EP 2 | เด็กเลี้ยงแกะ
“4.00ค่ะคุณป้า^___^”
ฉันรีบวิ่งเข้าไปกอดป้านาเดียพลางบอกเกรดเฉลี่ยเทอมสุดท้ายที่แสนภาคภูมิใจของตัวเอง
“เก่งที่สุดเลยลูกสาวป้า”
ป้านาเดียยกมือขึ้นลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู คุณป้านาเดียคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉันเองค่ะ คุณป้าใจดีมากๆ ตั้งแต่แม่ฉันเสียท่านก็เป็นคนส่งฉันเรียนต่อจนจบจากวันนั้นถึงวันนี้ก็สองปีแล้วค่ะ
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนต่อคณะอะไร”
“หนูอยากเรียนสัตวแพทย์ค่ะ แต่ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า”
ฉันอยากเป็นสัตวแพทย์เพราะว่าฉันคุยกับม้า กับแกะ กับวัวรู้เรื่องกว่าคุยกับคนเสียอีก=O=
“ยังไม่ทันพยายามเลย”
เสียงดุๆ ของใครบางคนดังขึ้นมาในห้องโถงทำให้ฉันรีบปล่อยแขนออกจากตัวคุณป้าแล้วนั่งหลังตรงทันที
“คนเก่งของป้าทำได้อยู่แล้ว ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่เค้านะลูก”
ให้ถามคุณโรมเนี้ยนะคะ!
น่าจะคุยไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ พูดกันไม่กี่ประโยคเขาก็ชอบทำหน้านิ่งตาแข็งใส่ฉันอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้าที่ฉันจะย้ายมาอยู่บ้านของเขา เราเคยสนิทกันนะคะเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและใจดีมากในความทรงจำของฉัน แต่พอที่บ้านฉันเกิดเรื่องแล้วคุณป้ารับฉันเข้ามาอยู่ด้วย เขาก็เปลี่ยนไป
จริงๆ ฉันก็พยายามจะเว้นระยะห่างจากเขาด้วยแหละเพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบการหลีกเลี่ยงการปะทะก็คงจะทำให้ฉันอยู่ที่นี่ได้นานขึ้น บอกตรงๆ เลยนะว่าฉันไม่ได้กลัวฉันแค่หลีกเลี่ยงเท่านั้น
“งั้นคาร่าขอไปเปลี่ยนชุดแล้วไปที่คอกแกะก่อนนะคะ”
“จ๊ะ”
ฉันลุกขึ้นจากโซฟาแล้วไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของตัวเอง ถึงจะมาอยู่ที่ไร่เซนในฐานะหลานของเจ้าของไร่แต่ฉันก็ไม่ได้มาอยู่ฟรีๆ นะ ฉันยังช่วยทำงานในไร่ด้วยเพราะยังไงฉันก็ไม่ใช่หลานแท้ๆ ทำตัวให้มีประโยชน์เข้าไว้จะดีกว่า
ไร่เซนเป็นไร่และรีสอร์ตที่ดังมากๆ ในเมืองเซบิยา พื้นที่ไร่รวมรีสอร์ตก็น่าจะร้อยกว่าไร่ได้มั่งบอกรายละเอียดทั้งหมดคงต้องใช้เวลาสักสามวัน เอาเป็นว่าค่อยๆ อ่านเอาเองแล้วกัน -^-
“ว๊ายๆๆ คุณหนู! จอดดีๆ สิคะพี่หัวใจจะวาย”
พี่ฮันนี่ร้องเสียงหลงเมื่อฉันขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคู่ใจมาเบรกเอี๊ยด! อยู่ข้างหน้าเธอพอดี พี่ฮันนี่เป็นพี่เลี้ยงของฉันเองค่ะอยู่กับฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่โดนพ่อไล่ออกเพราะเราไม่มีเงินจ้างต่อ พี่ฮันนี่ก็เลยมาสมัครเป็นคนงานอยู่ที่ไร่เซนพอฉันย้ายมาอยู่ที่นี่คุณป้าก็เลยให้พี่ฮันนี่มาดูแลฉันต่อ
“ตกใจเป็นคนแก่ไปได้”
ฉันบ่นอุบอิบพลางเดินเข้าที่คอกแกะแล้วเปิดประตูต้อนเด็กๆ ตัวอ้วนกลมออกไปกินหญ้า หนึ่งเหตุผลที่ฉันอยากเป็นสัตวแพทย์เพราะเวลาฉันอยู่กับสัตว์แล้วรู้สึกสบายใจ อยากจะมีความรู้เพื่อมารักษาพวกเขานี่แหละ
“ไปจ้าาา ไปจัดบุฟเฟ่ต์กัน”
เจ้าแกะขนฟูอ้วนกลมทยอยกันเดินออกจากคอกไปตรงทุ่งหญ้าสีเขียวขจี รับรองว่าคลอโรฟิลล์แน่นเต็มท้องแน่นอนนน!
