EP 3 | โตแล้วก็ดี...
“ไปแกล้งพี่เค้าทำไม”
คุณโรมถามฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ สายตาดุๆ อ่อนแสงลงราวกับเหนื่อยหน่ายใจกับเรื่องของฉันเสียเหลือเกิน
“ก็ยัยเลียจู๋...”
“คาร่า” เสียงเข้มขึ้นยกกำลังสิบ
“ก็เค้ามาหาเรื่องคาร่าก่อน”
“จูเลียแค่เดินเข้ามาทักทายน้องเฉยๆ นะคะพี่โรม ไม่ได้แกล้งอะไรน้องคาร่าเลย ทำไมต้องใส่ร้ายพี่ด้วยล่ะคะ”
มันน่าให้แมงป่องกัดปากไหมล่ะ!
ฉันถอนหายใจพลางกลอกตามองบน รู้สึกเหมือนเดจาวูเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเป็นร้อยๆ ครั้ง
“แล้วจูเลียมาที่ไร่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
คุณโรมพูดพลางค่อยๆ แกะแขนยัยนั่นออกอย่างเบามือ เหอะ! กับคนอื่นนะเขาเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนสุดๆ แต่กับฉันนี่ดุเอาๆ ไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบอะไรฉันนักหนา
“อ่อ! คุณพ่อให้มาเชิญพี่โรมไปงานเลี้ยงรับตำแหน่งที่บ้านอาทิตย์หน้าค่ะ”
“ได้ครับ ฝากบอกท่านด้วยว่าพี่ไปแน่นอนครับ”
“แล้ว...”
“ส่วนเรื่องวันนี้ พี่ขอโทษแทนคาร่าด้วยนะครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้”
จัดการอะไร! ฉันไม่ผิดสักหน่อยแมงป่องยังไม่ทันจะได้กัดปากมันเลยสักนิด!
ยัยเลียจู๋หันมามองหน้าฉันด้วยหน้าตาเยาะเย้ยทันทีก่อนจะหน้าเจื่อนลงเมื่อได้ยินประโยคถัดไปของคุณโรม
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นกลับบ้านดีๆ นะครับ”
“อุ๊บ! โดนไล่”
คุณโรมหันมาทำหน้าดุใส่ฉันทันที เป็นอะไรนักหนาถลึงตาใส่อยู่ได้ไม่กลัวมันหลุดออกมาจากเบ้าบ้างหรือไง
“ส่วนเรา ไปกับพี่!”
“โอ๊ย! ไปไหน คาร่าไม่ไป คาร่าจะเลี้ยงแกะ!”
คุณโรมเดินเข้ามาจับข้อมือฉันแล้วหยิบแมงป่องออกไปส่งให้พี่ไคโรมือขวาของเขานั่นแหละ ก่อนจะลากฉันเดินไปขึ้นรถกระบะที่เขาขับมาจอดไว้อยู่ข้างคอกแกะ
“จับแมงป่อง รู้หรือเปล่าว่ามันมีพิษ”
คุณโรมเริ่มดุทันทีเมื่อเราสองคนขึ้นมานั่งอยู่บนรถเรียบร้อย ฉันกอดอกพลางหันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง
“พี่ถามได้ยินมั้ยคาร่า”
จริงๆ แล้วน้ำเสียงของเขามันไม่ได้ดุหรอก ออกจะฟังเหมือนเหนื่อยใจมากกว่าและคุณโรมก็ยังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เหมือนเดิมมาตลอด มีแต่ฉันนี่แหละที่ไม่ได้เรียกเขาแบบนั้นอีกแล้ว
ตั้งแต่วันที่ฉันไปได้ยินเขาคุยกันในห้องโถงความรู้สึกมันก็แปลกไปทันที เหมือนว่าเราไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเขาแค่เป็นคนที่ใจดีกับทุกคนแต่เขาไม่ชอบฉัน
“คาร่าดูออกค่ะว่ามันคือแมงป่องชนิดไหน มีพิษหรือไม่มีพิษ”
ฉันตอบออกไปตามตรง แมงป่องไม่ได้มีพิษทุกชนิดและฉันมีความฝันอยากจะเป็นสัตวแพทย์เชียวนะ ฉันต้องหัดสังเกตสัตว์อยู่แล้ว
“แต่ก็ไม่ควรไปแกล้งจูเลียแบบนั้น”
“เค้ามายุ่งกับคาร่าก่อน”
“งั้นเราก็ต้องแกล้งทุกคนที่เข้ามาใกล้เลยใช่มั้ย”
“ก็ยัยนั่นตอแหล”
“คาร่า”
คุณโรมกดเสียงต่ำพลางหันมามองหน้าฉันแล้วหักพวงมาลัยรถเลี้ยวจอดข้างทางก่อนจะถึงบ้านใหญ่
“พูดแบบนี้ได้ยังไง คนอื่นได้ยินเขาจะมองเราเป็นเด็กไม่น่ารักรู้มั้ย”
“...”
