EP 12 | รู้แล้วเหยียบไว้
“คุณโรมดูหวงน้องสาวจังเลยนะครับ”
เอาอีกแล้วนะ! ไอ้คุณแฟรงค์นี่ชอบพูดพลางมองฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจถ้ายังไม่เลิกทำพฤติกรรมแบบนี้เดี๋ยวคำว่า ‘คุณ’ จะหายไปจากชื่อแล้วนะ
“ครับ ผมหวง^^”
มุมปากคุณโรมยกขึ้นเล็กน้อย แม้จะดูเหมือนว่าเขากำลังยิ้มแต่รอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตาดุดันของเขา
และคำตอบของคุณโรมก็ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบไปชั่วครู่ คุณโรมกับไอ้แฟรงค์ เอ้ย! ไอ้คุณแฟรงค์จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ส่วนฉันตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่ง เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะหัวใจฉันกำลังเต้นแรงจนฉันไม่กล้าขยับตัวกลัวจะตายเอาน่ะสิ
‘ครับ ผมหวง’
แม่จ๋า! ambulance อยู่หนายยยยย~
“ฮ่าๆ เป็นครอบครัวที่น่ารักจริงๆ ครับ”
หลังจากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนไปแม้ทุกคนจะยังพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
••××××ו•
“เฮ้อออออ~”
“คุณหนูถอนหายใจมาเป็นพันรอบแล้วนะคะวันนี้ ตกลงจะบอกพี่ได้หรือยังคะว่าเป็นอะไร ถอนจนหญ้าเตียนหมดแล้วนั่น”
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งถอนหญ้าอยู่ใต้ต้นองุ่น วันนี้พี่ฮันนี่กับแก๊งสามทหารเสือเข้ามาทำงานที่ไร่องุ่นฉันก็เลยตามมานั่งเล่นด้วย
นอกจากนั่งถอนหญ้าฉันยังนั่งถอนหายใจมาเป็นชั่วโมงๆ แล้วด้วย ตอนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจอาการของตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร มันสับสนงุนงงไปหมด
“พวกพี่ว่า...” พี่ทั้งสี่คนวางมือจากองุ่นแล้วเดินเข้ามาหาฉัน
“เฮ้อ~ ไม่มีไรหรอกค่ะทำงานเถอะ” ทั้งสี่คนยกมือขึ้นเกาศีรษะพลางเดินกลับไปทำงานของตัวเอง
“คือว่า...” ทั้งสี่คนเดินกลับมาอีกครั้งพลางขมวดคิ้วมองหน้าฉัน
“เฮ้อ~ คาร่าคงคิดไปเองช่างมันเถอะ” ทั้งสี่คนหันมองหน้ากันแล้วเดินกลับไปอีกครั้ง
“คือคาร่าอ่ะ...”
“สักทีเถอะ!” พี่เจซพูดขึ้นจนฉันสะดุ้ง
“ไม่ได้เก็บองุ่นหรอกกู วันนี้อ่ะ” ตามด้วยพี่เจย์เลน
ส่วนพี่ฮันนี่กับพี่เจย์เลอร์ก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งแล้วจ้องหน้าฉัน ก็คนมันสับสนทำไมต้องกดดันด้วย
“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับคุณหนู อ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้พวกพี่ไม่รู้จะช่วยยังไง”
พี่เจย์เลอร์พูดพลางถอนหายใจ ในขณะที่พี่เจซและพี่เจย์เลนก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ฉันด้วย
“คาร่ามีเรื่องเครียดค่ะ”
ฉันหันซ้ายหันขวามองคนงานแถวๆ นั้นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป เอาวะ! พวกพี่ๆ เป็นคนงานที่ฉันไว้ใจเขาคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก
“พี่รู้ครับ คุณหนูนั่งถอนหายใจพลางถอนหญ้าพลางมาเป็นชั่วโมงแล้วครับ ดูกองหญ้าสิจะเอาไปให้วัวกินได้แล้วมั่ง”
“อุ้ย! แฮะๆ” กองใหญ่เชียว
“คาร่าอยากปรึกษาค่ะ แต่ถ้าพี่ๆ รู้แล้วต้องเหยียบไว้ให้มิดเลยนะคะ”
“ครับ/ค่ะ”
“เหยียบไว้ห้ามใครรู้เลยนะคะ”
“ครับ/ค่ะ”
“เหยียบไว้ให้ลึกสุดๆ เลยนะคะ”
“โอ๊ยยยย! พี่จะเอารถแม็คโครมาขุดหลุมฝังแล้วขับแทรกเตอร์มาเหยียบทับให้มิดเลยครับ” พี่เจย์เลอร์พูดพลางถอนหายใจ
“โอเคๆ คือว่าคาร่าอะ.....”