“พี่ฮันนี่มีงานอย่างอื่นก็ไปทำเถอะ คาร่าอยู่คนเดียวได้”
แม้พี่ฮันนี่จะเป็นพี่เลี้ยงของฉันแต่ช่วงกลางวันเวลาฉันไปโรงเรียนพี่ฮันนี่ก็มีงานอื่นๆ ในไร่เหมือนกัน แถมตอนนี้ฉันก็อายุสิบแปดแล้วไม่จำเป็นจะต้องมีพี่เลี้ยงตามติดขนาดนั้น
“ค่ะๆ แต่คุณหนูอย่าไปซนที่ไหนนะคะ พี่ขอร้อง”
ฉันหันขวับไปมองพี่ฮันนี่ทันที ฉันออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย พูดน้อย น่ารักไม่เคยดื้อไม่เคยซน ไม่เค๊ยยยยไม่เคยจริงๆ!
“จ้าาาา^^”
พี่ฮันนี่มองฉันอย่างหวาดระแวงราวกับว่าการรับปากของฉันมันไม่น่าเชื่อถืออย่างนั้นแหละ
โอเค! ระหว่างที่รอน้องแกะกินหญ้าฉันจะเสียเวลาบรรยายเรื่องในไร่ให้ฟังสักหน่อย ในไร่จะเลี้ยงสัตว์แค่สามชนิดคือ แกะ ม้าและวัว เอ่อ โคนม นั่นแหละแถมเรายังรีดนมเองและก็แปรรูปเองทุกอย่าง มีไอศกรีมด้วยนะฉันชอบไปกินบ่อยๆ
“อ้าว ยัยเด็กเลี้ยงแกะ”
ฉันกลอกตามองบนทันทีที่ได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร ชื่อมีเป็นร้อยเป็นพันพ่อแม่ก็ไม่ยอมตั้งให้มาตั้งชื่อยัยนี่ว่า ‘เลียจู๋’ เหอะ! -___-++
“นี่! ฉันเรียกไม่ได้ยินรึไง”
“ใครปล่อยหมามาในไร่เนี้ย ชิ้วๆๆ”
ฉันพูดพลางโบกมือไล่โดยที่ยังนั่งหันหลังให้เธออยู่เหมือนเดิม ยัยนี่เป็นลูกของคนใหญ่คนโตไร่ข้างๆ นี่แหละ แต่ที่ไม่ยอมอยู่ไร่ของตัวเองเพราะมาอ่อยผู้ชายคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าผู้ชายคนไหน
“กรี๊ดดดด!”
“เงียบ! ห้ามส่งเสียงดังเดี๋ยวน้องแกะของฉันจะตกใจ”
“ฮึบ!”
ยัยเลียจู๋รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีที่ฉันหันไปชี้หน้าก่อนจะตั้งสติได้แล้วปล่อยมือออกมาชี้หน้าฉันแทน
“แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”
“แล้วโง่ทำตามทำไม-*-”
ยัยนี่เหมือนจะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ชอบเดินเข้ามาหาเรื่องฉันสุดท้ายก็วิ่งหนีหางจุกตูดทุกทีหรือไม่ก็วิ่งไป...
“ฉันจะฟ้องพี่โรม”
ค่ะ! วิ่งไปฟ้องคุณโรมนี่แหละ
“ข้อหาอะไรไม่ทราบ เฮ้ย!”
