บทย่อ
เพราะกำลังจะเสียเขาไปเธอจึงได้รู้หัวใจตัวเอง... “คาร่าไม่อยากให้คุณโรมไปเป็นของคนอื่น” “งั้นก็ทำให้พี่ตกเป็นของคาร่าสิครับ”
••×× Intro ×ו•
“จะดีเหรอคะคุณหนู”
ฮันนี่ถามฉันพลางมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง หน้าตาของเธอตอนนี้เหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทำไมต้องเครียดขนาดนั้นด้วยฉันแค่ชวนมาเล่นอะไรที่มันลุ้นระทึกนิดหน่อยเท่านั้นเอง
“อะไรที่มันไม่ดีพี่ฮันนี่ คาร่าบอกแล้วไงว่าคาร่าแค่อยากรู้อะไรบางอย่าง”
ฉันตอบพลางชะเง้อหาแก๊งสามทหารเสือที่นัดกันเอาไว้ แล้วพวกเขาก็เดินคอตกกันมาพอดี=__= ทำหน้าตาไม่ต่างจากพี่ฮันนี่สักเท่าไหร่เลย
“พี่เจซ พี่เจย์เลน พี่เจย์เลอร์ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ยคะ”
ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกัน จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ ออกกันมาแล้วนี่
“ถ้านายรู้พวกผมตายแน่” พี่เจซพูดขึ้น
“ใช่ครับ นี่มันดึกมากแล้วนะครับ คุณหนูรีบกลับขึ้นบ้านใหญ่เถอะครับ” พี่เจย์เลนเสริม
“หยุดค่ะ! ไม่ต้องมากล่อมคาร่า เราไปนั่งกันตรงนู้นดีกว่าค่ะ”
ฉันชี้ไปตรงพื้นที่โล่งๆ ข้างที่พักคนงานของไร่ก่อนจะเดินนำไปนั่งลงที่พื้นคนแรก ในมือยังคงถือกระดาษบางอย่างที่ฉันตั้งใจทำมาทั้งวัน
ทุกคนเดินตามมานั่งลงเป็นวงกลมแม้สีหน้าจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ก้มลงมองกระดาษแผ่นใหญ่ในมือฉันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นี่เหรอครับ ที่จะทำให้เราคุยกับผะ...เอ่อ ผีได้”
พี่เจย์เลอร์เป็นคนถามขึ้นในขณะที่กำลังนั่งจ้องกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ
“ใช่ค่ะ! เค้าเรียกว่าผีถ้วยแก้ว”
ฉันทั้งหาข้อมูลใน google, YouTube และเว็บไซต์อื่นๆ อีกมากมายเพื่อหาวิธีการที่เราสามารถสื่อสารกับผีได้ ลองมาทุกอย่างจนมาเจอ ‘ผีถ้วยแก้ว’ ซึ่งมีการเล่นกันทั่วโลก บางที่ก็เรียกว่า ‘วีจาบอร์ด’ ‘กระดานวิญญาณ’ หรือ ‘กระดานพูดได้’
ในเมื่อเขาเล่นกันทั่วโลกก็น่าจะเป็นไปได้ว่ามันสามารถคุยกับผีได้จริงๆ
“แก้วอยู่ไหนคะพี่ฮันนี่”
“นี่ค่ะ”
พี่ฮันนี่รีบยื่นแก้วของเธอมาทันที ฉันรับมาวางคว่ำลงที่จุดเริ่มต้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเพื่อดูวิธีการเชิญวิญญาณเข้าไปอยู่ในแก้ว
“ทุกคนวางนิ้วลงบนแก้วค่ะ แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเอานิ้วออกเด็ดขาดเลยนะคะ”
