วผมก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักนิดหน่อยด้วย “งั้นไว้เจอกันตอนเลิกเรียนนะ บุย บุ่ย”
หลังจากโบกมือร่ำลากันอยู่นานจนไอ้ดินและไอ้กวนเดินหายไปในตึกภาคของพวกมัน ไอ้บีทก็ทักผมทันที ”เฮียนี่โชคดีจริงๆ ไอ้กวนมันออกจะฉลาด ไม่เห็นมันสงสัยอะไรเลย”
“เฮียเก่งไงน้อง” ยิ่งสายตาของไอ้กวนที่มันมองผมเหมือนเริ่มเคลือบแคลงใจแล้วด้วย “หลังจากนี้คงต้องระวังตัวมากขึ้น” ผมพึมพำกับตัวเอง
งุ้ย พูดเหมือนตัวเองเป็นสายลับนักสืบอะไรอย่างนั้น ถึงจะกังวลกลัวความแตกอยู่บ้างแต่ผมก็สนุกดี เหมือนตัวเองได้เป็นสายลับแบบในหนังที่ผมชอบดูยังไงยังงั้น
โชคดีที่ไอ้กวนกับไอ้ดินอยู่คนละภาคกับผม ไม่อย่างนั้นผมคงลำบากกว่านี้แน่
ถึงจะลำบากอยู่แล้วก็เถอะ...คนที่เป็นพี่เนียนจำเป็นต้องสลับห้องเรียนไปมาระหว่างห้องเรียนของปีหนึ่งและปีของตัวเองโดยต้องไม่ให้น้องๆ สงสัย ซึ่งก็นั่นแหละ ถึงสองตัวนั้นจะไม่อยู่ และถึงไอ้บีทมันจะรู้ตัวจริงของผมแต่ผมก็ต้องทำเนียนหลบเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ อยู่ดี
“แล้วเฮียต้องไปเรียนกับผมรึเปล่า”
“ไป” ไอ้บีทเดินตามผมต้อยๆ ไปที่ห้องเรียนเพราะผมคุ้นทางกว่ามัน มันเลยปล่อยให้ผมเป็นคนนำทางแบบไม่ขัดอะไร
“ถ้าลองเอาโปรแกรมตัวนี่ มาใส่ในรูปแบบของ…” เสียงของอาจารย์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อสอนพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ในการเรียนให้กับเด็กปีหนึ่ง
ผมอ้าปากหาววอดๆ ในห้องด้วยความง่วง ผมยังไม่ได้บอกพวกคุณใช่ไหมว่าผมอยู่ภาคอะไร ผมอยู่ภาคคอมครับ ถามถึงระดับการเรียนของผม หึ ง่วงเหงาหาวนอนขนาดนี้ ระดับการเรียนของผมอยู่ในระดับปกติครับ ไม่ได้เก่งและไม่โง่นั่นเอง!
ลอบมองออกไปทางหน้าต่างอย่างไม่สนใจสิ่งที่อาจารย์กำลังสอน จุดที่ผมเห็นเป็นวิวที่สวยไม่ใช่เล่น ตรงนั้นมีบ่อน้ำพุที่พึ่งสร้างเสร็จใหม่ รอบบ่อปลูกดอกไม้ไว้ซะเยอะแถมยังมีหญ้าให้กลิ้งเล่นได้อีกต่างหาก สงสัยคงต้องหาเวลาไปที่นั่นสักหน่อยแล้ว
เสียงสั่นของข้อความในมือถือขัดจังหวะในการชมทัศนียภาพของผม เมื่อเปิดหน้าจอดูก็พบไลน์ที่มีชื่อกลุ่มเด้งขึ้นมา ทำให้ผมต้องเปิดเข้าไปอ่านข้อความด้วยความจำเป็นทั้งที่ปกติเป็นคนไม่ค่อยเข้าเพราะขี้เกียจกดรหัสที่มีไว้กันเพื่อนตัวดีแกล้ง
หมอกหนาวที่เลอะเลือนและเลือนราง : พวกมึง กูคิดถึงพวกมึงว่ะ