“อะ...อะไร”
ฉันสะดุ้งเมื่อเห็นแมงป่องกำลังเกาะแขนเสื้อยัยนั่นอยู่ ไปเกาะอยู่ตรงนั้นทำไมลูกแขนเสื้อยัยนั่นมันสกปรกนะ แล้วดูสิน้องชูหางโบกไปมาทักทายฉันอย่างน่ารักเชียว
“ยืนนิ่งๆ”
“อะไร ตัวอะไร ถะ ถ้าแกแกล้งฉัน ฉันจะ...”
“ฟ้องคุณโรม=__=”
ชีวิตนี้ทำเป็นอยู่อย่างเดียวแล้วมั่ง
ฉันถอนหายใจพลางเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อ่อ! แมงป่องชนิดนี้ไม่มีพิษจับได้และที่ทำเพราะฉันอยากช่วยน้องแมงป่องไม่ให้โดนตัวยัยเลียจู๋นี่นานๆหรอกนะ
“เดินมาตรงนี้เร็วครับ”
ฉันยื่นมือไปจับแมงป่องมาวางบนมือของตัวเอง พออยู่บนมือฉันน้องก็นอนนิ่งเชียว
“ปลอดภัยแล้วน้า”
“ประสาท! คนอะไรคุยกับแมงป่อง”
เอ้า! ปากดีแบบนี้ต้องโดนสั่งสอนสักหนึ่งกระบวนท่า =__+!
ฉันก้มลงมองแมงป่องในมือก่อนจะหันไปมองหน้ายัยเลียจู๋อีกรอบพลางส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้
“แก แกจะทำอะไรยัยขอทาน!”
“ปากดีแบบนี้โดนแมงป่องกัดปากหน่อยมั้ย!”
“กรี๊ดดดดด!”
ยัยเลียจู๋รีบวิ่งหนีทันทีแต่มีเหรอที่ฉันจะปล่อยให้หนีรอดไปได้ ชอบมาทำลายความเงียบสงบของฉันดีนัก จะแกล้งให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยคอยดูสิ
“กรี๊ด! ยัยเด็กเหลือขอ ยัยบ้า อย่าวิ่งตามมานะ ฟุบ!”
และยัยเลียจู๋ก็โง่จนสะดุดเท้าตัวเองล้มลงไปนอนแหมะอยู่กับพื้น ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปพลิกตัวยัยนั่นให้หันหน้าขึ้นมาแล้วนั่งคร่อมลงทันที
“มาให้น้องกัดปากซะดีๆ ฮ่าๆๆ”
หน้ายัยเลียจู๋ตอนนี้โคตรตลกเลยอ่า ทั้งกลัว ทั้งร้องไห้ ถ้านึกหน้าไม่ออกให้นึกถึงลิงแสมตอนโดนแย่งกล้วย 5555555
“ช่วยด้วยยยยย ฮือๆๆ ปล่อยฉัน!”
“พูดเพราะๆ สิ เผื่อฉันจะใจดีปล่อยเธอ”
ฉันพูดพลางแกล้งยื่นน้องแมงป่องลงไปใกล้ๆ หน้า ยัยเลียจู๋ถึงกับตาโตส่ายหน้ารัวๆ ตอนนี้น้ำตา น้ำมูก ไหลลงมารวมกันหมด อี๋!
“คาร่า!”
ขวับ!
O_O!!!
อุตส่าห์อยู่ในที่ลับตาคนแล้วเชียว มาได้ยังไงอีกวะเนี้ย
“ปล่อยจูเลียเดี๋ยวนี้”
คุณโรมพูดพลางเดินเข้ามาแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาดุๆ ฉันถอนหายใจออกมาดังๆ พลางลุกขึ้นยืน
ยัยเลียจู๋นั่นรีบลุกขึ้นวิ่งไปกอดคุณโรมทันที รัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือม!
“พี่โรม ฮือๆ ช่วยด้วยค่ะยัย เอ่อ น้องคาร่าจะเอาแมงป่องมากัดปากจูเลีย”
เอาไปเลยสิบคะแนนเต็ม!
สตอเบอแหลมากก-__-++