Ep.6 I scared
บีกันค่อยๆ หันมาช้าๆ และดูตกใจที่เห็นฉัน
“ทำอะไรอยู่หรอ? ” ฉันมองขวดโซดาไฟ และน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ที่บีกันเอามาตั้งวางไว้ เพื่อล้างคอกม้า
“สายหมอกไปไหน..” ฉันหันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ
“คือคุณคินสั่งให้แยกสายหมอกออกไปรักษาก่อนนะ ” บีกันตอบอย่างไม่มองหน้าของฉันเลยด้วยซ้ำ
มันรุนแรงถึงขั้นต้องแยกคอกเลยหรอ..ฉันเริ่มใจไม่ค่อยดีเลย...
“สายหมอกป่วยหนัก ขนาดต้องแยกคอกกับตัวอื่นๆ เลยหรอ ..” ฉันถามเสียงสั่นๆ
“ป่าวๆ ป่วยไข้หวัดธรรมดานี้แหละ ไม่ต้องกังวลนะ ” บีกันเดินเข้ามาบีบไหล่ของฉันเชิงให้กำลังใจ
“แล้วแยกไปไว้ที่ไหนล่ะ พาฉันไปทีสิบีกัน ” ฉันหันไปพูดอย่างขอร้องๆ
“ คือ...หมอกสบายดีนะ กลับไปอ่านหนังสือเถอะไป ” บีกันจับฉันหันหน้ากลับไปทางบ้านใหญ่ทันที
“ ไม่กลับๆ ” ฉันไม่ยอมกลับง่ายๆ หรอก!!
“คุณคินกับลุงหมอ ไม่อยากให้ใครเข้าไปเยี่ยมตอนนี้ ยังไงเธอไปพัก หรืออ่านหนังสือเตรียมสอบวันพรุ่งนี้ก่อนดีมั้ย ตั้งสติ สมาธิ จะได้สอบเข้ามหาลัยได้ไง?? ” บีกันดันตัวของฉันให้เดินไปตามทางกลับบ้านทันที
“พี่คินกับลุงหมออีกคน กำลังรักษา สายหมอกใช่มั้ย? ” ฉันจับเสื้อของบีกันและเขย่าๆ
“อื้ม!!และยังมีฉันช่วยด้วยอีกคนนะ ” บีกันยักคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะบีบมือของฉันอีกครั้งและยิ้มออกมา บีกันคือครูสอนขี่ม้าที่มีความรู้เรื่องม้าดีพอสมควร และเขาเป็นลูกศิษย์คนโปรดของพ่ออีกด้วย เขาคลุกคลีและอยู่กับม้ามาตั้งแต่เด็ก และคุณลุงยังมอบให้เขาเป็นหนึ่งในคนดูแลม้าเกือบทั้งหมดในฟาร์มอีกด้วย...
แม้ว่าบีกันจะกำชับหนักหนา ว่าพี่คินไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ระหว่างที่รักษา แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะ...ขัดคำสั่ง!!
ในกลางดึก หลังจากที่ฉันอ่านหนังสือ และอาบน้ำเรียบร้อย
ฉันก็แอบย่องไปที่บ้านส่วนตัวของพี่คินตาใจกลางไร่นั่น
จริงๆ ฉันก็ไม่ได้มั่นใจหรอกว่า สายหมอกจะรักษาตัวอยู่ที่นี้ เรียกว่า เสี่ยงดวงมาเอามากกว่า
ฉันทนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้หรอกนะ ยิ่งห้ามไม่ให้ไป ยิ่งท้าทาย...
แต่ฉันยังไม่ทันจะเดินถึงตัวบ้าน ฉันก็ได้ยินเสียงผู้ชายกำลังคุยกันดังขึ้นพอดี
“บาซิลลัส แอนทราซีส .... ” นั่นมันเสียงพี่คินจริงด้วย
“มีไข้สูง ตัวสั่น หงอยซึม ถ่ายเป็นเลือด กล้ามเนื้อขาไม่มีกำลัง.. ” พี่คินพูดต่ออย่างวิเคราะห์ๆ
“มันคืออะไรหรอครับ คุณคิน ..” และนั่นคือเสียงบีกัน
“มันเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อันตรายที่สุดในม้า... และติดต่อกันได้...” พี่คินตอบด้วยเสียงเครียดๆ
เขาเหมือนกำลังคุยกันถึงเรื่องอะไรสักอย่าง ที่เกี่ยวกับม้า....งั้นหรอ.....
“สายหมอกเป็นม้าที่ไม่แข็งแรงตั้งแต่แรกเกิดแล้ว พ่อของหนูแอรินก็รู้ดี ...เราถึงไม่เลือกเจ้าหมอกมาเป็นม้าแข่ง ทั้งที่มันมีรูปร่าง และสีที่สวยสง่า ” ลุงหมอพูดขึ้นอีกคน..
ฉันแอบฟังอยู่หลังกำแพงไม่ไกลจากที่พวกเขาคุยกัน จึงสามารถได้ยินได้ทั้งหมด...
“งั้นก็แสดงว่า..สายหมอกอาจจะไม่รอดคืนนี้งั้นหรอครับ.. ” บีกันถามขึ้นเสียงสั่นๆ
“ฮั่ก.... ” ฉันเผลอหลุดเสียงร้องไห้ออกไปอย่างฝืนกลั้นไม่อยู่...
