EP 11 | อาการแปลกๆ
คุณแฟรงค์รีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเราเดินมาถึงที่โต๊ะ ฉันเคยเห็นเขาแค่ผ่านๆ ไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆ แบบนี้มาก่อน ดูท่าทางเขาน่าจะอายุน้อยกว่าคุณลุงไม่มากแต่สายตาที่ใช้มองมาทางฉันมัน...
เฒ่าหัวงูชัดๆ!
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณแฟรงค์ ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะครับ”
คุณลุงพูดพลางส่งยิ้มให้บางๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณแฟรงค์เมื่อเขาผายมือเชื้อเชิญ นี่ฉันต้องร่วมโต๊ะกับเขาเหรอเนี้ย!
“ขอบคุณมากๆ ครับ แล้วนั่น...”
คุณแฟรงค์พูดพลางปรายตามาทางฉันเป็นเชิงถามนั่นแหละว่าฉันเป็นใครถึงได้เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับเขาได้
“คาร่าค่ะ หลานสาวของดิฉันเอง”
“สวัสดีค่ะคุณแฟรงค์”
เมื่อคุณป้าแนะนำฉันก็ต้องเอ่ยทักทายเขาตามมารยาทอีกครั้ง ไม่อยากให้คุณป้าขายหน้า
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับว่าคุณนาเดียมีหลานสาวสวยขนาดนี้”
“สวัสดีครับคุณแฟรงค์”
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไปเสียงของคุณโรมก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังของฉันเสียก่อนและเจ้าตัวก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆ ฉันทันที
“สวัสดีครับคุณโรม จูเลียพาพี่เค้าไปไหนมาหื้ม?”
ยัยเลียจู๋รีบนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณโรมพลางส่งยิ้มหวานให้พ่อของตัวเองแต่มือของเธอยังคงเกาะแขนคุณโรมไม่ปล่อยเลย
ถ้าเป็นปลิงคุณโรมคงเลือดหมดตัวไปแล้ว!
“จูเลียพาพี่โรมไปทักทายเพื่อนๆ ที่โต๊ะนู้นมาค่ะ พวกเค้าคิดถึงไม่ได้เจอพี่โรมตั้งนาน”
“จูเลียกวนหรือเปล่าครับคุณโรม”
คุณแฟรงค์เอ่ยถามพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับไม่ได้สนใจคำตอบของคุณโรมมากนัก
“ไม่หรอกครับ”
ชิ!
“ฮ่าๆ คุณโรมใจดีกับจูเลียแบบนี้ตลอด ลูกสาวผมก็ไปไหนไม่รอดสิครับเนี้ย สงสัยคงต้องเตรียมจัดงานใหญ่อีกสักงานแล้วมั่งครับคุณเวสตัน”
“คุณพ่อขาาาา~”
ประโยคของคุณแฟรงค์ทำให้ฉันหันขวับไปมองหน้าคุณโรมทันที ส่วนยัยเลียจู๋ก็นั่งบิดไปบิดมาด้วยท่าทางเขินอายเสียเต็มประดา งานใหญ่ที่พูดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหมายถึงงานแต่งงาน
“แล้วแต่เจ้าโรมเขาเลยครับ”
คุณลุงตอบพลางส่งยิ้มบางๆ ให้คุณแฟรงค์และคำตอบของคุณลุงยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ผู้ใหญ่คุยกันแบบนี้...?
หมายความว่าไง?
แม้จะรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ แต่ฉันก็ยังคงนั่งยิ้มบางๆ ฟังบทสนทนาที่เปลี่ยนไปอยู่เงียบๆ คนในงานวันนี้เยอะมากฉันไม่กล้าสร้างเรื่องหรอก
แต่สิ่งที่ปรากฏชัดเจนขึ้นมาในสมองของฉันตอนนี้เลยคือคำว่า ‘หวง’ ฉันกำลังไม่พอใจที่คุณโรมจะแต่งงานกับคนอื่น แม้จะไม่ชอบยัยเลียจู๋เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เถอะ
ต่อให้ไม่ใช่ยัยเลียจู๋ ต่อให้เป็นผู้หญิงคนอื่นฉันก็ไม่อยากให้แต่ง ทำยังไงดี? =__= ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้กล้าคิดอะไรแบบนี้กับเขา
“คาร่า”
“คะ...คะคุณป้า”
ฉันสะดุ้งพลางหันมองรอบๆ โต๊ะ ตอนนี้สายตาของทุกคนกำลังมองมาทางฉัน แกเหม่อเหรอเนี้ยยัยคาร่า!