ทุกคนหันมองหน้ากันก่อนจะทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้อีกครั้ง มันจะอะไรกันนักกันหนาแค่เล่นผีถ้วยแก้วเอง-*-
“ถ้าพวกพี่ไม่วางนิ้วลงมา พรุ่งนี้คาร่าจะปล่อยน้องแกะออกจากคอกแล้วต้อนขึ้นเขาไปเลย”
“วางครับๆๆ”
ทุกคนรีบวางนิ้วลงบนก้นแก้วทันที ก็แค่นี้! ทำไมต้องให้ขู่ก่อนด้วย
คำเชิญที่ฉันเลือกใช้เป็นของประเทศไทย ที่เลือกประเทศนี้เพราะว่าของประเทศอื่นๆ ไม่มีคำเชิญแบบชัดเจนมาให้
หวังว่าวิญญาณจะฟังออกนะ=__=;
“พุธ โท ธา ยะ พุธ โท ธา ยะ พุธ โท ธา ยะ”
ทันทีที่ฉันพูดบทสวดจบแก้วก็ค่อยๆ เลื่อนไปมาในกระดาษ พี่ฮันนี่เริ่มพูดติดอ่างเพราะความกลัว
“ฮะ เฮ้ยย ละ ละ เลื่อน เลื่อนแล้ว”
พวกเราทุกคนเงยมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย สีหน้าตื่นตระหนกของทุกคนบอกฉันได้ดีว่าไม่มีใครแกล้งเลื่อนแก้ว แก้วมันเลื่อนไปมาของมันเอง
บรรยากาศรอบตัวตอนนี้เงียบสงัด อากาศเย็นยะเยือกยิ่งสร้างความหวาดหวั่นเสียวสันหลังมากกว่าเดิม
“ใช่คนที่คาร่าคิดไว้มั้ยคะ”
“ฮะ ฮะ ฮือออT__T”
แก้วหมุนอยู่ตรงจุดเริ่มต้นพร้อมกับเสียงสะอื้นด้วยความกลัวของพี่ฮันนี่ ไม่นานแก้วก็เลื่อนลงไปที่คำว่า...
“yes” พี่เจซพูดพลางหันมองหน้ากับพี่เจย์เลน
ฉันยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้รับคำตอบ หวังว่าจะเป็นคนที่ฉันคิดไว้จริงๆ ไม่ได้มีใครในวงตอนนี้กำลังแกล้งฉันอยู่หรอกนะ
“เรื่องวันนั้นพ่อเป็นคนทำหรือเปล่าคะ”
ทุกคนเงยขึ้นมามองหน้าฉันแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรต่อจนแก้วเริ่มหมุนไปมาอีกครั้งแล้วเลื่อนกลับมาที่คำว่า ‘No’
“รู้มั้ยคะว่าใครเป็นคนทำ”
ฉันพยายามควบคุมสติแล้วถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นใจหวิวสั่นแปลกๆ แต่ก็อยากจะรู้เรื่องที่ฉันสงสัยมานาน
แก้วเลื่อนไปที่อักษรทีละตัวซึ่งพี่เจซเป็นคนอ่านออกมา
“m a n ผู้ชาย ผู้ชายครับ”
“ฮะ ฮืออๆ ฮันนี่กลัว”
พี่ฮันนี่พูดพลางซบหน้าลงบนไหล่ของฉันแต่ก็ไม่กล้าดึงนิ้วออกจากแก้ว ฉันที่กำลังจะถามคำถามต่อไปเงยหน้าขึ้นตามคำเรียกของพี่เจย์เลน
“คะ คะ คะ คุณหนู ครับ”
“มีอะไรคะพี่เจย์เลน”
“นะ นะ นะ นอกจากเรา คุณหนูชะ ชะ ชวนคนงานคนอื่นมาอีกมั้ยครับ”
ฉันขมวดคิ้วพลางมองหน้าพี่เจย์เลนด้วยความสงสัย นอกจากพวกพี่ฉันก็ไม่กล้าชวนใครมาด้วยแล้ว ดึกดื่นป่านนี้ถ้าคนรู้เยอะเดี๋ยวก็ถึงหูคุณพ่อคนที่สองของฉันพอดี
“ไม่ได้ชวนแล้วค่ะ พี่เจย์เลนอย่าเพิ่งขัดได้มั้ยคะ”
“ถ้าไม่ได้ชวน ละ ละ ละ แล้วนั่นใครเหรอครับ”
พรึบ!