คนพูดตรงๆ เป็นเด็กไม่น่ารักแต่คนตอแหลประจบประแจงมองว่าน่ารักเนี้ยนะ โลกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
อยากพ่นไฟโว้ยยยยยย >O<
“จะ จะทำอะไรคะ”
จู่ๆ คุณโรมก็ปลดสลักล็อกเข็มขัดนิรภัยแล้วยื่นหน้าเข้ามาหาฉัน มือข้างหนึ่งของเขาค้ำยันกระจกไว้กักขังให้ฉันอยู่ในอาณัติของเขา
“หยุดเหวี่ยง แล้วคิดดูดีๆ ว่าตัวเองมีความผิดจริงหรือเปล่า”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้ฉันใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด ฉันก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าฉันเล่นแรงเกินไปแต่ยัยนั่นมาหาเรื่องฉันก่อนทำไมฉันต้องโดนลงโทษอยู่คนเดียวทุกที
(._.) ”
สายตาของคุณโรมตอนนี้กำลังทำให้ฉันไม่มีสมาธิ เขาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่ฉันเองก็เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ว่าไง มีความผิดมั้ย”
หงึกๆ
ฉันเลือกที่จะพยักหน้าแทนคำตอบ ก็ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้
“พี่รู้ว่าเราจะไม่เริ่มทำใครก่อน แต่การตอบโต้ด้วยความรุนแรงทุกครั้งไม่ใช่เรื่องที่ดี”
“...”
“เด็กดื้อ”
“คาร่าไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปเถียงแต่เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ยากจะคาดเดาของเขาใกล้ๆ ก็ก้มหน้ากลับลงมาเหมือนเดิม
มือหนาที่ค้ำยันอยู่ตรงกระจกเลื่อนลงมาจับที่ปลายคางของฉันแล้วเชยขึ้นจนเราสบตากันอีกครั้ง
“จะบอกว่าโตเป็นสาวแล้วว่างั้น”
“ค...ค่ะ”
“หึ โตแล้วก็ดีต่อไปถ้าเราดื้อพี่จะได้ลงโทษแบบผู้ใหญ่”
สาบานได้ว่าฉันเห็นแววตาเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่าที่เจอเหยื่อถูกใจฉายชัดขึ้นมาในแววตาของเขา แม้มันจะแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแต่ก็ทำให้ฉันใจเต้นแรงผิดปกติ
ลงโทษแบบผู้ใหญ่คืออะไรนะ...
พูดจบคุณโรมก็ถอยกลับไปนั่งที่เดิมแล้วขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้านใหญ่ก่อนจะหันมาพูดกับฉันอีกครั้ง
“ส่วนโทษคราวนี้...”