“เป็นอะไรหรือเปล่า นั่งเงียบเชียว”
คุณโรมเอ่ยถามพลางมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นห่วง ยิ่งเห็นสายตาแบบนี้ของเขาฉันก็ยิ่งหวงจู่ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
แกเป็นอะไรของแกเนี้ย! ประจำเดือนจะมาหรือไง
“เปล่าค่ะ เอ่อ...คาร่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ฉันพูดพลางรีบลุกขึ้นยืน คุณโรมจะลุกขึ้นมาด้วยแต่ฉันหันไปห้ามเอาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ คาร่าไปเองได้ค่ะ”
คุณโรมมองหน้าฉันพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะปรายตาไปมองพี่ไคโรที่ยืนอยู่แถวนั้นให้เดินตามฉันมาแทน
ห้องน้ำอยู่ห่างจากสถานที่จัดงานไม่ไกลเท่าไหร่ หลังจากทำธุระเสร็จฉันก็ยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจกเพื่อเรียกกำลังใจ
“แกคือคาร่า กิล ฮาร์วีนะเว้ย จะมาหงอกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้”
สูดลมหายใจเข้าให้สุดปอด!
“ฮึบ!”
เรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จเรียบร้อย มือที่ยื่นไปเปิดประตูของฉันก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากหน้าห้องน้ำ
“เด็กผู้หญิงคนนั้นแหละครับนายลูกไอ้ฌอนไม่ผิดตัวแน่”
ฌอน? ชื่อพ่อของฉันนี่ หรือจะเป็นฌอนอื่น?
“ทำไมมันถึงไปอยู่ในไร่เซนได้”
เสียงที่ถามกลับไปคุ้นหูมากๆ เหมือนฉันเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพราะดูเหมือนว่าเขากำลังพูดถึงฉันอยู่นะ
เด็กผู้หญิง
ลูกสาวฌอน
อยู่ในไร่เซน
“แม่มันเป็นเพื่อนสนิทกับคุณหญิงนาเดียครับ”
ฉันแน่ๆ!
พวกเขาพูดถึงฉันทำไม?
“เออๆ มึงตามดูไว้ห่างๆ ก็พอนายยังไม่ได้สั่งให้ทำอะไร มีคนกำลังมา”
แล้วเสียงเท้าของสองคนนั้นก็เดินออกไปทันที ฉันยังยืนจับลูกบิดประตูห้องน้ำด้วยความลังเล ลางสังหรณ์บอกว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดี
ไม่ดีเอามากๆ!
เชื่อหรือยังว่าเรื่องมันมาหาฉันเอง!
“คุณคาร่าครับ…คุณคาร่ายังอยู่ข้างในมั้ยครับ”
เสียงพี่ไคโรเรียกฉันอยู่หน้าห้องน้ำ ตอนเดินมาฉันบอกให้เขาไปยืนรอไกลๆ แต่สงสัยว่าฉันจะเข้าห้องน้ำมานานเกินไปเขาเลยเดินมาตาม
“เสร็จแล้วค่ะพี่ไคโร”
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกไป พี่ไคโรมีสีหน้าโล่งใจเล็กน้อยที่ฉันยังอยู่ในห้องน้ำ
“ทำไมทำหน้าเหมือนกลัวคาร่าจะโดนจับไปด้วยล่ะคะ”
“ถ้าคุณหนูหาย นายเล่นผมตายเลยครับ”
พี่ไคโรพูดพลางยกนิ้วชี้ขึ้นทำท่าปาดคอตัวเองจนฉันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“เค้าไม่ทำอะไรพี่ไคโรหรอกค่ะน่าจะขอบคุณมากกว่าที่ทำตัววุ่นวายหายไปได้สักที ฮ่าๆ”
“ถ้างั้นคุณโรมคงชอบให้ชีวิตวุ่นวายแหละครับ”
ประโยคหลังพี่ไคโรพูดเบาๆ เหมือนบ่นงึมงำอยู่คนเดียวจนฉันต้องถามซ้ำว่าเขาพูดอะไรแต่พี่ไคโรส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาแทน
ฉันเดินนำออกไปที่งานอีกครั้ง อยู่ที่นี่แล้วฉันรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่ชอบงานสังคมเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“ว๊าย!”
“คุณหนู!”
รองเท้าส้นสูงพลิกจ้า-__-”
ถ้าพี่ไคโรไม่เข้ามารับไว้ฉันคงหัวทิ่มโชว์คนทั้งงานไปแล้วและเพราะฉันยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะมากนักคุณโรมจึงรีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหา
แต่สายตาที่มองพี่ไคโรตอนนี้น่ากลัวมากจนฉันแอบขนลุกและพี่ไคโรก็รีบปล่อยมือจากตัวฉันแล้วถอยหลังไปสองก้าวทันที
“คุณหนูจะล้มครับผมเลยเข้าไปช่วย”
รีบพูดอะไรขนาดนั้นล่ะพี่ไคโร คุณโรมยังไม่ได้ถามอะไรสักคำเลย
เมื่อคุณโรมพยักหน้าตอบพี่ไคโรก็ก้มคำนับแล้วเดินออกไปทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บข้อเท้ามั้ย”
“มะ...ไม่ค่ะ คุณโรมจะทำอะไรคะ”
จู่ๆ เขาก็ย่อตัวลงนั่งพลางจับที่ข้อเท้าของฉันท่ามกลางสายตาของคนทั้งงานที่มองมาด้วยความสงสัย ฉันนี่รีบนั่งลงตามเขาทันที
“ยืนดีๆ นั่งลงเดี๋ยวก็หวอออกหรอก”
กรี๊ดดดด!
>///