ทุกคนหันไปมองตามนิ้วของพี่เจย์เลนที่ชี้ไปทางด้านหลังของฉันเป็นตาเดียว
เงาสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาทางพวกเราแถมตอนนี้ด้านหลังยังเต็มไปด้วยควันสีขาวเหมือนฉากในหนังผี เสียงหมาหอนดังขึ้นมาเป็นระยะยิ่งทำให้บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวสุดๆ
“มะ มะ ไม่น่ามาเลยกู ฮือๆ” เสียงร้องไห้ของพี่เจย์เลอร์ยิ่งทำให้ฉันตัวสั่นขาสั่นไปหมด
แต่...ไร่เราไม่มีหมานะ หมาที่ไหนหอน? หรือผีพาหมามาเองส่วนตัว
ผะ ผะ ผีเหรอ= [] =
“ผีหลอก!”
และก่อนที่ฉันจะตั้งสติได้ก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนกระชากแขนฉันอย่างแรงจนต้องลุกขึ้นวิ่งตาม
วงแตกกระจายคนละทิศคนละทางและคนที่จับมือฉันวิ่งออกมาจากวงก็คือพี่ฮันนี่นั่นเอง
“ฮือๆ คุณหนู พี่บอกแล้วว่าอย่าเล่นๆ แฮ่กๆ”
ตอนนี้พี่ฮันนี่วิ่งพลางร้องไห้พลางบ่นฉันพลาง เอาสักอย่างเถอะเดี๋ยวก็เป็นลมลงไปพอดี-*-
“ก็คาร่าอยากรู้นี่คะ! แฮ่กๆ”
โอ๊ยย! ฉันก็หอบไม่ต่างกับพี่ฮันนี่หรอก ทำไมวันนี้บ้านใหญ่มันอยู่ไกลจังวะ วิ่งมาตั้งนานไม่ถึงสักที
“เฮ้ย!”
ฉันหันไปมองข้างหลังก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำไมเงาสีดำนั่นมันยังตามฉันมาอยู่เลยวะ
“อะ อะไรคะ”
“เงานั่นยังตามมาอยู่เลยพี่!”
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
เสียงกรี๊ดของเราสองคนดังขึ้นพร้อมกันแต่เป็นสถานการณ์ที่ต่างกันเพราะพี่ฮันนี่กรี๊ดแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปโคตรเร็วเลย
ส่วนฉันกรี๊ดเพราะมีมือของใครบางคนมากระชากฉันให้หันหลังกลับไปน่ะสิ! ฮือออออ TTOTT
“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคะ ไปอยู่ที่ชอบที่ชอบเถอะค่ะ อ่อ! แต่อย่าชอบที่นี่เลยนะคะ ที่นี่ไม่น่าอยู่หรอกTT”
ฉันหลับหูหลับตาพูดพลางยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเหมือนที่เคยเห็นในคลิปเล่นผีถ้วยแก้วของคนไทย เผื่อเป็นผีมาจากประเทศไทยเขาจะได้เข้าใจ
ทำไมประเทศไทยให้คาถาเชิญผีมาแล้วไม่เขียนคาถาส่งกลับมาด้วย...
“ตั้งสติ!”
เฮือก!
สะ สะ เสียงคุ้นหูแบบนี้เรียกสติฉันกลับมาได้อย่างดีเลยล่ะ ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเห็นชุดนอนลายทางที่คุ้นตาไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยว่าใคร
“คะ คุณโรม”
ฉันเงยหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนสบตาเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีอัลมอนด์ที่กำลังจ้องหน้าฉันด้วยแววตาดุดัน ความเงียบเข้าปกคลุมรอบบริเวณทันที
ถ้าจะส่งคุณโรมมาเจอ...
ส่งผีมาหลอกคาร่าเถอะค่ะ...
คนนี้ดุกว่าผีอีก!
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~ TTOTT