อ้าว! นี่ฉันยังไม่พ้นความผิดอีกเหรอวะเนี้ย = [] =
“พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าพี่จะพาไปที่สวนสตอเบอร์รี่”
โดนใช้แรงงานอีกแน่ๆ
เราสองคนเดินลงจากรถแล้วเข้าไปที่ห้องอาหาร ตอนนี้คุณลุงกับคุณป้ากำลังนั่งรออยู่แล้ว
ฉันเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคุณป้าส่วนคุณโรมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคุณป้า
“ป้าบอกว่าได้4.00อีกแล้ว เก่งมากเลยนะคาร่า”
คุณลุงเวสตันพูดขึ้นระหว่างที่แม่บ้านกำลังตักข้าวให้ ดูภายนอกคุณลุงเวสตันจะเงียบขรึมแต่จริงๆ แล้วเป็นคนใจดีมากๆ ไม่เคยดุฉันเลย
หรือจะพูดให้ถูกก็คือคนที่ดุฉันมีแค่คนเดียวเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะคุณลุง^__^”
ฉันส่งยิ้มหวานให้คุณลุงกับคุณป้าจนท่านยิ้มตามแล้วก็เริ่มทานอาหารเย็นกัน
“เห็นรถของไร่คุณแฟรงค์แว๊บๆ ใครมาทำอะไรเหรอโรม”
คุณป้าเป็นคนเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เราทานข้าวเสร็จเรียบร้อย คุณโรมปรายตามามองฉันก่อนจะหันไปตอบคุณป้า
“คุณแฟรงค์ฝากจูเลียมาเชิญไปงานเลี้ยงรับตำแหน่งอาทิตย์หน้าครับ”
“เอาจนได้สินะ” คุณลุงบ่นเบาๆ
“แล้วทำไมหนูจูเลียรีบกลับล่ะ”
“ถามลูกสาวสุดที่รักของแม่ดูสิครับ”
ไอคนขี้ฟ้อง!
คุณป้าหันมามองหน้าฉันอย่างรู้ทันก็เลยไม่ได้ถามอะไรและนั่นก็ทำให้คุณโรมหัวเราะหึในลำคอเบาๆ
“พรุ่งนี้น้องจะไปสวนสตอเบอร์รี่กับผมนะครับ”
เวลาอยู่ต่อหน้าคุณลุงคุณป้าเขาจะแทนตัวฉันว่า ‘น้อง’ อย่างเอ็นดูทุกคำทั้งที่ลับหลังคุณลุงคุณป้านี่ไม่เคยเอ็นดูฉันเลยสักนิด
“แต่...”
“คุณแม่ครับ”
คุณป้าที่รู้ว่าฉันต้องโดนทำโทษแน่ๆ กำลังจะช่วยพูดให้แต่ก็ไม่วายโดนคุณโรมส่งเสียงกดต่ำกลับมาแทน
ตอนนี้คุณป้าก็ช่วยฉันไม่ได้แล้วเหรอเนี้ย!
ฉันจึงหันไปมองหน้าที่พึ่งสุดท้ายพลางทำตาปริบๆ แต่คุณลุงกลับหันไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แทน
แงงงงงงงง~ TOT
เช้าวันต่อมา
“คุณโรมจะให้คาร่าทำอะไรคะ”
หลังจากทานข้าวเช้ากันเสร็จคุณโรมก็พาฉันขึ้นรถแล้วขับตรงมาที่สวนสตอเบอร์รี่ทันที
“พี่จะพาเรามาฝึกสมาธิ”
“ห๊ะ?”
“เราจะได้รู้จักใจเย็น ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้”
เขาพูดพลางพาฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าถังที่ใส่ผลสตอเบอร์รี่ โดยที่พี่เจซ พี่เจย์เลนและพี่เจย์เลอร์กำลังขนออกมาวางไว้เรื่อยๆ
พี่ๆ ทั้งสามคนเป็นคนงานในไร่นี่แหละค่ะ เขาเป็นพี่น้องกันหน้าตาคล้ายกันแถมนิสัยก็ยังเหมือนกันสุดๆ คนงานในไร่จะเรียกพวกเขาว่า ‘สามทหารเสือ’
“นับลูกสตอเบอร์รี่ที่จะส่งออกวันนี้ทั้งหมด”