ลวงรัก ครั้งที่ 4
ซ่า~ แบกสังขารเข้ามาล้างหน้าในห้องน้ำได้สองนาทีก็เริ่มรู้สึกมวนท้องคล้ายกับของเก่าของเสียเมื่อคืนจะขย้อนออกมาจนต้องรีบวิ่งไปเกาะชักโครกไว้
"แหวะ.." และอย่างที่คิด ฉันจัดการคืนของพวกนั้นออกมาทางเดิมจนท้องว่าง ยิ่งอ้วกมากเท่าไหร่ฉันยิ่งรู้สึกปวดตุบๆ ที่หัวมากเท่านั้น
"ลองแช่น้ำหน่อยแล้วกันเผื่อดีขึ้น" พึมพำกับตัวเองเสร็จเลยเดินไปเปิดน้ำร้อนผสมน้ำเย็นให้อุณหภูมิอุ่น ๆ ก่อนจะลงไปแช่
"อืม ค่อยสบายขึ้นหน่อย" พอร่างกายได้โดนน้ำอุ่น ๆ มันทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นจนรู้สึกโล่งสมองไปหมด เผลอเคลิ้มหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงเหมือนมีใครเคาะประตูห้องน้ำ
ปัง ปัง ปัง
"ชะนีหนูอัยญ์ ตุ๊ดปวดขี้ ออกมาได้แล้ว!!" เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น ฉันสะดุ้งตื่นก่อนจะรีบลุกขึ้นล้างเนื้อล้างตัวแล้วพันผ้าขนหนูออกมา
"ทำไมไม่ไปเข้าอีกห้องล่ะ" ฉันถามฟิลลิ่งด้วยความสงสัย
คอนโดตรีญ่ามีห้องหลายห้อง แถมห้องน้ำยังมีแทบทุกห้องไม่เว้นด้านนอกที่ติดกับครัว
"โอ้ย ไม่ไหวแล้วค่ะ ถอย ๆ ปวดหนักมาก!!" ร่างฉันถูกดึงออกมาด้วยแรงระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับเหวี่ยง จากนั้นฟิลลิ่งนางก็รีบกระโจนเข้าไปในห้องน้ำลงกลอนและทำธุระด่วนของนาง
"ทำไมมึนแบบนี้" เสียงแหบพร่าของคนที่ยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงดังขึ้น
"ตื่นแล้วเหรอ?" ฉันเดินไปดูรันรันสักพักก่อนจะกลับมาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดของตัวเองที่เคยเอามาทิ้งไว้ที่ห้องตรีญ่ามาใส่
"ห้องยัยตรีเหรอ" รันรันลุกขึ้นนั่งก่อนเอ่ยถาม
"อื้ม คงลำบากตรีอีกแล้วล่ะ" ฉันส่ายหัวไปมาพร้อมสำนึกผิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราเมาหัวราน้ำแล้วให้ตรีญ่ารับผิดชอบพาพวกเรากลับห้อง
"แล้วเจ้าของห้องล่ะ?" รันรันถาม
"..." ฉันเองก็ตอบไม่ได้เพราะยังไม่ได้ก้าวออกจากห้องนี้เลย
"สงสัยอยู่ที่ห้องมั้ง" ฉันหมายถึงห้องส่วนตัวตรีญ่าน่ะ
"อืม" รันรันครางรับก่อนจะค่อย ๆ ลงจากเตียง
"เดี๋ยว! ยัยฟิลเข้าอยู่ รันไปใช้ห้องข้างนอกแทนสิ" รีบห้ามรันรันที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ
"อือ โอเค เดี๋ยวมา" ว่าจบเพื่อนลูกครึ่งฉันก็เดินออกไปจากห้อง ฉันเลยกลับมาสนใจตัวเองตรงหน้ากระจกอีกครั้ง
ฟู่~ เป่าลมออกจากปากทันทีที่เห็นรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ที่คอ
"ยัยรันนะยัยรัน" ฉันมองออกไปนอกห้องผ่านประตูที่รันรันเพิ่งเดินออกไป หันกลับมามองรอยแดงที่เกิดจากการขบเม้มด้วยริมฝีปากบางของเพื่อนสาว
ใช่ รันรันเวลาเมาชอบทำแบบนี้กับทุกคนประจำ ใครนอนใกล้นางเป็นอันต้องมีร่องรอยแบบนี้ทุกคน เคยถามหาเหตุผลนางบอกว่าเห็นพวกฉันเป็นหนุ่มหล่อกล้ามบึก
Rrr
แต่งตัวเสร็จไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น พอมองรอบ ๆ ก็พบว่ากระเป๋าถูกวางอยู่มุมหนึ่งติดขอบประตู
ไม่อยากคิดเลยเมื่อคืนเราเมาเละเทะกันขนาดไหน
"แม่นิน?" คิ้วฉันย่นเข้าหากัน พลางรู้สึกผิดที่เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านแถมไม่ได้โทรบอกแม่เลี้ยงฉันอีก ที่โทรมาแต่เช้าแบบนี้คงเป็นห่วงฉันสิท่า
ตู้ด ตู้ด ตู้ด
ครั้นโทรกลับสายกลับไม่ว่าง พอวางสายจึงมีข้อความแจ้งเตือนว่าแม่นินโทรมา คงจะโทรชนกัน ฉันรอดูสักพักเผื่อแม่นินโทรมาจะได้ไม่โทรชนกันแต่ปรากฎว่าเงียบเลยตัดสินใจโทรกลับ
ตู้ด... เสียงรอสายนานจนสัญญาณตัดไปก็ไม่มีคนรับสาย ฉันตัดสินใจกดโทรออกไปอีกครั้งก็เป็นเหมือนเดิม
"หรือว่าแม่นินจะไปเข้าห้องน้ำ" ฉันสันนิษฐานเพราะนี่ยังเช้าอยู่
"เดี๋ยวแม่นินคงโทรกลับเองแหละ" ฉันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะแต่งตัวต่อจนเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมาที่ห้องครัว
ติ๊ด ติ๊ด แกร๊ก..
เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้น ร่างบางสูงร้อยเจ็ดสิบสวมชุดไปรเวทเป็นเสื้อยืดแขนยาวกางเกงยีนส์ขาสั้นเดินเข้ามาพร้อมถุงสองสามถุง
"มา เดี๋ยวอัยญ์ช่วย" ฉันเดินไปหาตรีญ่ายื่นมือขอถุงในมือเธอมาช่วยถือก่อนจะเดินเข้ามาในครัว
"ตรีเห็นยังไม่ตื่นกันเลยรีบไปซื้อโจ๊กกับน้ำเต้าหู้มาให้เผื่อตื่นมาแล้วหิว"
ตรีญ่านอกจากจะสวยแล้วเธอเป็นเพื่อนที่ดีแสนดีเชียวล่ะ
"ขอบใจนะ ลำบากตรีแย่เลย พวกเราขอโทษนะ" ฉันถือโอกาสทั้งขอบใจและขอโทษคนตรงหน้าแทนฟิลลิ่งและรันรัน
"จะมาเกรงใจอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย" ตรีญ่าจับแขนฉันบีบเบา ๆ เพื่อให้เลิกทำหน้าตาเหมือนโลกจะถล่มสักที
"แล้วสองคนนั้นล่ะ" คงถามถึงสองนางที่ยังไม่ออกมา
"มาแล้วค่า~ โอ้ยหอมมาก ตุ๊ดหิว" ฟิลลิ่งยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อคืน เดินออกมาหัวเปียกน้ำอาจจะสระผมมา
"เลือกเอาเลยจ้ะ มีน้ำเต้าหู้กับโจ๊ก" ตรีญ่าหลีกทางให้คนมาใหม่เลือกของกิน
"หน้าอย่างคุณฟิลลิ่งเนี่ยนะจะให้เลือก ต้องบอกว่า เชิญกินให้เรียบยังจะฟังดูเข้าท่ากว่า" รันรันออกมาคนสุดท้ายก็แขวะคู่กัดเธอทันที "พูดมาก ไม่ต้องแดกค่ะชะนี"
และแล้วห้องครัวที่เคยเงียบก็กลายเป็นสงครามน้ำลายไปโดยปริยาย
"เมื่อคืนตรีพาพวกเรามาห้องนี้คนเดียวเหรอ" ฉันจูงมือตรีญ่าพร้อมน้ำเต้าหู้ในแก้วออกมาห้องนั่งเล่น
"อ้อ เปล่าหรอก พอดีให้การ์ดที่คลับช่วยหิ้วฟิลลิ่งกับรันรันมาส่งน่ะ"
ฉันพยักหน้าเข้าใจ จะให้เพื่อนหญิงที่แสนบอบบางคนนี้ลากฉันสามคนมารอบเดียวคงจะเกินกำลัง "ดูตรีรู้จักคนในคลับดีจังนะ" ฉันแซวเล่น ๆ
"นิดหน่อย พอดีมีคนคุ้นเคยอยู่ที่นั่น" ใบหน้าเพื่อนฉันตอนที่พูดถึงคนคุ้นเคยที่ว่า แดงปลั่งจนฉันอดแซวไม่ได้
"คนคุ้นเคยเป็นใครน้า~ ขนาดหนูอัยญ์ที่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่รู้จักเลย" แซวอีกครั้ง ถึงจะบอกว่าสนิทกันตั้งแต่มัธยมก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะจู้จี้เรื่องส่วนตัวเพื่อนทุกเรื่อง