แล้วฉันก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดบนโต๊ะอาหารในงานวันนั้นให้พี่ๆ ฟัง รวมไปถึงความรู้สึกของฉันด้วยแต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่คุณโรมจูบฉันหรอกนะ
จากที่ทำหน้าเครียดตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนมาทำหน้าเขินแทน พี่เจซบิดตัวไปมา พี่เจย์เลนยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นเกี่ยวกัน พี่เจย์เลอร์กำลังถอนหญ้าแล้วป้อนพี่ฮันนี่และพี่ฮันนี่ก็อ้าปากเคี้ยว งั่มๆ!
“พี่ฮันนี่กินหญ้าทำไมคะ?”
“หญ้า? ...ถุ้ย! แหวะๆๆ แกป้อนฉันทำไมเนี้ยไอ้บ้า”
พี่ฮันนี่ร้องโวยวายพลางยกเสื้อขึ้นเช็ดลิ้นของตัวเอง=__=++
“คาร่าไม่อยากให้คุณโรมแต่งงาน คาร่าจะทำยังไงดีคะ”
ฉันส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจเรื่องของตัวเอง ฉันยืนคิด นั่งคิด นอนคิด กลิ้งคิดเรื่องนี้มาสามวันแล้ว ยังไม่ได้คำตอบให้ตัวเองเสียที
“คุณหนูก็บอกคุณโรมไปตรงๆ เลยสิครับ” พี่เจซเสนอ
“แล้วถ้าคุณโรมถามว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากให้แต่งงานคาร่าจะตอบว่าอะไรล่ะคะ”
“แหม~ เหตุผลก็เพราะว่าคุณหนูชอบคุณโรมไงคะ”
OoO!!
ประโยคของพี่ฮันนี่ทำให้ฉันตาโตขึ้นมาทันที จริงๆ ฉันก็รู้อยู่แล้วแต่ยังไม่อยากยอมรับ
“มันไม่แปลกเหรอพี่”
“แปลกยังไงครับ” พี่เจย์เลนขมวดคิ้วถาม
“ก็คุณโรมอายุเยอะกว่าคาร่าตั้งสิบสองปีเลยนะ”
คำตอบของฉันทำให้พี่ๆ ทั้งสี่คนหันมองหน้ากันก่อนจะลุกขึ้นยืนและร้องเพลงว่า...
‘My sugar daddy, หมดใจเลยที่ฟ้าให้พ่อ~~
รักจริงไม่ได้หลอก~ แค่อยากจะขอให้พ่อช่วยฟ้าหน่อย~~’
แถมท่าเต้นประกอบให้อีกด้วย-__-”
“เดี๋ยวนี้เค้าไม่สนเรื่องอายุกันแล้วค่ะ สนใจแค่ความรู้สึกทั้งนั้นแหละ”
พวกพี่ทั้งสี่คนกลับมานั่งเหมือนเดิมและพี่ฮันนี่ก็พูดขึ้นต่อ สนใจแค่ความรู้สึกนี่แหละเรื่องใหญ่สุดๆ
“แต่คุณโรมก็ไม่ได้ชอบคาร่า (. .) ”
“ถ้าคุณโรมไม่ชอบคุณหนูในโลกนี้ก็ไม่มีใครชอบคุณหนูแล้วครับ”
พี่เจซตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับอีกสามคนที่พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขามองกันยังไงนะว่าคุณโรมชอบฉัน
“อย่ามัวลังเลครับ ถ้าคุณหนูไม่ทำอะไรสักอย่างคุณโรมต้องแต่งงานกับคนอื่นแน่ๆ” พี่เจย์เลนพูดขึ้นอีกครั้ง
“ได้! คาร่าจะสู้”
เอาวะ! ลองดูสักตั้ง!