“ใครอะ..” เสียงลุงหมอพูดขึ้นคนแรก
ฉันก็รีบก้าวถอยหลังทันที ทำให้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งๆ จนเสียงดังชัดกว่าเดิม
แกร๊บบบบบบ...
“แอรินแน่ๆ ..” เสียงบีกันเรียกชื่อฉันทันที ทั้งที่ยังหาตัวฉันไม่เจอ
ฉันรีบก้าวถอยหลังหนีออกมาทันที อย่างทำอะไรไม่ถูกเลย..ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับเพื่อวิ่งหนีออกมา
แต่แค่ก้าวขาไม่อีกก้าว...
หมับ!!มีมือของใครบางคนคว้ามือของฉันเอาไว้ก่อน...
“พี่คิน...”
“มากับฉัน... ” และเขาก็ออกแรงดึงข้อมือของฉันให้เดินตามเขาไป...
“สายหมอก....โอเค.ใช่มั้ยคะ? ..” ฉันพูดออกมาทั้งน้ำตา
พี่คินถอนหายใจและหยุดเดิน ก่อนจะหันมามองหน้าฉันช้าๆ
“เธออยากจะไปเยี่ยมสายหมอกมั้ยล่ะ? ” พี่คินไม่ตอบคำถามของฉัน เขาพยายามจะเปลี่ยนเรื่องแทน
ฉันก็พยักหน้าตอบไปเบาๆ ....
พี่คินจับมือของฉันแน่นและพามาที่ คอกม้าปิด เหมือนห้องรักษาตัวในโรงพยาบาล..ซึ่งมันอยู่ใต้ชายคาบ้านส่วนตัวของพี่คิน....
“หมอก!!” ฉันอยากจะวิ่งเข้าไปหา เข้าไปกอดมันแน่นๆ แต่พี่คินดึงข้อมือเอาไว้ก่อน
“อย่าเข้าไป สายหมอกไม่ค่อยแข็งแรง ต้องอยู่ในเขตปลอดเชื้อ ”
สายหมอกนอนหายใจรวยริน และมีเสาน้ำเกลือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ข้างๆ คือเข็มฉีดยา และเครื่องรักษามากมาย
“แต่หนูอยากนอนกับสายหมอก ” ฉันพูดทั้งน้ำตา
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แอริน!!” พี่คินตายังคงจับมือของฉันไว้แน่น และขึ้นเสียง
ฉันจึงทำได้เพียงยืนมองสายหมอกอยู่ไกลๆ
“ถ้าพรุ่งนี้สายหมอกอาการดีขึ้น .. ก็หมายความว่ายาฆ่าเชื้อที่ฉีดให้ไปได้ผล...และต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียในตัวของสายหมอกได้เป็นอย่างดี....... ” พี่คินมองหน้าของฉันนิ่งๆ
ฉันยืนร้องไห้ออกมาอย่างเด็กขี้แง สายหมอกเหมือนเพื่อนยามวัยเด็ก และเป็นเหมือนน้องสาวตัวน้อยๆ ของฉัน...
“แล้วถ้าไม่ดีละคะ ” ฉันถามด้วยเสียงที่สั่นและเบาหวิว
“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาตินะแอริน.. ” พี่คินเช็ดน้ำตาให้ฉันแบบลวกๆ และลูบหัวเบาๆ
ฉันเงยหน้ามองพี่คิน...ทั้งน้ำตา
“ไม่เอาอะ...ไม่เอา...เป็นแบบนั้นไม่ได้นะ...” ฉันส่ายหน้าและเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิม
Kinta part
ผมมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเห็นใจ ผมไม่สามารถตอบเธอได้จริงๆ ว่า ม้าตัวโปรดของเธอจะสามารถหายป่วยได้
สายหมอก ป่วยเป็นโรค แอนแทรกซ์ โรคติดต่อที่ร้ายแรงในม้า...ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนที่ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย และภูมิคุ้มกันของสายหมอกที่ไม่ได้แข็งแรงเท่าม้าแข่งตัวอื่นๆ
แอรินร้องไห้อย่างไม่อาจจะหยุดได้ ตาแดงก่ำ และบวมจนเห็นได้ชัด ส่วนผมทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ เพื่อคอยเป็นเพื่อนของเธอนิ่งๆ ผมไม่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงคนไหนหรอก..แต่ว่า...
ฟุ๊บบบบ......แอรินพุ่งเข้ากอดผมทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัว..
“ฮื้ออออ....ๆๆๆๆ ” แอรินซบใบหน้าลงกับแผ่นอกของผม และถูไถเพื่อเช็ดคราบน้ำตา
ซึ่งผมเองก็...ทำได้แค่ยืนงงๆ
ผมไม่ได้รู้สึกเชิงชู้สาวอะไรนั่นนะ ..... เธอก็เปรียบเสมือนน้องสาวของผมนั่นแหละ...น้องสาว?
“ กลัว...ฮื้ออ... ” แอรินกระชับอ้อมแขนรัดเอวของผมแน่นๆ เหมือนอยากระบาย มือเล็กๆ กำเสื้อของผมแน่น และร้องไห้หนักกว่าเดิม