หลังจากนั้นพี่ๆ ก็แยกย้ายกันไปเก็บองุ่นเหมือนเดิมค่ะ ขืนไม่ยอมทำงานคงได้โดนไล่ออกทั้งแก๊งแน่ๆ
ฉันช่วยเก็บบ้างกินบ้างจนตกเย็นพวกพี่ๆ ก็ทำงานเสร็จ ไร่องุ่นของเราจะอยู่ติดกับโรงบ่มไวน์ ใช่ค่ะ! เรามีโรงบ่มไวน์เป็นของตัวเองด้วยน้า~ บอกแล้วว่าที่นี่น่ะใหญ่สุดๆ ไปเลย
ซึ่งระหว่างที่เดินผ่านโรงบ่มไวน์ฉันเห็นประตูมันเปิดแง้มอยู่นิดหน่อยและไอเดียบางอย่างก็ปิ๊งเข้ามาในหัว
“พี่ๆ กลับไปก่อนเลย”
“คุณหนูจะไปไหนคะ”
พี่ฮันนี่หันขวับมาถามฉันทันทีราวกับกลัวว่าฉันจะไปสร้างเรื่องอย่างนั้นแหละ ซึ่งฉันไม่ตอบแต่ชี้นิ้วเข้าไปที่โรงบ่มไวน์แทน
“ครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวคาร่าตามไปเลย”
“คุณหนู~ TT^TT”
คราวนี้พี่ฮันนี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาทันทีเลยค่ะ ฉันแค่อยากเข้าไปดูว่าข้างในเป็นยังไงบ้างเท่านั้นเอง
“ทันมื้อเย็นแน่นอน!”
ยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมสะบัดผมสยายราวกับอยู่ในโฆษณายาสระผมสักยี่ห้อหนึ่งแล้วมุ่งหน้าตรงไปเปิดประตูโรงบ่มไวน์ทันที
“ว้าวววว~”
ดูจากข้างนอกว่าใหญ่แล้วนะแต่พอเข้ามายืนข้างใหญ่ยิ่งรู้สึกว่าโคตรใหญ่ โคตรกว้าง ผนังห้องข้างในทั้งหมดทำจากอิฐแดง
ในนี้มีทั้งเครื่องคัดแยกองุ่น มีถังหมักใหญ่มากแล้วก็มีถังไม้โอ๊กบ่มไวน์นอนอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ มองด้วยตาเปล่าเกินห้าพันถังอ่าคิดดู ซึ่งแต่ละถังก็จะมีเลขปีที่เริ่มบ่มเขียนกำกับเอาไว้ด้วย
ถ้าเป็นถังเล็กเราจะต้องเปิดจุกคอร์กเพื่อชิมไวน์ด้านในแต่ถ้าเป็นถังใหญ่จะมีระบบติดตั้งเอาไว้หน้าถังเพื่อบอกปริมาณไวน์ข้างในแล้วก็มีก๊อกเปิดเพื่อชิมไวน์ได้เลย
แน่นอนว่าฉันเข้ามาขนาดนี้ก็เพราะว่าอยากลองชิมนี่แหละ! ชิมจากถังใหญ่ง่ายกว่าไม่ต้องไปหาอุปกรณ์มางัดจุกคอร์กออก กลัวงัดไปงัดมาฉันจะทำถังแตกเอาเสียก่อน
“เริ่มจากถังนี้แล้วกัน แก้ว แก้ว อ๊ะ! อยู่นี่เอง”
แหม~ อะไรมันจะเป็นใจให้ฉันขนาดนี้แก้วชิมไวน์ก็วางอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ฉันหยิบแก้วมารองใต้ก๊อกแล้วกดเปิดน้ำสีแดงเข้มไหลลงมาทันที
“หอมจัง”
ฉันหมุนควงแก้วไปมาเบาๆ แล้วยกแก้วขึ้นดมกลิ่น ก่อนจะตัดสินใจชิมไวน์ในแก้ว
“อ๊ายย!”
สัมผัสแรกที่เข้าปากเลยคือความเปรี้ยวตามมาด้วยความฝาดและอมหวานนิดๆ ไวน์ตัวนี้น่าจะมักจากองุ่นสายพันธุ์ ‘การ์แบเน โซวีญง’ เป็นสายพันธุ์ที่ใช้บ่มไวน์กันทั่วโลก แถมยังเป็นสายพันธุ์ที่เราปลูกเยอะที่สุดในไร่ด้วย
ไปชิมถังอื่นต่อดีกว่า^^